จังหวะและโอกาส คือ สิ่งสำคัญที่สุด ที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่า จะกำไร หรือจะขาดทุน
สินค้าแฟชั่น กับ หุ้นกระแส หรือหุ้นปั่น ก็ไม่ต่างกัน
สินค้าแฟชั่น ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง เสื้อผ้า แบรนด์ดัง แต่เป็น สินค้าที่กระแสมาแรง เช่น พวกเฟอร์บี้ บาบูบู้ จตุคาม สินค้าพวกนี้ ก็เหมือนหุ้นที่มีกระแส หุ้นปั่น คุณไม่สามารถจะรอซื้อราคาต่ำๆ ได้ เพราะราคามีแต่จะปรับเพิ่มสูงขึ้น
ต้องใช้วิธีการ ซื้อแพง ขายแพงกว่าเท่านั้น ตราบใดที่กระแสยังดี คนยังนิยม ถึงจะซื้อมาแพง แต่ก็สามารถขายได้แพงกว่า
แต่ที่ควรระวังก็คือ เมื่อกระแสเริ่มต่ำ คนเลิกเห่อ มีเท่าไรก็ต้องขาย เพราะไม่อย่างนั้น ราคาอาจจะตกลงต่ำกว่าราคาที่คุณซื้อมา จนกลายเป็นขาดทุน มีสินค้า หรือหุ้นค้างในมือก็ได้ แน่นอนว่า ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่คุณก็ต้องทุนจมอยู่กับสินค้านั้น หรือหุ้นนั้นไปเรื่อยๆ ดีไม่ดี อาจจะไม่สามารถขายได้อีกเลยก็ได้
สินค้าทั่วไป หุ้นทั่วไป
สินค้ากลุ่มนี้ หุ้นพวกนี้ ราคาไม่หวือหวา ไม่ขยับแบบรวดเร็ว แน่นอนว่า ในทางการค้า ใครได้ต้นทุนถูกกว่าย่อมได้เปรียบ จะใช้วิธีการแบบ ซื้อแพงไปขายแพงกว่าได้ไม่บ่อย เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มาบ่อยๆ
สินค้าตามวัฎจักร หุ้นเล่นรอบ
สินค้า หรือหุ้น พวกนี้อาจจะมีช่วงเวลา และโอกาสที่เหมาะที่จะเล่นในบางจังหวะหรือโอกาส ที่จะสามารถทำกำไรได้ เช่น สินค้าตามฤดู สินค้าขาดตลาด ทำให้ราคาสูงขึ้น หุ้นก็เช่นกัน ในแต่ละปี จะมีหุ้นที่เรียกว่า กลุ่มนำตลาด บางปี เป็นกลุ่มธนาคาร บางปีเป็นกลุ่มเดินเรือ บางปีเป็นกลุ่มไฟฟ้า ก็สามารถหาจังหวะและโอกาส เข้าไปทำเงินได้
ต่อให้ หุ้นหรือสินค้านั้นดีแค่ไหน แต่ถ้าจังหวะไม่เหมาะ โอกาสไม่ดี (เหมือนเวลาเศรษฐกิจไม่ดี) ก็ไม่ใช่ว่าจะทำกำไรกันได้ง่ายๆ ถึงจะขายได้ แต่ยอดขายก็ไม่ปัง
ตลาดหุ้น ก็ไม่ต่างจากการการค้าขาย
สินค้าแฟชั่น กับ หุ้นกระแส หรือหุ้นปั่น ก็ไม่ต่างกัน
สินค้าแฟชั่น ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง เสื้อผ้า แบรนด์ดัง แต่เป็น สินค้าที่กระแสมาแรง เช่น พวกเฟอร์บี้ บาบูบู้ จตุคาม สินค้าพวกนี้ ก็เหมือนหุ้นที่มีกระแส หุ้นปั่น คุณไม่สามารถจะรอซื้อราคาต่ำๆ ได้ เพราะราคามีแต่จะปรับเพิ่มสูงขึ้น
ต้องใช้วิธีการ ซื้อแพง ขายแพงกว่าเท่านั้น ตราบใดที่กระแสยังดี คนยังนิยม ถึงจะซื้อมาแพง แต่ก็สามารถขายได้แพงกว่า
แต่ที่ควรระวังก็คือ เมื่อกระแสเริ่มต่ำ คนเลิกเห่อ มีเท่าไรก็ต้องขาย เพราะไม่อย่างนั้น ราคาอาจจะตกลงต่ำกว่าราคาที่คุณซื้อมา จนกลายเป็นขาดทุน มีสินค้า หรือหุ้นค้างในมือก็ได้ แน่นอนว่า ไม่ขายไม่ขาดทุน แต่คุณก็ต้องทุนจมอยู่กับสินค้านั้น หรือหุ้นนั้นไปเรื่อยๆ ดีไม่ดี อาจจะไม่สามารถขายได้อีกเลยก็ได้
สินค้าทั่วไป หุ้นทั่วไป
สินค้ากลุ่มนี้ หุ้นพวกนี้ ราคาไม่หวือหวา ไม่ขยับแบบรวดเร็ว แน่นอนว่า ในทางการค้า ใครได้ต้นทุนถูกกว่าย่อมได้เปรียบ จะใช้วิธีการแบบ ซื้อแพงไปขายแพงกว่าได้ไม่บ่อย เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มาบ่อยๆ
สินค้าตามวัฎจักร หุ้นเล่นรอบ
สินค้า หรือหุ้น พวกนี้อาจจะมีช่วงเวลา และโอกาสที่เหมาะที่จะเล่นในบางจังหวะหรือโอกาส ที่จะสามารถทำกำไรได้ เช่น สินค้าตามฤดู สินค้าขาดตลาด ทำให้ราคาสูงขึ้น หุ้นก็เช่นกัน ในแต่ละปี จะมีหุ้นที่เรียกว่า กลุ่มนำตลาด บางปี เป็นกลุ่มธนาคาร บางปีเป็นกลุ่มเดินเรือ บางปีเป็นกลุ่มไฟฟ้า ก็สามารถหาจังหวะและโอกาส เข้าไปทำเงินได้
ต่อให้ หุ้นหรือสินค้านั้นดีแค่ไหน แต่ถ้าจังหวะไม่เหมาะ โอกาสไม่ดี (เหมือนเวลาเศรษฐกิจไม่ดี) ก็ไม่ใช่ว่าจะทำกำไรกันได้ง่ายๆ ถึงจะขายได้ แต่ยอดขายก็ไม่ปัง