โฉมหน้าผู้กองปอยเปต


ขอบคุณที่มา: https://mgronline.com/crime/detail/9680000011011

บช.ก.บุกรวบ 2 ผู้กองแห่งโรงพักปอยเปต สวมเครื่องแบบตำรวจวิดีโอคอล หลอก “ชาล็อต-แอนชิลี” อ้างถูกบอสจีนบังคับ หากขัดขืนจะถูกทำร้ายทุบตี เผย ชาล็อตร้องไห้หนัก กลัวกระทบการทำงาน จึงยอมโอนให้ตรวจสอบ 4 ล้านบาท

วันนี้ (3 ก.พ.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ผกก.1 บก.ปอท. พ.ต.ท.พรเสกข์ เชาวสันต์ สว.กก.1 บก.ปอท. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการจับกุม “ดาวกองร้อย นายร้อยปอยเปต แก๊งคอลข้ามชาติ” จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญได้จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายรามิล พันธวงศ์ อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4557/2567 ลงวันที่ 19 ก.ย. 2567 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” และ นายธนาวุฒิ กันยาพันธ์ อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.153/2568 ลงวันที่ 1 ก.พ. 2568 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันหลอกลวงโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุม นายรามิล ได้ที่บ้านเลขที่ 105 ม. 1 ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ส่วน นายธนาวุฒิ จับได้ที่บ้านพักเลขที่ 44/94 ม.1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี


พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหายว่า มีคนร้ายแต่งกายเป็นตำรวจวิดีโอคอลมาข่มขู่อ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และคดียาเสพติด พร้อมส่งเอกสารปลอมต่างๆ มาให้ดู จนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นตำรวจจริง ก่อนจะใช้กลอุบายหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายรวมเป็นเงินมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากระบบแจ้งความออนไลน์และฐานข้อมูล พบว่า มีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันนี้มากถึง 163 ราย จึงเร่งรัดดำเนินการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนภายหลังสามารถระบุตัวคนร้ายที่แต่งกายเป็นตำรวจวิดีโอคอลมาหลอกลวงผู้เสียหายได้ จากนั้นจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ดังกล่าว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า คดีนี้ใช้เวลาครึ่งปีในการขยายผล โดยพบว่า กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปอยู่ในอาคาร 18 ชั้น ปอยเปต โดยแก๊งนี้พักอยู่ที่ชั้น 13 มี 50 คน ผู้ต้องหาอ้างถูกชักจูงผ่านโซเชียลมีเดีย โดยคิดว่าจะถูกให้ไปทำงานเป็นแอดมินชักชวนให้เล่นพนันเพื่อหารายได้ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์ และถูกให้มาทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบริเวณอาคารจะมีคนคุมและเฝ้าที่หน้าตึกและชั้น 3 โดยชั้น 1 จะเป็นสถานที่ซื้อสินค้า ที่ผ่านมา จากข่าวที่ปรากฏพบอาคารแห่งนี้ว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากการกระโดดตึกลงมา 2 ราย

“ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศจะต้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ จำเป็นต้องมีการเจรจาพูดคุยกัน ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ก็มีขีดจำกัดในการทำงาน ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างตำรวจและรัฐบาลในการแก้ไขเรื่องนี้ ยืนยันจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกข้อกล่าวหาแยกตามพฤติการณ์กระทำความผิดของผู้เสียหายที่เกิดขึ้นแต่ละราย” ผบช.ก.กล่าว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนประทุษกรรมของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ทราบว่า มีการใช้ AI ปลอมแปลงใบหน้าทำให้ยากต่อการจับกุม ส่วนเรื่องของเงินจากการตรวจสอบของตำรวจ พบว่า เงินที่หลอกมาได้มีการแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนจะทำการฟอกเงินเป็นสกุลเงินต่างๆ ในหลายชาติ เช่น ไทย เวียดนาม ก่อนจะแบ่งรายได้ให้กับผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจจะเร่งขยายผลติดตามตัวผู้บงการที่รับผลประโยชน์สูงสุด

จากการสอบปากคำ นายรามิล ให้การรับสารภาพว่า ตัวเองทำหน้าที่เป็นสาย 1 ในการติดต่อเหยื่อจากระบบซิมบ็อกซ์ที่มีการเซตระบบไว้ โดยจะได้ข้อมูลของเหยื่อ และจะต้องพูดตามสคริปต์ที่บอสชาวจีน และคนคุมงานซึ่งเป็นคนไทยส่งมาให้ เมื่อสามารถพูดชักจูงเหยื่อจนเหยื่อเริ่มหลงเชื่อแล้ว ก็จะส่งต่อไปให้กับสาย 2 เพื่อดำเนินการ



ส่วน นายธนาวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า ตัวเองเป็นผู้ร่วมขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยทำหน้าที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงเหยื่อจริง ก่อเหตุหลอกลวงคนมาแล้วหลายราย รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ทั้ง น.ส.ชาล็อต ออสติน และ แอนชิลี

นายธนาวุฒิ กล่าวต่อว่า ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตัวเองจะมีหน้าที่วิดีโอคอลเพื่อหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ และทำหน้าที่ควบคุมเหยื่อผ่านการวิดีโอคอลในระหว่างการหลอกลวง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วจะมีคนร้ายที่เรียกว่าสาย 3 ทำหน้าที่ปิดดีล หลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ ในระหว่างการหลอกลวงจะมีทั้งคนไทยและคนจีนทำหน้าที่เป็นคนควบคุม และคิดสคริปต์ในการหลอกลวงเหยื่อเพื่อให้เป็นไปตามบทที่วางไว้ โดยหากตัวเองไม่ปฏิบัติตามหรือต่อต้านจะถูกทำร้ายร่างกาย และหากสามารถหลอกจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินมาให้ได้ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากมูลค่าที่หลอกลวงเหยื่อ

นายธนาวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตัวเองยังคอยทำหน้าที่เป็นคนปลอบใจผู้เสียหาย ส่วนกรณีของ น.ส.ชาล็อต ออสติน ยอมรับว่า ตอนแรกไม่ทราบว่าเหยื่อที่ตนพูดด้วยคือ ชาล็อต เพิ่งมาทราบตอนที่ได้พูดคุยกันแล้ว โดยชาล็อตจะร้องไห้ เพราะกลัวว่าจะกระทบการทำงาน จึงได้พูดให้เขาสบายใจที่สุดในเรื่องที่เขาไม่สบายใจและให้เขาพักผ่อน มีการพูดคุยกันตลอดทั้งคืนจนเช้า กำชับไม่ให้ผู้เสียหายวางสายโทรศัพท์ ส่วนชื่อที่เอามาใช้หลอกมีอยู่ในอินเทอร์เน็ต ยอมรับว่า เริ่มทำงานสาย 1 เมื่อปี 2566 ต่อมาในปี 2567 ได้ขยับเลื่อนมารับสาย 2

“ที่ผ่านมา เคยพยายามหนีออกจากขบวนการแต่ถูกจับได้ โดนทุบตีด้วยไม้เบสบอล 5 ครั้ง ที่หลุดออกมาจากวงจรโคจรได้เพราะป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยขบวนการได้ปล่อยให้เดินทางกลับ พร้อมให้เงินติดตัวมา 40,000 บาท เนื่องจากให้เหตุผลว่าตัวเองไม่มีประโยชน์กับขบวนการแล้ว ก่อนจะกลับมาไทยได้เพียง 2 สัปดาห์ ก็ถูกจับกุม

นายธนาวุฒิ ยังเล่าอีกว่า เมื่อไปถึงที่ประเทศเพื่อนบ้าน ทุกคนจะโดนจับอบรม 7 วัน โดยจะต้องไปฟังสคริปต์ว่าจะต้องทำหน้าที่อย่างไร และมีการฝึกวิธีการพูด การโทร.และการหลอกคนว่าจะต้องทำอย่างไร โดยคนจีนเป็นคนเขียนสคริปต์ให้ และมีล่ามเป็นผู้แปลให้

ส่วนเงินส่วนแบ่งที่ได้รับตนนำไปใช้เล่นพนันสล็อตบนมือถือจนหมดแล้ว

เมื่อถามว่า เคยพบเจอกับบอสชาวจีนหรือไม่ นายธนาวุฒิ ยอมรับว่า เคยพบแต่ไม่บ่อย ซึ่งการพูดคุยจะมีล่ามเป็นผู้แปลให้ ส่วนตัวเองไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่ ที่ผ่านมา มีตำรวจกัมพูชามาตรวจสอบอยู่บ่อยครั้ง เมื่อมาถึงพวกตนก็จะพยายามหลบซ่อนตัวล็อกห้องเหมือนไม่มีคนอยู่ หนึ่งปีจะมาตรวจ 4-5 ครั้ง โดยชั้น 13 ที่พักจะเป็นห้องยาวแล้วก็มีห้องแบ่งเหมือนโรงแรมทั่วไป มีผู้ร่วมขบวนการอยู่ 30-40 คน ที่ผ่านมา พบว่า มีคนจีน อินโดนีเซีย อินเดีย และมาเลเซีย อยู่ในอาคารนั้นด้วย ส่วนคนคุมระบบหลังบ้านจะเป็นชาวจีน ส่วนที่ไม่ขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่มาตรวจ เพราะไม่มั่นใจว่าตำรวจเหล่านี้จะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการนี้หรือไม่ จึงไม่กล้าขอความช่วยเหลือ

“ที่ผ่านมา เคยพยายามหลบหนีแล้วหนึ่งครั้ง เคยขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตไทย แต่ถูกจับได้ก็ถูกทุบตี จึงไม่กล้าทำอะไรที่เสี่ยงให้ตัวเองถูกทำร้ายอีก พร้อมขอโทษผู้เสียหายทุกราย หากไม่ทำตนก็จะถูกทำร้าย ที่ทำเพราะมีปัญหาหนี้สินที่ต้องเคลียร์ จึงสมัครไปเป็นแอดมินเว็บพนันเพื่อรับเงินและโอนเงินเข้าระบบให้ลูกค้า แต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทาง และบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์”

นายธนาวุฒิ บอกเล่าถึงรูปแบบแผนประทุษกรรมของขบวนการดังกล่าวอีกด้วยว่า มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็น 3 สาย โดยสายแรกจะเป็นคนโทร.ข่มขู่ว่าผู้เสียหายมีความผิดฐานฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก่อนจะโอนไปยังสายที่ 2 เพื่อพูดคุยโน้มน้าวปลอบให้เหยื่ออยู่ในสาย โดยตัวเองทำหน้าที่นี้อยู่ หากโอนเงินมาให้ตรวจสอบจะปลอบเหยื่อว่าได้เงินคืนอย่างแน่นอน ก่อนจะโอนไปยังสายที่ 3 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ โดยบทบาทที่มีการแอบอ้างจะอ้างตัวเป็นตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองร้อยปอยเปตที่ทำหน้าที่พูดคุยกับผู้เสียหายรู้จักกันทุกคน ซึ่งขณะนี้ไม่ทราบว่าคนอื่นๆ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่ นอกจากนี้ ยังยอมรับว่า รู้สึกกลัว หลังทราบข่าวว่าตำรวจสอบสวนกลางกำลังไล่ล่าจับกุมตัว

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกุญแจสำคัญที่นำมาสู่การตามจับกุมตัว นายธนาวุฒิ ผู้กองแห่งกองร้อบปอยเปตรายนี้ได้ เริ่มจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว นายรามิล ผู้ต้องหารายแรกได้ก่อนเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ก่อนจะให้การซัดทอดพร้อมยืนยันตัวบุคคลว่า นายธนาวุฒิ คือหนึ่งในแก๊งตำรวจกองร้อยปอยเปตจริง ปัจจุบันเพิ่งจะหลบหนีกลับเข้ามาในประเทศไทย จึงเร่งรวบพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิด

กระทั่งพบเบาะแสสำคัญจากแฟนสาวของ นายธนาวุฒิ ที่โพสต์รูปภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพขณะกำลังตระเวนเที่ยวทะเลพักผ่อนอยู่ที่หาดบางแสน อ.เมือง และ ชายหาดในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งในรูปภาพดังกล่าวปรากฏให้เห็นแผ่นหลังของชายลักษณะคล้ายกับนายธนาวุฒิ เจ้าหน้าที่จึงเร่งเฝ้าติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้นหลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำในขั้นจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำนายรามิล ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนนายธนาวุฒิ นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. สอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนเตรียมนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญากรุงเทพใต้ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่