ความแตกต่างระหว่าง Customer กับ Client

ให้เข้าใจง่าย ๆ เลยคือ
- มาซื้อของ = customer
- มาใช้บริการ = client

ขยายความเพิ่มเติมนิดหน่อย
- Customer (n.) = ลูกค้ามาซื้อของ  (Someone who buys something from a shop)
- Client (n.) = ลูกค้ามาใช้บริการ (Someone who receives a service from a professional or organisation)

ในความรู้สึกคือ...
- Customer คือมาซื้อแล้วไป อาจจะมาใช้บริการสั้น ๆ แล้วไปก็ได้ (ไม่ใช่ว่าใช้บริการแล้วจะเป็น client เสมอไป) ไม่ได้มีความผูกพันธ์ใด ๆ มากมายกับตัวคุณ (เช่นความเชื่อใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย) หากสินค้าไม่คุ้มเงินที่จ่ายก็อาจต้องการเงินคืนทันที คุณ(ผู้ขาย)ต้องรับผิดชอบ
- Client คือมาแล้วมาอีก มาเพราะมีความเชื่อใจในตัวคุณหรือธุรกิจของคุณ และไม่ได้คาดหวังแค่การซื้อมาขายไปจากคุณเท่านั้น แต่มีความวางใจในธุรกิจคุณด้วย หากบริการคุณไม่คุ้มเงินที่จ่ายก็อาจมีการปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกที่ดีต่อทุกฝ่าย

ลูกค้าที่มาซื้อของครั้งแรก (เป็น customer) แต่หลังจากนั้นมาซื้อทุกวัน กลายเป็น client ไหม? ยังครับ เราเรียกว่า 'regular customer' (ลูกค้าประจำ) ตราบใดที่ยังเป็นความสัมพันธ์แบบ 'ซื้อมาขายไป' แต่เมื่อเริ่มมีการให้คำปรึกษา การปรับแก้สินค้าหรือบริการตามความต้องการ (และลูกค้าจ่ายค่าบริการเหล่านี้ให้คุณด้วย) ตอนนั้นก็อาจจะเรียกว่า 'client' ได้ละ


แล้วคำอย่าง buyer, shopper, patron, patient, user ที่สามารถใช้ในความหมาย "ลูกค้า" ได้เหมือนกัน มันต่างกันอย่างไร???

บางคำอาจจะพอเดาได้ครับ เช่น "patient" นี้มันก็แปลว่า คนไข้ ซึ่งก็หมายถึง "ลูกค้าที่เข้าใช้บริการ" ของ healthcare provider (ผู้ให้บริการสาธารณะสุข เช่นคลินิกหมอ)
->>> เราก็จะจัดให้ patient อยู่ในกลุ่มเดียวกับ client เพราะจริงอยู่ว่าอาจจะมีซื้อยงซื้อยาติดไม้ติดมือกลับไปด้วย แต่หลัก ๆ คือมาใช้บริการในด้านทักษะ ฝีมือ ความรู้ของตัวบุคคล (รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย)

คำเหล่านี้จริง ๆ ก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่มได้เลย โดยคำที่เหมือนกับ client เพิ่มเติมจาก patient ก็คือ subscriber (คนที่ใช้บริการสื่อสิ่งพิมพ์ โดยจ่ายเงินแบบรายเดือนหรือต่อรอบเพื่อเป็นสมาชิก) บางทีเป็นคำว่า member ก็ได้ และอีกคำคือ user (ใช้กับลูกค้าที่มารับบริการที่เกี่ยวกับเรื่อง technology)

ส่วนคำที่เหมือน customer คือ buyer และ shopper รวมไปถึง consumer ด้วย ส่วนมากก็คือลูกค้าที่มาซื้อของแล้วก็จบไป (ถ้าของมีปัญหาก็ค่อยว่ากัน) ไม่ได้ต้องมี service หรือบริการอะไรให้มากมาย ซื้อ จ่าย จบ (ส่วนคำว่า "patron" ที่แปลว่าผู้อุปภัมภ์ หรือผู้อุปการะ สามารถใช้สื่อความหมายแบบ client (เน้นใช้บริการ) หรือ customer (เน้นซื้อจ่ายจบ) ก็ได้ครับ แต่มันให้ความหมายเพิ่มเติมคือเป็นลูกค้าหรือผู้ใช้บริการที่อยากมาช่วยอุดหนุน)


มาถึงจุดที่น่าสนใจจริง ๆ คือเวลาเราเอาคำเหล่านี้ (โดยเฉพาะ customer กับ client) มาใช้ในบริบทจริง อาจจะมี adjective เข้ามาด้วย เช่น... 
- regular customer/client (ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการที่มาบ่อย ๆ)
- loyal customer/client (ตั้งใจไม่ไปซื้อของที่อื่น เพื่อมาซื้อหรือใช้บริการเรา)
- potential customer (คนที่มีแนวโน้มจะมาซื้อของกับเรา = แปลว่าควรทำการตลาดกับคนกลุ่มนี้)
*คำว่า potential client ก็ใช้ได้ครับ แต่ไม่ค่อยเจอ
- valued customer (ลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ)
*เช่นกันครับคือใช้กับ client ได้ แต่ไม่ค่อยเจอ

สุดท้ายคือ high-profile client หมายถึงลูกค้าที่เป็นคนดัง มาใช้บริการทีโซเชียลให้ความสนใจกับผลลัพธ์มาก ๆ (ผู้ให้บริการก็อาจจะเกร็งนิดหน่อย)
*คำนี้ตรงข้ามกับสองคำก่อนหน้าคือเราไม่ค่อยใช้มันกับ customer เพราะคนดังมาซื้อของด้วยก็ไม่เท่าไร แต่ถ้ามาใช้บริการด้วย (เช่นนวดหน้า) แสดงว่าร้านนั้นต้องดีจริงประมาณนี้ครับ

คำสำคัญที่เจอบ่อยก็ประมาณนี้ครับ ขอจบด้วยคำถามที่ว่า "clientele" นี่มันแปลว่าอะไรนะ แล้วค่อนไปฝั่งไหนมากกว่ากัน ระหว่าง customer และ client??? คำนี้แปลกครับ เพราะจริง ๆ แม้จะเป็นคำว่า client + -ele ความหมายเป็นได้ทั้ง client และ customer โดยหมายถึง กลุ่มผู้ใช้บริการหรือฐานลูกค้า ก็ได้

"ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ แค่รู้มากขึ้นกว่าเมื่อวานก็พอ"
Stay tuned!
JGC.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่