"วิโรจน์" เดือด! ร้อง กต. เร่งช่วย 4 ลูกเรือไทยในเมียนมา
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/242147
"วิโรจน์" เดือด! ร้องกระทรวงการต่างประเทศ เร่งช่วย 4 ลูกเรือไทยในเมียนมา ซัด "มาริษ" พิจารณาตัวเอง คิดถึงหัวใจคนไทย ปกป้องอธิปไตยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่!
5 ก.พ. 68 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีลูกเรือชาวไทยที่ไปติดอยู่ในเมียนมา ในรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD36 โดยมีความเห็นว่า กระบวนการภายในควรประสานกับครอบครัวลูกเรือทั้ง 4 ให้ดีกว่านี้ ปัญหาของกระทรวงการต่างประเทศ คือ ญาติของคนไทยทั้ง 4 คน ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือกันเอง และต้องโทรไปหาเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายด้วยตนเอง เพราะไม่ได้รับการติดต่อจากกระทรวงการต่างประเทศเลย
ซึ่งนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ควรมีเจ้าหน้าที่เพื่อประสานงานโดยตรงกับครอบครัวทั้ง 4 ครอบครัว ส่วนเรื่องการปล่อยตัว ยังกำหนดวันได้ยาก
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ทางนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะดำเนินการเรื่องขออภัยโทษ เพื่อนำตัวลูกเรือกลับ เพราะหากไม่ทำการขออภัยโทษ ลูกเรือทั้ง 4 คน จะมีโทษ 4 – 6 ปี และเจ้าของเรือ มีโทษ 6 ปี และในเรื่องของการติดต่อนั้น ทางลูกเรือทั้ง 4 คน เผยว่ามีคนของกระทรวงการต่างประเทศมาเยี่ยมเยือน แต่ไม่มีเรื่องการลงนามใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทางญาติก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น และในระหว่างการประชุมที่ศาลากลางจังหวัดระนอง ทาง TDC ไทยยังไม่ได้รับการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การพบครอบครัวทั้ง 4 นั้นประสานงานผ่านกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ และติดต่อเรื่องการไปเยี่ยม โดยมีกรรมาธิการ 10 คน และญาติที่เดินทางไป รวมทั้งหมด 15 คน แต่ตนต้องประสานงานเอง เพราะเอกสารที่ส่งถึงกรรมธิการทหารไม่มีรายชื่อและทาง TDC ไทยยังไม่ได้รับการประสาน และญาติอาจข้ามไปไม่ได้
เนื่องจากการดำเนินการวุ่นวาย ตนจึงต้องโทรไปหาเจ้าหน้าที่ทูตที่ย่างกุ้ง เพื่อช่วยประสานงานผ่านท่านทูต เร่งประสานงานไปทางท่านผู้ว่าจังหวัดเกาะสองของเมียนมา และประสานงานต่อไปยังเรือนจำที่เกาะสอง เพื่อได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า สามารถไปเยี่ยมได้ทั้งหมด
ส่วนประเด็นการตัดไฟกับเมียนมาเป็นคนละกรณีกันกับเรื่องลูกเรือทั้ง 4 คน แต่ควรต้องระมัดระวัง เพราะอาจมีผลกระทบกับพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง สาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ
ส่วนเรื่องการไปที่เรือนจำบนเกาะสองนั้น ผบ.เรือนจำไม่ได้มีความยุ่งยากใด ๆ เพียงแค่ประสานงานแจ้งล่วงหน้าก่อน 1 วันและไม่ขัดกับระเบียบหนังสือรัฐบาลกลางก็สามารถเยี่ยมได้ และเรียนเงื่อนไขการเยี่ยมญาติว่า เยี่ยมได้ 3 วันต่อเดือน คือ วันที่ 5 17 30 แต่ยังไม่แน่นอนว่า เยี่ยมได้ 3 วันหรือต้องเลือก 1 ใน 3 วัน ซึ่งจะมีการยืนยันอีกที ส่วนความเป็นอยู่ของลูกเรือทั้ง 4 นั้น ได้รับการดูแลทางการแพทย์เป็นอย่างดี
นายวิโรจน์ ทิ้งท้ายว่า ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ตนจะประชุมและขอมติเพื่อทำหนังสือเข้าพบ นาย
มาริษ และจะมีการพาญาติของทั้ง 4 ครอบครัวไปเข้าพบเสนาบดีซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับทราบ ระบายความรู้สึกของญาติ ความกดดัน ความรู้สึกที่โดนกระทรวงการต่างประเทศทอดทิ้ง
และต้องการให้ นายมาริษ ได้รับทราบ เพื่อให้พิจารณาปรับปรุงตัวเอง ทั้งพฤติกรรม วิธีคิด และการกระทำ รวมถึงเปลี่ยนแปลงการทำงานภายในของกระทรวงฯ ให้คำนึงถึงหัวอกหัวใจของพี่น้องเพื่อนร่วมชาติ และปกป้องอธิปไตยของชาติให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
จีนเทายังชิล มีเครื่องปั่นไฟ ไม่หวั่นไทยหยุดจ่าย ‘พญาตองซู’ สัญญาณเน็ต 3 บ.ยักษ์ใช้ได้ปกติ
https://www.matichon.co.th/region/news_5034831
คืบหน้า หลังตัดกระแสไฟเมืองพญาตองซู จีนเทายังชิล เหตุมีเครื่องปั่นไฟ ส่วนสัญญาณเน็ต 3 บริษัทยักษ์ใช้ได้ปกติ แต่ชาวบ้านเดือดร้อนนับหมื่นคน
จากกรณีที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีวาระเร่งด่วนกรณีตัดไฟฟ้าบางพื้นที่ในฝั่งเมียนมาหลังพบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีมติให้ตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และน้ำมัน รวม 5 จุด ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.เป็นต้นไป โดย 1 ใน 5 จุด มีจุดซื้อขายบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีชายแดนติดกับ อ.พญาตองซู ประเทศเมียนมา ด้วย
เวลา 09.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาสังขละบุรี ได้ตัดกระแสไฟฟ้าที่จุดรับมอบพลังไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้า บริเวณจุดติดตั้งมาตรวัดไฟฟ้าแรงสูง ด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ตามมติที่ประชุมของ สมช.เป็นที่เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้เจ้าหน้าที่ไทยจะทำการตัดกระแสไฟบริเวณจุดซื้อขายบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ ประเทศเมียนมา แล้วก็ตาม หลายฝ่ายยังคงตั้งคำถามว่าการตัดกระแสไฟในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อแก็งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจจีนเทา รวมถึงบ่อนกาสิโนที่ตั้งอยู่ในเมืองพญาตองซู หรือไม่
แหล่งข่าวที่อยู่ในพื้นที่ อ.พญาตองซู เปิดเผยว่า การตัดกระแสไฟในวันนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจจีนเทามากนัก เพราะอาคารบ่อนกาสิโน หรือสถานบันเทิงที่มีอยู่อย่างครบวงจรนั้น แต่ละแห่งมีเครื่องปั่นกระแสไฟเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า สัญญาณโทรศัพท์มีปัญหาหรือไม่ แหล่งข่าวคนเดียวกันตอบว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ไม่ได้ตัดสัญญาณไปด้วย แต่ผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ คือชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่ อ.พญาตองซู ที่มีอยู่กว่า 1 หมื่นคน ส่วนกลุ่มจีนเทากว่า 1 หมื่นคนไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
แหล่งข่าวคนเดียวกันแจ้งให้ทราบเพิ่มเติมว่า หลังจากที่มีการตัดกระแสไฟฟ้าได้ไม่นานนัก พบกลุ่มคนไทยกว่า 10 คน ที่ทำงานอยู่ที่บ่อนกาสิโน เก็บกระเป๋าสัมภาระออกจากบ่อนเพื่อเดินทางข้ามกลับมายังประเทศไทย แล้ว
ด้านผู้ประกอบการค้าชายแดนชาวไทยเปิดเผยว่า มองว่ามาตรการที่เกิดขึ้นถ้าเพื่อนบ้านเข้าใจและอดทนกับมาตรการดังกล่าวร่วมกันก็จะไม่กระทบต่อการขนส่งสินค้า แต่จะกระทบต่อสินค้าที่ทางการห้ามนำเข้าและส่งออกอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เพื่อนบ้านก็ต้องประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการได้เข้าใจด้วยว่ามาตรการร่วมกันตรงนี้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เมื่อเจ้าหน้าที่เมียนมา รวมทั้งผู้ประกอบการเข้าใจ สินค้านำเข้า-ส่งออกทั่วไปก็ไม่น่าจะกระทบ และสามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติ
ผู้ประกอบการค้าชายแดนชาวเมียนมา ที่อาศัยอยู่ฝั่งพญาตองซู เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนแต่อย่างใด ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนยังคงมีกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์เซลล์ ถ่าน และก๊าซ เนื่องจากได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการดำเนินการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ จึงไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ปชน.ร้องกกต.นับคะแนนนายกอบจ.นครนายกใหม่ ผู้สมัครปากน้ำ หอบหลักฐานซื้อเสียง มั่นใจมีน้ำหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5034746
ปชน.ร้องกกต.นับคะแนนนายกอบจ.นครนายกใหม่ ด้านผู้สมัครปากน้ำ หอบหลักฐานซื้อเสียง มั่นใจมีน้ำหนัก
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นาย
นพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ พรรคประชาชน พร้อมด้วยนาย
จักรพันธุ์ จินตนาพากานนท์ ผู้สมัครนายกอบจ.นครนายก พรรคประชาชน เข้ายื่นคำร้องต่อกกต.เกี่ยวกับความผิดปกติของการเลือกตั้งอบจ. โดยนาย
จักรพันธ์ ยื่นคำร้องให้กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ เพราะมีความผิดปกติในเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.องครักษ์ จ.นครนายก ที่มีผู้มาใช้สิทธิ 6,449 คน แต่กลับเป็นบัตรเสียกว่า 1,096 ใบ จึงถือว่ามีบัตรเสียถึง 1 ใน 6 ซึ่งเป็นไปได้ยากมากที่ทุกๆ 6 คน จะกาบัตรเสีย 1 คน อีกทั้งคะแนนระหว่างตนกับผู้ชนะก็ห่างกันเพียง 900 กว่าคะแนน แต่กลับมีบัตรเสียกว่า 5,800 ใบ ที่กกต. ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการยื่นร้องต่อกกต.นครนายก แล้ว และยอมรับว่าในระหว่างการนับคะแนนทางผู้สังเกตการณ์ไม่ได้มีการทักท้วง เพราะอาจจะมองบัตรไม่ชัด นอกจากนี้ยังเห็นว่ามีความผิดปกติในเรื่องของการส่งบัตรเลือกตั้งจากหลายหน่วยมายังอบจ.มีความล่าช้าบางหน่วยมาถึงเที่ยงคืน ทั้งที่ระยะทางจากหน่วยมายังอบจ.นั้นไม่ได้ไกล
ด้านนาย
นพดล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ร้องคัดค้านการประกาศรับรองผลนายกอบจ.สมุทรปราการ ต่อกกต.สมุทรปราการไปแล้ว เนื่องจากพบความผิดปกติ ในเรื่องของการนับคะแนน การรายงานผล แต่ที่ต้องมายื่นร้องต่อกกต.กลางโดยตรงในวันนี้เป็นเรื่องของการทุจริตซื้อเสียง ซึ่งชาวสมุทรปราการส่งข้อมูลและพยานหลักฐานมาให้ทางพรรค จึงต้องการให้กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร หากเห็นว่ามีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมก็ขอให้ขอต่อประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ในจ.สมุทรปราการ และอีกหลายจังหวัดที่ทางพรรคจะทยอยยื่นหลักฐานเข้ามา “หลักฐานที่เราเตรียมมายื่นให้กับกกต.ในวันนี้เป็นเรื่องการซื้อเสียง 3 กรณี โดยทั้งพยานบุคคลที่พร้อมให้ถ้อยคำต่อกกต. คลิปวีดีโอ ที่ประชาชนได้บันทึกไว้ในระหว่างการซื้อเสียง แชทไลน์ที่หัวคะแนนทักหาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในหลายอำเภอในจ.สมุทรปราการ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีการซื้อเสียงหัวละ 200 บาท ซึ่งมั่นใจว่ากกต.จะพิจารณาแน่นอน ส่วนกรณีอื่นก็จะมีการอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และจะมีการทยอยนำมายื่นต่อกกต.
นาย
นพพล กล่าวว่า ข้อมูลทุจริตดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่พรรคให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมเพราะเป็นก้าวแรกของประชาธิปไตยและการพัฒนาบ้านเมืองของเรา จึงได้มีการเปิดวอลรูมเพื่อเป็นช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่พบความผิดปกติ โดยประชาชนได้มีการส่งข้อมูลเป็นจำนวนมาก โดยในส่วนของพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการตนก็ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตมายื่นในวันนี้ นายนพดล ยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงระบบการรายงานผลการนับคะแนนแบบเรียลไทม์ของกกต. ว่า ระหว่างการแสดงผลคะแนนทำไมกกต.จึงไม่นำเสนอจำนวนผู้มาใช้สิทธิรวมตั้งแต่ต้น แต่กลับมานำเสนอเมื่อผลการนับคะแนนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่กกต.ก็มีเอกสารที่เรียกว่า 5/7 สามารถประกาศให้ประชาชนทราบได้เลยว่าในจังหวัดสมุทรปราการหรือจังหวัดอื่นๆมีคะแนนรวมของผู้มาใช้สิทธิเท่าไหร่
สิ่งนี้เราถามโดยตลอดระหว่างที่มีการรายงานแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากกต. แต่กกต.กลับรายงานจำนวนผู้มาใช้สิทธิเมื่อการนับจำนวนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการบวกเลขเท่านั้นเอง จึงตั้งข้อสังเกตได้หรือไม่ว่าทำแบบนี้เพียงเพราะไม่ต้องการให้เกิดการวิจารณ์จากประชาชนว่าเกิดบัตรเขย่งในจังหวัดสมุทรปราการ ตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเทคนิคของใครหรือไม่อย่างไร แต่สำหรับตนถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดปกติ ซึ่งในแง่การบริหารจัดการถ้ากกต.จัดการอย่างดี และตรงตามเจตนารมณ์ที่จะให้ประชาชนเห็นการทำงานที่โปร่งใส สิ่งที่เกิดขึ้นตนมองว่ายังไม่โปร่งใสมากพอ
นอกจากนี้การรายงานจำนวนบัตรเสียของจ.สมุทรปราการแบบเรียลไทม์ก็พบความผิดปกติโดยแต่ละช่วงเวลามีการเปลี่ยนไปของจำนวนบัตรเสียค่อนข้างมากบางครั้งเปลี่ยนแบบเพิ่มสูงขึ้น แล้วสักพักจำนวนก็ลดลงมา ทำให้ประชาชนสับสน ถ้ากกต.จะบอกว่าเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลที่คีย์ข้อมูลผิด เชื่อว่าคำตอบแบบนี้ประชาชนรับไม่ได้ และทำให้ประชาชนเกิดคำถามว่าจะมั่นใจในทุกคะแนนที่กกต.รายงานผลว่าจะไม่มีความผิดพลาดได้อย่างไร ดังนั้นคิดว่าเป็นความชอบธรรมที่เราจะขอตรวจสอบความถูกต้องในเรื่องดังกล่าวจากกกต.
JJNY : 5in1 "วิโรจน์"เดือด! ร้อง กต.│จีนเทายังชิล│ปชน.ร้องกกต.│สภาฯ ผ่านร่าง กม.ชาติพันธุ์│โชห่วยโอด ปาล์มน้ำมันแพงพรวด
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/242147
"วิโรจน์" เดือด! ร้องกระทรวงการต่างประเทศ เร่งช่วย 4 ลูกเรือไทยในเมียนมา ซัด "มาริษ" พิจารณาตัวเอง คิดถึงหัวใจคนไทย ปกป้องอธิปไตยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่!
5 ก.พ. 68 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีลูกเรือชาวไทยที่ไปติดอยู่ในเมียนมา ในรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD36 โดยมีความเห็นว่า กระบวนการภายในควรประสานกับครอบครัวลูกเรือทั้ง 4 ให้ดีกว่านี้ ปัญหาของกระทรวงการต่างประเทศ คือ ญาติของคนไทยทั้ง 4 คน ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือกันเอง และต้องโทรไปหาเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายด้วยตนเอง เพราะไม่ได้รับการติดต่อจากกระทรวงการต่างประเทศเลย
ซึ่งนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ควรมีเจ้าหน้าที่เพื่อประสานงานโดยตรงกับครอบครัวทั้ง 4 ครอบครัว ส่วนเรื่องการปล่อยตัว ยังกำหนดวันได้ยาก
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ทางนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะดำเนินการเรื่องขออภัยโทษ เพื่อนำตัวลูกเรือกลับ เพราะหากไม่ทำการขออภัยโทษ ลูกเรือทั้ง 4 คน จะมีโทษ 4 – 6 ปี และเจ้าของเรือ มีโทษ 6 ปี และในเรื่องของการติดต่อนั้น ทางลูกเรือทั้ง 4 คน เผยว่ามีคนของกระทรวงการต่างประเทศมาเยี่ยมเยือน แต่ไม่มีเรื่องการลงนามใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทางญาติก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น และในระหว่างการประชุมที่ศาลากลางจังหวัดระนอง ทาง TDC ไทยยังไม่ได้รับการประสานจากกระทรวงการต่างประเทศ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การพบครอบครัวทั้ง 4 นั้นประสานงานผ่านกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ และติดต่อเรื่องการไปเยี่ยม โดยมีกรรมาธิการ 10 คน และญาติที่เดินทางไป รวมทั้งหมด 15 คน แต่ตนต้องประสานงานเอง เพราะเอกสารที่ส่งถึงกรรมธิการทหารไม่มีรายชื่อและทาง TDC ไทยยังไม่ได้รับการประสาน และญาติอาจข้ามไปไม่ได้
เนื่องจากการดำเนินการวุ่นวาย ตนจึงต้องโทรไปหาเจ้าหน้าที่ทูตที่ย่างกุ้ง เพื่อช่วยประสานงานผ่านท่านทูต เร่งประสานงานไปทางท่านผู้ว่าจังหวัดเกาะสองของเมียนมา และประสานงานต่อไปยังเรือนจำที่เกาะสอง เพื่อได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า สามารถไปเยี่ยมได้ทั้งหมด
ส่วนประเด็นการตัดไฟกับเมียนมาเป็นคนละกรณีกันกับเรื่องลูกเรือทั้ง 4 คน แต่ควรต้องระมัดระวัง เพราะอาจมีผลกระทบกับพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง สาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ
ส่วนเรื่องการไปที่เรือนจำบนเกาะสองนั้น ผบ.เรือนจำไม่ได้มีความยุ่งยากใด ๆ เพียงแค่ประสานงานแจ้งล่วงหน้าก่อน 1 วันและไม่ขัดกับระเบียบหนังสือรัฐบาลกลางก็สามารถเยี่ยมได้ และเรียนเงื่อนไขการเยี่ยมญาติว่า เยี่ยมได้ 3 วันต่อเดือน คือ วันที่ 5 17 30 แต่ยังไม่แน่นอนว่า เยี่ยมได้ 3 วันหรือต้องเลือก 1 ใน 3 วัน ซึ่งจะมีการยืนยันอีกที ส่วนความเป็นอยู่ของลูกเรือทั้ง 4 นั้น ได้รับการดูแลทางการแพทย์เป็นอย่างดี
นายวิโรจน์ ทิ้งท้ายว่า ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ตนจะประชุมและขอมติเพื่อทำหนังสือเข้าพบ นายมาริษ และจะมีการพาญาติของทั้ง 4 ครอบครัวไปเข้าพบเสนาบดีซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับทราบ ระบายความรู้สึกของญาติ ความกดดัน ความรู้สึกที่โดนกระทรวงการต่างประเทศทอดทิ้ง
และต้องการให้ นายมาริษ ได้รับทราบ เพื่อให้พิจารณาปรับปรุงตัวเอง ทั้งพฤติกรรม วิธีคิด และการกระทำ รวมถึงเปลี่ยนแปลงการทำงานภายในของกระทรวงฯ ให้คำนึงถึงหัวอกหัวใจของพี่น้องเพื่อนร่วมชาติ และปกป้องอธิปไตยของชาติให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
จีนเทายังชิล มีเครื่องปั่นไฟ ไม่หวั่นไทยหยุดจ่าย ‘พญาตองซู’ สัญญาณเน็ต 3 บ.ยักษ์ใช้ได้ปกติ
https://www.matichon.co.th/region/news_5034831
คืบหน้า หลังตัดกระแสไฟเมืองพญาตองซู จีนเทายังชิล เหตุมีเครื่องปั่นไฟ ส่วนสัญญาณเน็ต 3 บริษัทยักษ์ใช้ได้ปกติ แต่ชาวบ้านเดือดร้อนนับหมื่นคน
จากกรณีที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีวาระเร่งด่วนกรณีตัดไฟฟ้าบางพื้นที่ในฝั่งเมียนมาหลังพบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีมติให้ตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และน้ำมัน รวม 5 จุด ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.เป็นต้นไป โดย 1 ใน 5 จุด มีจุดซื้อขายบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีชายแดนติดกับ อ.พญาตองซู ประเทศเมียนมา ด้วย
เวลา 09.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาสังขละบุรี ได้ตัดกระแสไฟฟ้าที่จุดรับมอบพลังไฟฟ้าและพลังงานไฟฟ้า บริเวณจุดติดตั้งมาตรวัดไฟฟ้าแรงสูง ด่านพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ตามมติที่ประชุมของ สมช.เป็นที่เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้เจ้าหน้าที่ไทยจะทำการตัดกระแสไฟบริเวณจุดซื้อขายบริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ ประเทศเมียนมา แล้วก็ตาม หลายฝ่ายยังคงตั้งคำถามว่าการตัดกระแสไฟในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อแก็งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจจีนเทา รวมถึงบ่อนกาสิโนที่ตั้งอยู่ในเมืองพญาตองซู หรือไม่
แหล่งข่าวที่อยู่ในพื้นที่ อ.พญาตองซู เปิดเผยว่า การตัดกระแสไฟในวันนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจจีนเทามากนัก เพราะอาคารบ่อนกาสิโน หรือสถานบันเทิงที่มีอยู่อย่างครบวงจรนั้น แต่ละแห่งมีเครื่องปั่นกระแสไฟเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า สัญญาณโทรศัพท์มีปัญหาหรือไม่ แหล่งข่าวคนเดียวกันตอบว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ไม่ได้ตัดสัญญาณไปด้วย แต่ผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ คือชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่ อ.พญาตองซู ที่มีอยู่กว่า 1 หมื่นคน ส่วนกลุ่มจีนเทากว่า 1 หมื่นคนไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
แหล่งข่าวคนเดียวกันแจ้งให้ทราบเพิ่มเติมว่า หลังจากที่มีการตัดกระแสไฟฟ้าได้ไม่นานนัก พบกลุ่มคนไทยกว่า 10 คน ที่ทำงานอยู่ที่บ่อนกาสิโน เก็บกระเป๋าสัมภาระออกจากบ่อนเพื่อเดินทางข้ามกลับมายังประเทศไทย แล้ว
ด้านผู้ประกอบการค้าชายแดนชาวไทยเปิดเผยว่า มองว่ามาตรการที่เกิดขึ้นถ้าเพื่อนบ้านเข้าใจและอดทนกับมาตรการดังกล่าวร่วมกันก็จะไม่กระทบต่อการขนส่งสินค้า แต่จะกระทบต่อสินค้าที่ทางการห้ามนำเข้าและส่งออกอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เพื่อนบ้านก็ต้องประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการได้เข้าใจด้วยว่ามาตรการร่วมกันตรงนี้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เมื่อเจ้าหน้าที่เมียนมา รวมทั้งผู้ประกอบการเข้าใจ สินค้านำเข้า-ส่งออกทั่วไปก็ไม่น่าจะกระทบ และสามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติ
ผู้ประกอบการค้าชายแดนชาวเมียนมา ที่อาศัยอยู่ฝั่งพญาตองซู เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนแต่อย่างใด ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนยังคงมีกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์เซลล์ ถ่าน และก๊าซ เนื่องจากได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการดำเนินการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้แล้วก่อนหน้านี้ จึงไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ปชน.ร้องกกต.นับคะแนนนายกอบจ.นครนายกใหม่ ผู้สมัครปากน้ำ หอบหลักฐานซื้อเสียง มั่นใจมีน้ำหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5034746
ปชน.ร้องกกต.นับคะแนนนายกอบจ.นครนายกใหม่ ด้านผู้สมัครปากน้ำ หอบหลักฐานซื้อเสียง มั่นใจมีน้ำหนัก
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ พรรคประชาชน พร้อมด้วยนายจักรพันธุ์ จินตนาพากานนท์ ผู้สมัครนายกอบจ.นครนายก พรรคประชาชน เข้ายื่นคำร้องต่อกกต.เกี่ยวกับความผิดปกติของการเลือกตั้งอบจ. โดยนายจักรพันธ์ ยื่นคำร้องให้กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ เพราะมีความผิดปกติในเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.องครักษ์ จ.นครนายก ที่มีผู้มาใช้สิทธิ 6,449 คน แต่กลับเป็นบัตรเสียกว่า 1,096 ใบ จึงถือว่ามีบัตรเสียถึง 1 ใน 6 ซึ่งเป็นไปได้ยากมากที่ทุกๆ 6 คน จะกาบัตรเสีย 1 คน อีกทั้งคะแนนระหว่างตนกับผู้ชนะก็ห่างกันเพียง 900 กว่าคะแนน แต่กลับมีบัตรเสียกว่า 5,800 ใบ ที่กกต. ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการยื่นร้องต่อกกต.นครนายก แล้ว และยอมรับว่าในระหว่างการนับคะแนนทางผู้สังเกตการณ์ไม่ได้มีการทักท้วง เพราะอาจจะมองบัตรไม่ชัด นอกจากนี้ยังเห็นว่ามีความผิดปกติในเรื่องของการส่งบัตรเลือกตั้งจากหลายหน่วยมายังอบจ.มีความล่าช้าบางหน่วยมาถึงเที่ยงคืน ทั้งที่ระยะทางจากหน่วยมายังอบจ.นั้นไม่ได้ไกล
ด้านนายนพดล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ร้องคัดค้านการประกาศรับรองผลนายกอบจ.สมุทรปราการ ต่อกกต.สมุทรปราการไปแล้ว เนื่องจากพบความผิดปกติ ในเรื่องของการนับคะแนน การรายงานผล แต่ที่ต้องมายื่นร้องต่อกกต.กลางโดยตรงในวันนี้เป็นเรื่องของการทุจริตซื้อเสียง ซึ่งชาวสมุทรปราการส่งข้อมูลและพยานหลักฐานมาให้ทางพรรค จึงต้องการให้กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร หากเห็นว่ามีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรมก็ขอให้ขอต่อประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ในจ.สมุทรปราการ และอีกหลายจังหวัดที่ทางพรรคจะทยอยยื่นหลักฐานเข้ามา “หลักฐานที่เราเตรียมมายื่นให้กับกกต.ในวันนี้เป็นเรื่องการซื้อเสียง 3 กรณี โดยทั้งพยานบุคคลที่พร้อมให้ถ้อยคำต่อกกต. คลิปวีดีโอ ที่ประชาชนได้บันทึกไว้ในระหว่างการซื้อเสียง แชทไลน์ที่หัวคะแนนทักหาผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในหลายอำเภอในจ.สมุทรปราการ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีการซื้อเสียงหัวละ 200 บาท ซึ่งมั่นใจว่ากกต.จะพิจารณาแน่นอน ส่วนกรณีอื่นก็จะมีการอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และจะมีการทยอยนำมายื่นต่อกกต.
นายนพพล กล่าวว่า ข้อมูลทุจริตดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่พรรคให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมเพราะเป็นก้าวแรกของประชาธิปไตยและการพัฒนาบ้านเมืองของเรา จึงได้มีการเปิดวอลรูมเพื่อเป็นช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่พบความผิดปกติ โดยประชาชนได้มีการส่งข้อมูลเป็นจำนวนมาก โดยในส่วนของพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการตนก็ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตมายื่นในวันนี้ นายนพดล ยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงระบบการรายงานผลการนับคะแนนแบบเรียลไทม์ของกกต. ว่า ระหว่างการแสดงผลคะแนนทำไมกกต.จึงไม่นำเสนอจำนวนผู้มาใช้สิทธิรวมตั้งแต่ต้น แต่กลับมานำเสนอเมื่อผลการนับคะแนนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่กกต.ก็มีเอกสารที่เรียกว่า 5/7 สามารถประกาศให้ประชาชนทราบได้เลยว่าในจังหวัดสมุทรปราการหรือจังหวัดอื่นๆมีคะแนนรวมของผู้มาใช้สิทธิเท่าไหร่
สิ่งนี้เราถามโดยตลอดระหว่างที่มีการรายงานแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากกต. แต่กกต.กลับรายงานจำนวนผู้มาใช้สิทธิเมื่อการนับจำนวนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการบวกเลขเท่านั้นเอง จึงตั้งข้อสังเกตได้หรือไม่ว่าทำแบบนี้เพียงเพราะไม่ต้องการให้เกิดการวิจารณ์จากประชาชนว่าเกิดบัตรเขย่งในจังหวัดสมุทรปราการ ตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเทคนิคของใครหรือไม่อย่างไร แต่สำหรับตนถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดปกติ ซึ่งในแง่การบริหารจัดการถ้ากกต.จัดการอย่างดี และตรงตามเจตนารมณ์ที่จะให้ประชาชนเห็นการทำงานที่โปร่งใส สิ่งที่เกิดขึ้นตนมองว่ายังไม่โปร่งใสมากพอ
นอกจากนี้การรายงานจำนวนบัตรเสียของจ.สมุทรปราการแบบเรียลไทม์ก็พบความผิดปกติโดยแต่ละช่วงเวลามีการเปลี่ยนไปของจำนวนบัตรเสียค่อนข้างมากบางครั้งเปลี่ยนแบบเพิ่มสูงขึ้น แล้วสักพักจำนวนก็ลดลงมา ทำให้ประชาชนสับสน ถ้ากกต.จะบอกว่าเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลที่คีย์ข้อมูลผิด เชื่อว่าคำตอบแบบนี้ประชาชนรับไม่ได้ และทำให้ประชาชนเกิดคำถามว่าจะมั่นใจในทุกคะแนนที่กกต.รายงานผลว่าจะไม่มีความผิดพลาดได้อย่างไร ดังนั้นคิดว่าเป็นความชอบธรรมที่เราจะขอตรวจสอบความถูกต้องในเรื่องดังกล่าวจากกกต.