“แม้ควบคุมโลกภายนอกไม่ได้ แต่เราไม่มีวันสูญเสียเสรีภาพที่จะคิดเห็นต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ”

กระทู้สนทนา
ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเร่งรีบ เราถูกดึงเข้าไปในกระแสแห่งความสำเร็จ การเปรียบเทียบ และความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด เราไขว่คว้าสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง หวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะนำพาความสุขมาให้ แต่ท้ายที่สุดกลับพบว่า บางครั้งสิ่งที่เราวิ่งตามอาจไม่ใช่สิ่งที่ใจเราต้องการจริง ๆ

“เมื่อเทียบกับความตายแล้ว ปัญหาใหญ่หลวงหรือคุณค่าอลังการใด ๆ ก็เป็นเพียงแสงสว่างวาบชั่วคราว ก่อนจะดับมืดไป”

เราใช้เวลามากมายในการกังวลกับสิ่งต่าง ๆ แต่เมื่อมองจากจุดจบของชีวิต ทุกปัญหาที่ดูยิ่งใหญ่กลับเล็กลงจนแทบไม่มีความหมาย อะไรคือสิ่งสำคัญจริง ๆ กันแน่?

มีคำกล่าวว่า “พรุ่งนี้ กับชาติหน้า ไม่รู้ว่าอะไรจะมามาก่อน” นี่ไม่ใช่เพียงถ้อยคำเตือนใจ แต่เป็นความจริงที่เราทุกคนต้องเผชิญ การผัดวันประกันพรุ่ง การรอคอยโอกาสที่สมบูรณ์แบบ อาจทำให้เราพลาดช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดของชีวิต

เราเติบโตขึ้นมาในโลกที่สอนให้เราวางแผน วาดฝัน และตั้งเป้าหมาย แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ “แผนชีวิตที่ดีต้องนับรวมความตายหรือจุดสิ้นสุดเอาไว้ตั้งแต่ต้น” เราไม่รู้ว่าเวลาของเราจะหมดลงเมื่อไหร่ ดังนั้นสิ่งที่เราทำในปัจจุบันจึงมีความหมายมากกว่าความฝันที่ยังไม่เกิดขึ้น

มีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวนของอดีต ความผิดพลาด ความเสียใจ หรือความทรงจำที่หลอกหลอน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิต เราอาจค้นพบว่า “เราสามารถเกิดใหม่ได้อีกครั้งในวันที่รู้แล้วว่าสภาพแวดล้อมในอดีตมีผลต่อเราในปัจจุบันอย่างไร” และที่สำคัญ เรามีอำนาจในการกำหนดอนาคตของตัวเอง

แต่แล้วอะไรคือ “ชีวิตที่ดี”? คือการมีเงินมากมายหรือเปล่า? การได้งานที่มั่นคง? หรือการได้รับการยอมรับจากสังคม? คำตอบอาจแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ “สิ่งที่คนจำนวนมากมองข้าม คือ ความปกติสุขของชีวิต” เราใช้เวลาส่วนใหญ่แสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จนลืมไปว่าการมีวันที่เรียบง่ายแต่สงบสุขก็เป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง

หลายคนต้องผ่านประสบการณ์หนักหนาสาหัส เช่น การเจ็บป่วยรุนแรง หรือการสูญเสียคนสำคัญไปก่อนจะเข้าใจว่า “แค่มีชีวิตที่ปกติก็ดีมากแล้ว” เรามัวแต่ไล่ล่าความสำเร็จโดยไม่ตระหนักเลยว่าความสุขอาจอยู่ตรงหน้าแล้ว

ในยุคที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว เรามักใช้ชีวิตโดยไม่ได้หยุดตั้งคำถามกับตัวเองว่า “สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ หรือเป็นเพียงสิ่งที่สังคมบอกให้เราต้องการ?” การเรียนรู้ที่จะทบทวนตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ “ต่อให้เรียนสิ่งที่ฮิต ทำงานได้เงินดี ในบัญชีมีเงินเยอะ เราก็อาจไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ”

เมื่อพูดถึงความสำเร็จ หลายคนมองว่ามันเป็นจุดหมายปลายทาง เป็นยอดเขาที่ต้องปีนขึ้นไปให้ถึง แต่แท้จริงแล้ว ความสุขไม่จำเป็นต้องรอให้เราไปถึงยอดเขาเสมอไป “ไม่ต้องรอให้มีความสุขตอนสำเร็จ ณ ยอดเขาสูง แต่มองเห็นความสำเร็จเล็ก ๆ หัดชื่นชมกับมัน ให้รางวัลกับตัวเอง จะได้สุขหลายรอบในหนึ่งเป้าหมาย”

“แรงผลักดันไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ตัวเองกับใคร หากคือค่อย ๆ พัฒนาตัวเองและเอ็นจอยกับทุกก้าว” นี่คือหัวใจของชีวิตที่แท้จริง ไม่ใช่การแข่งขันกับผู้อื่น แต่เป็นการเดินทางของตัวเราเอง

และสุดท้าย สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายมากกว่าการสะสมความสำเร็จทางวัตถุคือการแบ่งปันและเชื่อมโยงกับผู้อื่น “มีชีวิตอยู่เพื่อแบ่งปันสามสิ่งให้แก่กัน ความรู้ ความหวัง ความรัก”

เราอาจไม่ได้ควบคุมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ แต่เราสามารถเลือกมุมมองที่มีความหวังและความหมายให้กับตัวเองได้เสมอ “แม้ควบคุมโลกภายนอกไม่ได้ แต่เราไม่มีวันสูญเสียเสรีภาพที่จะคิดเห็นต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ”

ดังนั้น จงใช้ชีวิตให้เต็มที่ เดินไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมาย และเมื่อถึงวันที่ต้องหันกลับมามองเส้นทางที่เราเดินผ่านมา ขอให้เราสามารถยิ้มให้กับมันได้อย่างภาคภูมิใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่