รู้ไหมเปลี่ยนงานควรได้เงินเพิ่มเท่าไหร่ วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง ฉบับหางานปี 2025

อันนี้จะอิงจากประสบการณ์เราโดยตรง ที่ทำงานกับบริษัทมาหลายเจ้า และมีคอนเนคชั่นกับบริษัทต่างชาติชั้นนำหลายแห่ง เลยรู้โครงสร้างบริษัทนั้นๆ บอไทยอาจจะไม่ได้เข้าเกณฑ์กระทู้นี้

สำหรับการเรทเปลี่ยนงาน ย้ายบริษัทควรมองอยู่เรท 20% ของฐานเงินเดือนเดิมเป็นมาตรฐาน หรืออาจจะได้ % เยอะกว่านี้แล้วแต่ตำแหน่งและความสามารถ ยกตัวอย่างตอนนี้เงินเดือน 20,000 บาท ได้ offer ที่ใหม่ควรได้อย่างน้อย 25,000 บาท โดยเอาฐานเงินเดือนปัจจุบันคูณ 20% 

ไม่แนะนำให้เอาค่าอื่นๆมาคำนวณ หรือรายได้รวม มาคูณตรงนี้ เพราะ เวลาเปลี่ยนงาน ทางบริษัทจะยึดจากฐานเงินเดือนเดิมมากกว่า สมมติเงินเดือน 15,000 บาท มีค่าเดินทางเดือนละ 2,000 บาท ค่าตำแหน่ง 3,000 บาท รายได้รวม 20,000 บาท อันนี้ไม่สามารถเอามาคิดได้ เพราะเราจะยึดจากฐานเงินเดือนเป็นหลักมากกว่า และไม่แนะนำให้โกหกเวลา hr ถาม เพราะถ้าจะเซ็นสัญญาจ้างงานกัน อาจจะขอเช็คเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือนแล้วให้ข้อมูลเป็นเท็จ ทางบริษัทสามารถยกเลิกการจ้างงาน ยกเลิกที่จะเซ็นสัญญากันได้เลย ควรยึดตรงนี้เป็นมาตรฐานเวลาไปสมัครงาน เพื่อที่เราจะได้ไม่เสียสิทธิที่นายจ้างจะกดค่าแรงเรา

สำหรับคนที่กังวลว่า สมมติรายได้รวม 30,000 บาท แล้ว Offer ที่ใหม่ได้เงินเดือนฐาน 30,000 บาท เหมือนรายได้เท่าเดิม แล้วจะเอาไงดี ก็คือเราแจ้ง HR ได้เลยนะคะ ว่าที่ Offer มามันได้เท่าปัจจุบัน แล้วเราอยากได้เพิ่มอีก แนะนำให้ต่อรองขอฐานเงินเพิ่มอีก หรือ ขอ Allowance เพิ่มอีก อาจจะเป็น ค่าตำแหน่ง อีก 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับโครงสร้างบริษัทและสวัสดิการของบริษัทนั้น อย่าพึ่งตัดใจ ลองต่อรองดูก่อนได้ ถ้าได้เราก็ถือว่า วิน-วิน ทั้ง 2 ฝ่าย หรือลองเช็คสวัสดิการของบริษัทนั้นๆก่อนได้ ยิ่งบางคนที่ทำงานสายโรงงานมีค่าเบี้ยขยัน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ถ้ารวมแล้วได้เยอะขึ้น เราก็เอามาพิจารณากันได้ค่ะ หรือคนที่ทำงานสายเซลล์ขาย ฐานเงินเดือนต่ำ แต่ถ้าได้ offer ขึ้นมาไม่ได้เยอะเลย ลองถามค่าเสื่อมรถ ค่าน้ำมัน ค่าโรงแรมที่พัก กรณีนอนพักต่างจังหวัด รวมถึงเปอร์เซ็นการให้ค่าคอมมิชชั่นดูค่ะ เพราะตรงนี้แต่ละบริษัทจะให้ต่างกัน ถ้าได้มากกว่าเดิมก็เอามาพิจารณาได้

แต่บางทีก็มีข้อยกเว้นที่อาจจะได้ต่ำกว่านี้ เช่น สมัครงานบอ  A ทำงานได้ 3 เดือน เงินเดือนปรับขึ้นเป็น 30,000 บาท และรู้สึกไม่โอเคจึงลาออกหางานใหม่ และได้บอ B มาสัมและสนใจจ้าง บอ B มีสิทธิที่จะให้ % ต่ำกว่า หรือ เงินเดือนอาจจะเท่าเดิม เพราะคุณพึ่งทำงานได้ 3 เดือน มันดูไม่มีอะไรให้เชื่อถือว่า จ้างแล้วจะทำงานได้จริงไหม แต่ลูกจ้างสามารถคุยได้ว่า ถ้าอยากได้เพิ่มจริง เริ่มทดลองงานเงิน 30,000 บาท ไปก่อน พอประเมินการทำงานและผ่านโปรจะปรับขึ้นให้ กี่% ก็แล้วแต่จะตกลงกันกับนายจ้างอีกที

ข้อสำคัญที่ทำให้ตกม้าตายกันหลายคน คือ เรื่องโบนัส บางบริษัทผลประกอบการดีมาก ยิ่งสายงานโรงงานให้ Bonus ค่อนข้างสูง บางที่บวกเงินพิเศษต่างหากอีก แต่อย่าลืมคำนวณรายได้ทั้งปีเรานะคะ เพราะบางทีคนเหล่านี้พอได้ offer ที่ใหม่ที่ฐานเงินเดือนเยอะขึ้น แต่โบนัสอาจจะได้น้อยกว่าที่ปัจจุบัน ก็เลยเลือกปฏิเสธ offer ทั้งที่หากมาคำนวณดีๆ รายได้รายปีเราอาจจะได้เงินเยอะกว่าที่ปัจจุบันด้วยซ้ำ

ยกตัวอย่างที่เจอสายโรงงาน วิศวะผลิต ปัจจุบันเงิน 25,000 บาท ไม่รวมค่าอื่นๆ พวกเบี้ยเลี้ยง ที่พัก อาหาร โอที รวมประมาน 32,000+- ต่อเดือน โบนัส 6 เดือน รายได้รวมต่อปีรวมโบนัส 576,000 บาท (โดยประมาน) แต่ที่ใหม่ให้ฐานเงินเดือน 32,000 บาท ไม่รวมค่าอื่นๆ รวมประมาน 38,000+- แต่โบนัส 4 เดือน รายได้รวมโบนัสจะรวมเป็น 608,000 บาท (โดยประมาน) อันนี้เป็นกรณีสมมติ ให้ดูสวัสดิการของบริษัทนั้นๆอีกที

หากคำนวณจริงๆอย่าลืมว่า ฐานเงินเดือนเราขึ้น ถึงแม้โบนัสจะน้อยลงก็ตามลองคำนวณก่อนปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าเห็นโบนัสน้อยกว่าก็ไม่เอาเลย อย่าลืมว่าโบนัสมันขึ้นอยู่กับผลประกอบการ วันนึงบริษัทขาดสภาพคล่อง ปิดตัวลง อย่างสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา บริษัทปิดตัวก็เยอะ บางบริษัทจ่ายเงินครึ่งเดียว หรือปีนั้นๆไม่มีโบนัส มันคือความเสี่ยงที่เราควบคุมไม่ได้ สิ่งที่คุณมีไปต่อรองกับบริษัทอื่นได้คือ ฐานเงินเดือนคุณต่างหาก

ที่กล่าวมาก็คือเป็นเรทการย้ายงาน เปลี่ยนงาน แต่อย่าลืมว่าคุณต้องเป็นผู้สมัครที่เก่งจริงๆ ถ้าคุณดู JD งานและสิ่งที่นายจ้างต้องการ มีตรงส่วนไหน ทำไม่เป็น ทำไม่เก่ง นายจ้างอาจจะกดเงินเดือนให้ต่ำกว่านั้น เพื่อให้ตรงกับคุณสมบัติของการทำงานคุณจริงๆ ดังนั้นอย่าเป็นเป็ดทำได้ทุกอย่างแต่ไม่เก่งอะไรเลย จงเป็นคนเก่ง Specialist ด้านใดด้านนึง แล้วคุณจะไม่มีวันแย่ลงในสายงานของคุณ และการเปลี่ยนงานบ่อยเกินโดยไม่มีเหตุผล เพราะนายจ้างไม่อยากเสียเวลา เทรนงานและเงินไปกับคนที่จะอยู่กับเราไม่นาน บางคนเปลี่ยนงานบ่อยไป จนนายจ้างไม่โอเคเลยก็มี แต่จะมีข้อยกเว้นสำหรับบางคนที่เก่งในงานมากและสายงานนั้นๆ จนเป็นที่ต้องการของบริษัทจริงๆ ทางบริษัทสามารถพิจารณาคนเหล่านี้ได้ อย่าลืมว่ามีอีกหลายคนที่ทำงานเหมือนเรา และบริษัทมีสิทธิเลือก แต่จะทำยังไงให้บริษัทเห็นควรต้องจ้างเรามากกว่าคนอื่น

ต่อมาอีกอย่างเรทในการปรับเงินเดือน สำหรับคนที่ทำงานมาครบปีแล้วก็คาดหวังที่จะได้ปรับเงินขึ้น โดยปกติจะอยู่ที่ 3-5 % ตามโครงสร้างบริษัท และจะมีบริษัทหลายๆที่ เช่น บริษัท Start up/ บริษัทต่างชาติ/ บริษัทเปิดใหม่ ที่เค้าจะให้เรทปรับเงินเดือนสูงขึ้นกว่าปกติ อาจจะถึง 10-30% เลยทีเดียว 

เพราะจากประสบการณ์ตรง เคยทำงานอยู่บอต่างชาติย่านสีลมมาครบปีนึง เงินเดือนได้ปรับขึ้น 22.8% โดยประเมินจาก Performance ในการทำงานของเราในปีที่แล้ว ถ้าเกิดนายจ้างให้คุณค่าเรื่องพนักงานและการเติบโตควบคู่กับการโตขึ้นของบริษัท เราจะได้เราผลประโยชน์ตรงนี้ด้วย และบอญี่ปุ่นในหลายๆที่ในไทย เริ่มมีการใช้ประเมินปรับเงินขึ้นตาม Performance แล้วด้วย

และที่สำคัญขอเตือนบางคนที่ว่างงานและมองหางานอยู่ แต่โดนกดเงินลดเยอะมาก แนะนำว่าอย่าลดเงินเดือนตัวเองเพียงเพราะอยากได้งานนะคะ เพราะมันเป็นการตัดโอกาสเพื่อเรามีงานอื่นที่ให้เรทได้ตามที่เราขอหรืออาจจะมากกว่า ยกตัวอย่างเพราะเพื่อนสนิทเราที่มีอะไรจะเล่าให้ฟังกันตลอด เนื่องจากมีปัญหากับหัวหน้างานทำงานต่อกันไม่ได้แล้ว จึงลาออกโดยที่ไม่ได้หางานใหม่ ว่างงานประมาน 3-4 เดือน ระหว่างนั้นก็มีสัมภาษณเรื่อยจนมีเหลือ 2 บริษัทที่โอเค บอ A ให้เงินเดือนต่ำกว่าเดิม 15% และต้องการให้เริ่มงานทันทีเพราะเห็นเพื่อนเราว่างงาน และระหว่างเพื่อนเราตัดสินใจ บอ B ให้ offer มากกว่าเดิม 21% และให้เริ่มงานอีกใน 1 สัปดาห์  ดังนั้นเพื่อนเราจึงเลือกบอ B โดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเบื้องต้นอย่าพึ่งลดเงิน แต่ทั้งนี้บางคนที่มีปัญหาภาระทางการเงิน ไม่สามารถว่างงานได้อีกต่อไป คุณอาจจะทำงานที่นั้นไปก่อนก็ได้ แต่ก็อย่าปิดกั้นตัวเอง เพราะคุณอาจจะได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิมจริงๆอยู่ 

ในกรณีที่เล่ามานี้สำหรับคนที่ว่างงานมาไม่นานหรืออาจจะไม่เกินปี แต่หากคุณว่างงานมานานเกินปีแล้วหรือคุณลาออกไปเปิดธุรกิจส่วนตัวแล้วกลับมาหางานใหม่คุณอาจจะต้องทำใจว่า คุณต้องโดนลดเงินเดือนลงหรือเงินเดือนอาจจะได้เท่าเดิม แต่คนที่ว่างงานเพราะไปเรียนต่อป.โทหรือไปเรียนเมืองนอกมาหลายปี อาจจะไม่ได้เข้าเกณฑ์ที่ต้องโดนลดเงินเดือน หรือเงินเดือนเท่าเดิม เนื่องจากเหตุผลที่คุณว่างงานเพราะไปศึกษาต่อ บางทีนายจ้างจะยินดีที่ให้เงินเพิ่มด้วยซ้ำ

เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังหางานใหม่หรือช่วงสิ้นปีต้นปีที่มีการปรับฐานเงินเดือนหรือว่างงานมา ถ้ามองว่าบริษัทที่อยู่สวัสดิการยังไม่พอ เงินเดือนได้น้อยอยู่ รู้สึกเติบโตช้า อย่าหยุดความรู้สึกนั้น แล้วเอามาเป็นแรงผลักดันในการลงคอร์สเรียนรู้เพิ่ม อาจจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม ไปสอบ TOEIC, IELTS มาอัพเงินหรือเรียนภาษาที่ 3 เรียนลงสายงานที่เราสนใจ เรียนสิ่งที่เราจะต่อยอดในสายอาชีพต่อ แล้วเอาสิ่งที่ได้ไปหางานใหม่ที่ดีกว่าเดิม ถ้าพัฒนาตัวเองตลอด จะไม่มีทางตันในสายอาชีพค่ะ ถ้าคุณเก่งจริง นายจ้างยังไงก็อยากได้ตัวคุณแน่นอน อย่ารอให้ปรับเงินขึ้นแค่ 3-5% ในขณะที่บออื่นให้มากกว่านี้ ต้องการที่จะโตและออกจาก Comfort Zone ให้ได้ค่ะ

แนะนำอีกครั้ง ทุกสายงานเราสามารถเงินเดือนถึงแสนได้หมดนะคะ ถ้าเราอยู่ถูกที่และพัฒนาตัวเองตลอด หรือ วันนึงเราอาจจะเป็นแค่พนักงานในบริษัท แต่เก็บความรู้จากสายงานและเก็บเงินสักก้อนมาเปิดบริษัทของตัวเอง จนจับเงินล้าน กลายเป็นผู้บริหารแทนก็มีให้เห็นตัวอย่างเยอะแยะมากมาย ต้องสู้เท่านั้นถึงชนะค่ะ สำหรับใครที่อยากลองทำงานกับบริษัทต่างชาติ อยากลองเติบโต แนะนำฝึกใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานก่อนเลยค่ะ ภาษาอังกฤษนี่แหละที่ทำให้เราโตได้ขนาดนี้ มีเงินเดือนที่สูงดังสมใจและมีคอนเนคชั่นมากมายให้ศึกษาและปรึกษา ได้ทั้งเพื่อนร่วมงานที่ดีและหัวหน้าที่ดีตลอดเลยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่