เรื่องมีอยู่ว่า แม่เราอายุ 80 ปี เพิ่งเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2-2-2568) การจัดงานศพเพิ่งจะเสร็จสิ้นวันนี้เอง ก่อนกลับบ้านเลยลองแวะช้อปค่ายมือถือสีแดง ที่สาขาโรบินสัน ศรีสมาน กะว่าจะลองปรึกษาเรื่องการปิดเบอร์แม่เรา มีอะไรที่ทำได้ก่อนบ้าง เนื่องจากก่อนแม่เสียชีวิตแกเข้าฉุกเฉินที่รพ.แห่งหนึ่ง แล้วจึงย้ายเข้า ICU อีกโรงพยาบาลหนึ่งตามสิทธิการรักษา เราไม่ได้อยู่ด้วยในระหว่างการเคลื่อนย้าย ญาติช่วยเรียกรถพยาบาลนำส่งให้ เราตามไปทีหลังจึงไม่รู้ว่ามือถือแกอยู่ไหน ถามญาติแล้วญาติก็ไม่รู้
ตัดมาที่ช้อปสีแดง เราแจ้งพนักงานว่า แม่เราเสียชีวิตแล้วเราอยากปิดเบอร์ จะต้องทำอย่างไรบ้าง
**ต่อไปนี้คือบทสนทนากับจนท.อาจจะไม่ได้เป๊ะทุกคำพูด แต่ใจความไม่ได้ผิดเพี้ยน
จนท: ลูกค้าต้องมี sim card ค่ะ
ลูกค้า: พอดีคุณแม่ย้ายรพ. 2 รอบ หามือถือไม่เจอแล้วค่ะ จะทำยังงัยได้บ้างคะ >> ยื่นใบมรณบัตรให้ดู
จนท: ดูเอกสารแล้วตอบว่า ตามระเบียบปิดไม่ได้ถ้าไม่มี sim card ค่ะ
ลูกค้า: แฟนเราเลยพยายามช่วยอธิบายอีกทีว่า เราคงไม่สามารถไปหามือถือมาได้แล้ว ถ้าจะต้องใช้เอกสารอย่างอื่นก็ช่วยแนะนำเราหน่อย
จนท: จริงๆ ลูกค้าไม่ต้องปิดก็ได้นะคะ
ลูกค้า: อ้าว ทำแบบนั้นได้เหรอคะ แล้วมันก็มียอดค้างไปเรื่อยๆ สิ
จนท: ค่ะ จะมียอดขึ้นไปเรื่อยๆ 90 วัน แล้วระบบก็จะระงับบริการ
ลูกค้า: อ้าว แล้วยอดหนี้ค้างจะทำยังไงต่อคะ
จนท: บริษัทก็จะตามยอดค่ะ
ลูกค้า: ตามกับใครคะ
จนท: ตามกับผู้ใช้บริการค่ะ
<<ซึ่งก็คือผู้ใช้บริการที่จดทะเบียนไว้เสียชีวิตแล้ว>>
อึ้งกันทั้งคู่ทั้งเราทั้งแฟน แฟนเลยถามต่อว่า แล้วบริษัทไม่ฟ้องหนี้เหรอ?
จนท: หนูคิดว่าเค้าไม่ฟ้องหรอกค่ะ ถ้าฟ้องก็ฟ้องคนตาย เอาอะไรไม่ได้หรอกค่ะ <<หนูคิด แต่ฝ่ายกฎหมายคิดแบบเดียวกันมั้ย ไม่รู้นะ!!>>
ซึ่งตรงนี้แฟนแย้งว่า ถ้าบริษัทฟ้องพนักงานจะช่วยรับผิดชอบมั้ย นางรีบตอบว่า แล้วหนูจะไปรับผิดชอบอะไรได้ล่ะคะ
เอ่ออ ก็ไม่ได้คาดหวังความรับผิดชอบอะไรหรอกค่ะ แค่อยากดึงสติว่า นี่คือคำตอบที่คุณควรตอบลูกค้าหรือไม่??
จนท: สมมติถ้าบริษัทตาม เดี๋ยวเราก้อรู้ค่ะว่าเค้าตายแล้ว
ลูกค้า: รู้ได้ยังไง
จนท: เราก้อเคาะดูได้ค่ะ
ลูกค้า: เคาะที่ไหน? เคาะได้ด้วยเหรอ? แล้วแบบนี้คุณก็ดูข้อมูลใครก็ได้เหรอ?
ถึงตรงนี้เราทั้งคู่เริ่มโวยวาย เพราะรู้สึกว่ามันไม่ปกติอ่ะ เหมือนบริษัทไม่อยากให้เราปิดเบอร์ ตอบส่งๆ อยากให้เรากลับบ้านไปพ้นๆ เพราะอยากให้เราเป็นหนี้ นางวิ่งเข้าไปข้างหลัง หาตัวช่วย หายไปสักพัก จนท2 ที่ดู senior กว่า ก็ออกมารับหน้า แจ้งว่าได้รับข้อมูลจากน้องพนักงานแล้ว ขอดูเอกสารใบมรณบัตรอีกที แล้วถามว่ามีเอกสารอื่นอีกมั้ยที่แสดงตัวตนของผู้ใช้บริการ (ซึ่งก็คือผู้เสียชีวิต) เราเลยยื่นทะเบียนบ้านตัวจริง กับสำเนาบัตรประชาชนให้ เพราะเราก็ไม่มีบัตรตัวจริงเหมือนกัน
หลังจากดูเอกสารกันสักพัก จนท2 ก็พูดว่า ในทะเบียนบ้านยังไม่ได้แจ้งสถานะเสียชีวิตนะคะ
มาถึงตอนนี้ บอกเลยค่ะว่าหัวร้อน เลยถามไปว่า คุณกำลังจะบอกว่าเอกสารใบมรณบัตรตัวจริงที่คุณดูอยู่มันเชื่อถือไม่ได้เหรอคะ?
จนท2: ไม่ใช่ค่ะ แต่เพราะว่าไม่มี sim card ก็เลยต้องดูเอกสารอื่นประกอบ <<อันนี้เราก็ไม่เข้าใจว่า เค้าจะสื่ออะไร หรือแค่พูดอะไรก็ได้ให้มันจบๆ ไป>>
แฟนเราเลยตอบไปว่า ก็เพิ่งจัดงานศพเสร็จ แล้วโทรศัพท์ก็หาย เราก็ไม่มั่นใจว่ามีใครเก็บไปมั้ย เราก็อยากจะปกป้องสิทธิของเรา (ในที่นี้หมายถึงผู้แทนของผู้เสียชีวิต)
พนักงานที่นั่งเก้าอี้ถัดไป ยังแสดงความเป็นห่วงโดยการพูดว่า sim card มันสามารถเอาไปทำธุรกรรมทางการเงินได้
ซึ่งถูกค่ะ เราถึงต้องมาจัดการนี่ไงคะ
แฟนเลยบอกว่า เอาแบบนี้มั้ย พนักงานสาขานี้เขียนเอกสารให้เราเลยว่า ยืนยันว่าไม่มี sim card จะไม่สามารถปิดเบอร์ให้ได้ และบริษัทจะไม่ฟ้องหนี้ค้าง
หลังจากที่ดูเหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วทั้งจนท1 และจนท2 หายไปห้องข้างหลังสักพักใหญ่ แล้วกลับออกมาพร้อมกับเศษกระดาษเล็กๆ
**ในความเป็นจริง ทั้งเราทั้งแฟนพอจะรู้ว่าถ้าจะทำให้ถูกต้องแบบเป๊ะๆ เราต้องไปยื่นศาลขอเป็นผู้จัดการมรดก (กรณีนี้แม่เราไม่ได้ทำพินัยกรรม) แล้วถึงจะเอามาใช้ทำธุรกรรมต่างๆ แทนได้
ในเศษกระดาษเล็กๆ เขียนมาว่า ต้องการเอกสาร
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านที่เปลี่ยนสถานะ "เสียชีวิต"
- มรณบัตร
- หนังสือผู้จัดการมรดก
จนท.1 ยื่นให้แล้วตอบว่า ถ้าคุณลูกค้าสามารถเอาเอกสารทั้ง 4 อย่างมาได้วันนี้เลย ก็ปิดได้เลยนะคะ
เราแทบอยากจะหยุมหัว คือ หนังสือผู้จัดการมรดกเนี่ย ต้องไปขอที่ศาล ศาลนะคะ ไม่ใช่ห้างที่ไปถึงจะได้เดินช้อป อยากได้อะไรซื้อแล้วก็เอากลับบ้านเลย!!
แฟนเราซึ่งใจร่มกว่า เลยพูดว่าเอาแบบนี้มั้ยคุณช่วยประสานงานระงับเบอร์ให้ก่อน นางตอบว่าคุณลูกค้าติดต่อ call center เองเลยค่ะ
เอ้า.... ถ้ามันง่ายแบบนั้น แล้วไม่แนะนำแต่แรกล่ะ????
สรุปโทร 1242 รอสาย 11 นาที พนักงาน call center ดำเนินการระงับเบอร์ให้
ผู้ให้บริการที่มีธรรมาภิบาล เค้าให้บริการแบบนี้นี่เอง......
จบการรีวิว
เต็ม 10 หักหมด ไม่สลดอยากหักอีก
เมื่อความตายไม่อาจพราก (แม่)เรา กับค่ายมือถือสีแดงได้
ตัดมาที่ช้อปสีแดง เราแจ้งพนักงานว่า แม่เราเสียชีวิตแล้วเราอยากปิดเบอร์ จะต้องทำอย่างไรบ้าง
**ต่อไปนี้คือบทสนทนากับจนท.อาจจะไม่ได้เป๊ะทุกคำพูด แต่ใจความไม่ได้ผิดเพี้ยน
จนท: ลูกค้าต้องมี sim card ค่ะ
ลูกค้า: พอดีคุณแม่ย้ายรพ. 2 รอบ หามือถือไม่เจอแล้วค่ะ จะทำยังงัยได้บ้างคะ >> ยื่นใบมรณบัตรให้ดู
จนท: ดูเอกสารแล้วตอบว่า ตามระเบียบปิดไม่ได้ถ้าไม่มี sim card ค่ะ
ลูกค้า: แฟนเราเลยพยายามช่วยอธิบายอีกทีว่า เราคงไม่สามารถไปหามือถือมาได้แล้ว ถ้าจะต้องใช้เอกสารอย่างอื่นก็ช่วยแนะนำเราหน่อย
จนท: จริงๆ ลูกค้าไม่ต้องปิดก็ได้นะคะ
ลูกค้า: อ้าว ทำแบบนั้นได้เหรอคะ แล้วมันก็มียอดค้างไปเรื่อยๆ สิ
จนท: ค่ะ จะมียอดขึ้นไปเรื่อยๆ 90 วัน แล้วระบบก็จะระงับบริการ
ลูกค้า: อ้าว แล้วยอดหนี้ค้างจะทำยังไงต่อคะ
จนท: บริษัทก็จะตามยอดค่ะ
ลูกค้า: ตามกับใครคะ
จนท: ตามกับผู้ใช้บริการค่ะ
<<ซึ่งก็คือผู้ใช้บริการที่จดทะเบียนไว้เสียชีวิตแล้ว>>
อึ้งกันทั้งคู่ทั้งเราทั้งแฟน แฟนเลยถามต่อว่า แล้วบริษัทไม่ฟ้องหนี้เหรอ?
จนท: หนูคิดว่าเค้าไม่ฟ้องหรอกค่ะ ถ้าฟ้องก็ฟ้องคนตาย เอาอะไรไม่ได้หรอกค่ะ <<หนูคิด แต่ฝ่ายกฎหมายคิดแบบเดียวกันมั้ย ไม่รู้นะ!!>>
ซึ่งตรงนี้แฟนแย้งว่า ถ้าบริษัทฟ้องพนักงานจะช่วยรับผิดชอบมั้ย นางรีบตอบว่า แล้วหนูจะไปรับผิดชอบอะไรได้ล่ะคะ
เอ่ออ ก็ไม่ได้คาดหวังความรับผิดชอบอะไรหรอกค่ะ แค่อยากดึงสติว่า นี่คือคำตอบที่คุณควรตอบลูกค้าหรือไม่??
จนท: สมมติถ้าบริษัทตาม เดี๋ยวเราก้อรู้ค่ะว่าเค้าตายแล้ว
ลูกค้า: รู้ได้ยังไง
จนท: เราก้อเคาะดูได้ค่ะ
ลูกค้า: เคาะที่ไหน? เคาะได้ด้วยเหรอ? แล้วแบบนี้คุณก็ดูข้อมูลใครก็ได้เหรอ?
ถึงตรงนี้เราทั้งคู่เริ่มโวยวาย เพราะรู้สึกว่ามันไม่ปกติอ่ะ เหมือนบริษัทไม่อยากให้เราปิดเบอร์ ตอบส่งๆ อยากให้เรากลับบ้านไปพ้นๆ เพราะอยากให้เราเป็นหนี้ นางวิ่งเข้าไปข้างหลัง หาตัวช่วย หายไปสักพัก จนท2 ที่ดู senior กว่า ก็ออกมารับหน้า แจ้งว่าได้รับข้อมูลจากน้องพนักงานแล้ว ขอดูเอกสารใบมรณบัตรอีกที แล้วถามว่ามีเอกสารอื่นอีกมั้ยที่แสดงตัวตนของผู้ใช้บริการ (ซึ่งก็คือผู้เสียชีวิต) เราเลยยื่นทะเบียนบ้านตัวจริง กับสำเนาบัตรประชาชนให้ เพราะเราก็ไม่มีบัตรตัวจริงเหมือนกัน
หลังจากดูเอกสารกันสักพัก จนท2 ก็พูดว่า ในทะเบียนบ้านยังไม่ได้แจ้งสถานะเสียชีวิตนะคะ
มาถึงตอนนี้ บอกเลยค่ะว่าหัวร้อน เลยถามไปว่า คุณกำลังจะบอกว่าเอกสารใบมรณบัตรตัวจริงที่คุณดูอยู่มันเชื่อถือไม่ได้เหรอคะ?
จนท2: ไม่ใช่ค่ะ แต่เพราะว่าไม่มี sim card ก็เลยต้องดูเอกสารอื่นประกอบ <<อันนี้เราก็ไม่เข้าใจว่า เค้าจะสื่ออะไร หรือแค่พูดอะไรก็ได้ให้มันจบๆ ไป>>
แฟนเราเลยตอบไปว่า ก็เพิ่งจัดงานศพเสร็จ แล้วโทรศัพท์ก็หาย เราก็ไม่มั่นใจว่ามีใครเก็บไปมั้ย เราก็อยากจะปกป้องสิทธิของเรา (ในที่นี้หมายถึงผู้แทนของผู้เสียชีวิต)
พนักงานที่นั่งเก้าอี้ถัดไป ยังแสดงความเป็นห่วงโดยการพูดว่า sim card มันสามารถเอาไปทำธุรกรรมทางการเงินได้
ซึ่งถูกค่ะ เราถึงต้องมาจัดการนี่ไงคะ
แฟนเลยบอกว่า เอาแบบนี้มั้ย พนักงานสาขานี้เขียนเอกสารให้เราเลยว่า ยืนยันว่าไม่มี sim card จะไม่สามารถปิดเบอร์ให้ได้ และบริษัทจะไม่ฟ้องหนี้ค้าง
หลังจากที่ดูเหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วทั้งจนท1 และจนท2 หายไปห้องข้างหลังสักพักใหญ่ แล้วกลับออกมาพร้อมกับเศษกระดาษเล็กๆ
**ในความเป็นจริง ทั้งเราทั้งแฟนพอจะรู้ว่าถ้าจะทำให้ถูกต้องแบบเป๊ะๆ เราต้องไปยื่นศาลขอเป็นผู้จัดการมรดก (กรณีนี้แม่เราไม่ได้ทำพินัยกรรม) แล้วถึงจะเอามาใช้ทำธุรกรรมต่างๆ แทนได้
ในเศษกระดาษเล็กๆ เขียนมาว่า ต้องการเอกสาร
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านที่เปลี่ยนสถานะ "เสียชีวิต"
- มรณบัตร
- หนังสือผู้จัดการมรดก
จนท.1 ยื่นให้แล้วตอบว่า ถ้าคุณลูกค้าสามารถเอาเอกสารทั้ง 4 อย่างมาได้วันนี้เลย ก็ปิดได้เลยนะคะ
เราแทบอยากจะหยุมหัว คือ หนังสือผู้จัดการมรดกเนี่ย ต้องไปขอที่ศาล ศาลนะคะ ไม่ใช่ห้างที่ไปถึงจะได้เดินช้อป อยากได้อะไรซื้อแล้วก็เอากลับบ้านเลย!!
แฟนเราซึ่งใจร่มกว่า เลยพูดว่าเอาแบบนี้มั้ยคุณช่วยประสานงานระงับเบอร์ให้ก่อน นางตอบว่าคุณลูกค้าติดต่อ call center เองเลยค่ะ
เอ้า.... ถ้ามันง่ายแบบนั้น แล้วไม่แนะนำแต่แรกล่ะ????
สรุปโทร 1242 รอสาย 11 นาที พนักงาน call center ดำเนินการระงับเบอร์ให้
ผู้ให้บริการที่มีธรรมาภิบาล เค้าให้บริการแบบนี้นี่เอง......
จบการรีวิว เต็ม 10 หักหมด ไม่สลดอยากหักอีก