วิโรจน์ เล่ายิบอุปสรรค ระหว่างพาญาติเยี่ยม 4 ลูกเรือประมง ฉะกต.ไม่เอาใจใส่ จ่อทำจ.ม.ถึงนายกฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5032413
“วิโรจน์” เผยพาญาติ 4 ลูกเรือประมงบุกเกาะสอง ฉะ กต. ไม่เอาใส่ใจ-ขาดความกระตือรือร้น บอกสภาพถูกทอดทิ้ง ขาดการเหลียวแล ถาม “มาริษ” ทำเรื่องอภัยโทษแล้วหรือยัง งง ญาติเผยไม่เคยได้รับการประสานจากกระทรวงต่างประเทศเลย เตรียมทำหนังสือถึง “นายกฯอิ๊งค์” รับทราบ
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้ โพสต์ภาพและข้อความ เรื่อง กรณีลูกเรือประมงไทยที่ถูกจับกุมที่เกาะสอง อุปสรรคใหญ่ คือ กระทรวงการต่างประเทศไม่เอาใส่ใจ และขาดความกระตือรือร้น ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
วันนี้ ผม และคณะ กมธ.ทหาร ตลอดจนญาติของลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิต ประกอบด้วย คุณปริญกมร ธัญชร (ป้าบ๊วย) คุณสุดเขต สำราญรัตน์ ภรรยา และหลานของ คุณวิโรจน์ สพานทอง ณ นคร (อายุ 69 ปี) เจ้าของเรือ ส.เจริญชัย 8 และเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทของ คุณสมปอง วิวัฒน์ (อายุ 61 ปี) คุณกมลชนก มงกุฎทอง และคุณจินตนา มงกุฎทอง ลูกสาว และภรรยาของคุณสุนันท์ มงกุฎทอง (อายุ 68 ปี) คุณวรรณทกานต์ พรหมนิมิตร และคุณเอกพงษ์ อินทรสุวรรณ ลูกสาว และลูกเขยของคุณถาวร พรหมนิมิตร (อายุ 64 ปี) ได้เดินทางไปที่ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา เพื่อเข้าพบท่านชิส่วย ผบ.เรือนจำเกาะสอง
ก่อนเดินทาง จากการประสานงานกับกรมเอเชียตะวันออก โต๊ะเมียนมา กมธ.ทหาร พบปัญหาว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือประสานไปยังรัฐบาลกลางเมียนมาเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ประสานไปยังเรือนจำเกาะสอง ทาง กมธ.ทหาร จึงได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งประสานให้ทางเรือนจำเกาะสองได้ทรายถึงภารกิจของ กมธ.ทหาร ในครั้งนี้ด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาการประสานงานก็ยังเกิดขึ้น เมื่อผมได้ทราบเรื่อง จากการประชุมร่วมกันกับท่านผู้ว่าฯ จ.ระนอง ทัพเรือภาค 3 ศร.ชล. ศป.ชล. TBC (คณะกรรมการส่วนท้องถิ่นชานแดนไทย-เมียนมา) ว่าทางกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้ประสานแจ้งมายัง TBC ด้วยความกรุณาของ พ.อ.อภิชัย เรืองฤทธิ์ ประธาน TBC ฝั่งไทย ที่ช่วยประสานต่อไปยัง TBC ฝั่งเมียนมา และผู้ว่าฯ จ.เกาะสอง จึงทำให้คณะ กมธ.ทหาร พร้อมผู้ติดตามสามารถเดินทางไปยังเรือนจำเกาะสองได้สำเร็จในที่สุด
จากการหารือกับท่านชิส่วย ผบ.เรือนจำเกาะสอง ได้ทราบว่าปัจจุบัน เรือนจำเมียนมา ได้อนุญาตให้ญาติของลูกเรือประมงไทยได้เข้าเยี่ยมลูกเรือประมงไทยในแต่ละเดือนได้ 3 วัน ได้แก่ วันที่ 5, 17 และ 30 ส่วนจะให้เข้าเยี่ยมได้ 3 วัน หรือเลือกหนึ่งในสาม ทางท่าน ผบ.เรือนจำเกาะสอง จะตรวจสอบยืนยัน อีกครั้งหนึ่ง และเมื่อได้รับการยืนยันแล้ว จะมีการทำหนังสือให้กับทางการไทย ได้รับทราบ
สำหรับการขอเข้าเยี่ยม ทาง ผบ.เรือนจำเกาะสอง ก็พร้อมอำนวยความสะดวกให้ โดยขอให้ประสานแจ้งล่วงหน้าเพียง 1 วัน ก็พร้อมจะอนุญาตให้ สำหรับเรื่องโรคประจำตัวของลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิต ทั้งโรคความดันโลหิตสูง และโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ทาง ผบ.เรือนจำเกาะสอง ได้ยืนยันว่าทางลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน ได้พบแพทย์ และรับประทานยาเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ผมได้ฝากให้ทาง ผบ.เรือนจำเกาะสอง ได้ช่วยดูแลลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิต อย่างใกล้ชิดด้วย เนื่องจากทั้ง 4 คน ล้วนเป็นผู้สูงอายุ ซึ่ง ผบ.เรือนจำเกาะสอง ได้รับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ไม่ต้องเป็นกังวล
หลังจากนั้น กมธ.ทหาร และคณะได้เดินทางกลับมายัง จ.ระนอง ซึ่งผมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกหน่วย ที่ จ.ระนอง ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ และดีที่สุดแล้ว แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นทั้งมวล ล้วนเกิดจากลับการไม่เอาใจใส่ และการขาดความกระตือรือร้นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ควรจะทำให้ดีกว่านี้ได้
ที่ผ่านมา ทางคุณวรรณทกานต์ พรหมนิมิตร ลูกสาวของคุณถาวร พรหมนิมิตร และคุณกมลชนก มงกุฎทอง ลูกสาวของคุณสุนันท์ มงกุฎทอง ต่างให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า ไม่เคยได้รับการประสานใดๆ จากกระทรวงการต่างประเทศเลย ไม่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ทราบเลยว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่คนใด เป็นช่องทางการติดต่อ ในการแจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้า
เบื้องต้นต้องขอบคุณ น.อ.ชำนาญ นบนอบ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย-เมียนมา (ศปชล.ทม.) ที่ขันอาสารับเป็นผู้ประสาน และเป็นช่องทางในการติดต่อประสานให้ จนกว่ากระทรวงการต่างประเทศจะมอบหมายให้มีผู้ที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
หลังจากนี้ ผมในฐานะประธาน กมธ.ทหาร จะทำหนังสือขอเข้าพบ คุณมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เป็นการเร่งด่วน โดยจะขออนุญาตพาญาติของลูกเรือประมงไทยเข้าพบด้วย เนื่องจากผมได้ไปเยี่ยมลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิตด้วยตนเองแล้ว ในขณะที่คุณมาริษ ยังไม่เคยไปเลย เชื่อว่าข้อเท็จจริงโดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากความไม่เอาใจใส่ของกระทรวงการต่างประเทศ น่าจะเป็นประโยชน์ที่คุณมาริษ จะได้นำไปปรับปรุงการทำงานของทั้งตนเอง และระบบงานของกระทรวงการต่างประเทศได้
และจะขอสอบถามคุณมาริษ ใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ
1. กระทรวงการต่างประเทศ จะมอบหมายให้มีเจ้าหน้าที่ ที่คอยทำหน้าที่ประสานแจ้งความคืบหน้ากับญาติของลูกเรือประมงไทย ได้เมื่อใด เพราะปัจจุบันญาติของลูกเรือประมงไทย อยู่ในสภาวะที่ถูกทอดทิ้ง ขาดการเหลียวแลจากกระทรวงการต่างประเทศ
2. กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำเรื่องขออภัยโทษให้แก่ลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิตแล้วหรือยัง และนับจากนี้ ยังต้องมีขั้นตอนใดที่ต้องดำเนินการบ้าง และมีเงื่อนไขใดบ้าง ที่ลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน จะได้รับการปล่อยตัว และมีกำหนดการคร่าวๆ หรือไม่ อย่างไร
หลังจากเดินทางกลับ ผมจะเร่งทำหนังสือถึงคุณมาริษทันที โดยจะทำหนังสือเรียนให้ท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้รับทราบด้วย
https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid026joNGoWPVeqDbYr6zvFBXRHVfgBsu6pePZ1Gr3uwuLLevdmMDHoPrdAP2mtjU7cl
ชำนาญ ชี้จุดเปลี่ยน ทำปชน.พลิกชนะ อบจ.ลำพูน อยู่ที่เหตุการณ์ ไลน์หลุดฝ่ายปกครอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5032638
ชำนาญ ชี้จุดเปลี่ยน ทำปชน.พลิกชนะ อบจ.ลำพูน อยู่ที่เหตุการณ์ ไลน์หลุดฝ่ายปกครอง
จากกรณีที่ พรรคประชาชน นำโดย นายวีระเดช ภู่พิสิฐ สามารถโค่น นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ผู้จากพรรคเพื่อไทย แชมป์เก่า 4 สมัย นายกอบจ.ลำพูน ทำให้ พรรคประชาชน สามารถปักธง ในสนามเลือกตั้งนายกอบจ.ได้สำเร็จ เป็นจังหวัดเดียว และจังหวัดแรกในไทยนั้น
ล่าสุด (3 ก.พ.) นาย
ชํานาญ จันทร์เรือง แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า
“
จุดพลิกผันหนึ่งที่ทำให้ผู้สมัคร อบจ.ลำพูนของพรรคประชาชนกลับมาแรงแซงโค้งสุดท้ายก็คือการหลุดของแชทไลน์ที่ฝ่ายปกครองสั่งการให้กำนันผญบ.ติดตามผู้สมัครพรรค ปชน.จนเกิดคำถามว่ามันอะไรกันนักหนา น่ะครับ”
https://www.facebook.com/chamnan.chanruang/posts/pfbid0PsKKyKHyGYHdZGnCrvTM5LusA12hsuhuUGpy1jX68FDwBSTtvA6ZUQb9X8qK8cR5l
กกต.แจงใช้สิทธิเลือกตั้งอบจ. หลุดเป้า 4 จังหวัดเลือกใหม่-5 แห่ง ‘บัตรเขย่ง’
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5032574
กกต.แจงใช้สิทธิเลือกตั้งอบจ. หลุดเป้า 4 จังหวัดเลือกใหม่ – 5 แห่ง ‘บัตรเขย่ง’
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปภาพรวมการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า
ในส่วนของการเลือกตั้งนายก อบจ.มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน มาใช้สิทธิ 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าลดลงจากการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ โดยในจำนวนเป็นบัตรดี 14,272,694 ใบ คิดเป็น 87.23 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบัตรเสีย 931,290 ใบ คิดเป็น 5.69 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเกือบจะเท่ากับปี 2563 ที่มีบัตรเสียอยู่ที่ 5.63 เปอร์เซ็นต์ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08 เปอร์เซ็นต์
ขณะในส่วนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ.มี 47,124,842 คน และมาใช้สิทธิ 26,418,754 คน คิดเป็น 56.06 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นบัตรดี 23,131,324 ใบ คิดเป็น 87.56 เปอร์เซ็นต์ บัตรเสีย 1,488,086 ใบ คิดเป็น 5.63 เปอร์เซ็นต์ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,799,344 ใบ คิดเป็น 6.81 เปอร์เซ็นต์
นาย
แสวงกล่าวต่อว่า ในขณะที่จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ.และนายก อบจ.47 มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.ลำพูน คิดเป็น 73.43 เปอร์เซ็นต์ 2.นครนายก คิดเป็น 73 เปอร์เซ็นต์ 3.พัทลุง คิดเป็น 72.56 เปอร์เซ็นต์ 4.นราธิวาส คิดเป็น 68.42 เปอร์เซ็นต์
และ 5.มุกดาหาร คิดเป็น 68.03 เปอร์เซ็นต์ แล้วจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแค่สมาชิก อบจ.ใน 29 จังหวัด มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.พะเยา คิดเป็น 61.68 เปอร์เซ็นต์ 2.เลย คิดเป็น 58.04 เปอร์เซ็นต์ 3.เพชรบุรี คิดเป็น 57.44 เปอร์เซ็นต์ 4.ยโสธร คิดเป็น 56.72 เปอร์เซ็นต์ และ 5.ชัยนาท คิดเป็น 56.63 เปอร์เซ็นต์
นาย
แสวง กล่าวว่า จากข้อมูลที่เห็นว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิน้อย และไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้อาจจะเป็นเพราะจัดการเลือกตั้งวันเสาร์นั้น เรื่องนี้ตนเคยชี้แจงว่ามีข้อจำกัดที่ข้อกฎหมายที่ต้องเลือกภายใน 45 วัน และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพบว่า มี 6 จังหวัดที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ส่งรายงานผลคะแนนและหีบบัตรเกินเวลา 24 นาฬิกาของวันที่ 1 ก.พ.
ดังนั้นแล้วสะท้อนว่าสิ่งที่เราได้ตัดสินใจเลือกตั้งในวันเสาร์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันเราได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ครั้งนี้ก็เกิดเหตุมีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างส่งหีบบัตร ซึ่งตนขอแสดงความเสียใจ กกต.จะดูแลตามสิทธิที่กปน.ควรได้รับ ดังนั้นการกำหนดวันเลือกตั้งจึงต้องตัดสินใจบนพื้นฐานที่ไม่กดดันการทำงานของผู้ปฏิบัติงานด้วย และการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเสาร์ไม่ได้กระทบต่อการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะผู้สมัครทุกคนแข่งขันขันอย่างเท่าเทียม ภายใต้กติกาเดียวกัน อีกทั้งจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าการจัดเลือกตั้งปี 2563 เพียง 4% แต่ถ้าเทียบการจัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์คราวนี้ กับครั้งเลือกตั้งนายก อบจ. 29 จังหวัดไปก่อนหน้านี้ที่จัดวันอาทิตย์ ถือว่าครั้งนี้ดีกว่า
นายแสวงกล่าวว่า จำนวนบัตรเสียยืนยันว่าไม่ต่างจากปี 2563 บัตรเสียจากการเลือกนายก อบจ. ถือว่าเท่ากับปี 2563 ขณะที่บัตรเสียจากการเลือกสมาชิกอบจ.ครั้งนี้น้อยกว่าเมื่อครั้งปี 2563 อยู่ที่ 7.63 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากตัวระบบเอง ทำให้มีเบอร์ของผู้สมัครนายกอบจ.กับสมาชิกอบจ.ส่งในนามพรรค อาจทำให้มีจำนวนผู้สมัครไม่เท่า เพราะบางจังหวัดเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกอบจ. บางจังหวัดเลือกตั้งทั้ง 2 ประเภท ประชาชนอาจสับสน ลงคะแนนในช่องไม่มีผู้สมัคร ไม่ได้เป็นการตั้งใจทำให้บัตรเสีย ขณะเดียวกันมีการแบ่งเขตใหม่ทำให้ประชาชนสับสน ส่วนที่ตั้งใจเป็นบัตรเสียนั้นมีน้อย
JJNY : วิโรจน์ฉะกต.ไม่เอาใจใส่│ชำนาญชี้จุดเปลี่ยนทำปชน.พลิกชนะ│กกต.แจงหลุดเป้า4จว. 5แห่ง‘บัตรเขย่ง’ │เปิดเช้านี้ บาทแข็ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5032413
“วิโรจน์” เผยพาญาติ 4 ลูกเรือประมงบุกเกาะสอง ฉะ กต. ไม่เอาใส่ใจ-ขาดความกระตือรือร้น บอกสภาพถูกทอดทิ้ง ขาดการเหลียวแล ถาม “มาริษ” ทำเรื่องอภัยโทษแล้วหรือยัง งง ญาติเผยไม่เคยได้รับการประสานจากกระทรวงต่างประเทศเลย เตรียมทำหนังสือถึง “นายกฯอิ๊งค์” รับทราบ
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้ โพสต์ภาพและข้อความ เรื่อง กรณีลูกเรือประมงไทยที่ถูกจับกุมที่เกาะสอง อุปสรรคใหญ่ คือ กระทรวงการต่างประเทศไม่เอาใส่ใจ และขาดความกระตือรือร้น ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
วันนี้ ผม และคณะ กมธ.ทหาร ตลอดจนญาติของลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิต ประกอบด้วย คุณปริญกมร ธัญชร (ป้าบ๊วย) คุณสุดเขต สำราญรัตน์ ภรรยา และหลานของ คุณวิโรจน์ สพานทอง ณ นคร (อายุ 69 ปี) เจ้าของเรือ ส.เจริญชัย 8 และเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทของ คุณสมปอง วิวัฒน์ (อายุ 61 ปี) คุณกมลชนก มงกุฎทอง และคุณจินตนา มงกุฎทอง ลูกสาว และภรรยาของคุณสุนันท์ มงกุฎทอง (อายุ 68 ปี) คุณวรรณทกานต์ พรหมนิมิตร และคุณเอกพงษ์ อินทรสุวรรณ ลูกสาว และลูกเขยของคุณถาวร พรหมนิมิตร (อายุ 64 ปี) ได้เดินทางไปที่ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา เพื่อเข้าพบท่านชิส่วย ผบ.เรือนจำเกาะสอง
ก่อนเดินทาง จากการประสานงานกับกรมเอเชียตะวันออก โต๊ะเมียนมา กมธ.ทหาร พบปัญหาว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือประสานไปยังรัฐบาลกลางเมียนมาเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ประสานไปยังเรือนจำเกาะสอง ทาง กมธ.ทหาร จึงได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งประสานให้ทางเรือนจำเกาะสองได้ทรายถึงภารกิจของ กมธ.ทหาร ในครั้งนี้ด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาการประสานงานก็ยังเกิดขึ้น เมื่อผมได้ทราบเรื่อง จากการประชุมร่วมกันกับท่านผู้ว่าฯ จ.ระนอง ทัพเรือภาค 3 ศร.ชล. ศป.ชล. TBC (คณะกรรมการส่วนท้องถิ่นชานแดนไทย-เมียนมา) ว่าทางกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้ประสานแจ้งมายัง TBC ด้วยความกรุณาของ พ.อ.อภิชัย เรืองฤทธิ์ ประธาน TBC ฝั่งไทย ที่ช่วยประสานต่อไปยัง TBC ฝั่งเมียนมา และผู้ว่าฯ จ.เกาะสอง จึงทำให้คณะ กมธ.ทหาร พร้อมผู้ติดตามสามารถเดินทางไปยังเรือนจำเกาะสองได้สำเร็จในที่สุด
จากการหารือกับท่านชิส่วย ผบ.เรือนจำเกาะสอง ได้ทราบว่าปัจจุบัน เรือนจำเมียนมา ได้อนุญาตให้ญาติของลูกเรือประมงไทยได้เข้าเยี่ยมลูกเรือประมงไทยในแต่ละเดือนได้ 3 วัน ได้แก่ วันที่ 5, 17 และ 30 ส่วนจะให้เข้าเยี่ยมได้ 3 วัน หรือเลือกหนึ่งในสาม ทางท่าน ผบ.เรือนจำเกาะสอง จะตรวจสอบยืนยัน อีกครั้งหนึ่ง และเมื่อได้รับการยืนยันแล้ว จะมีการทำหนังสือให้กับทางการไทย ได้รับทราบ
สำหรับการขอเข้าเยี่ยม ทาง ผบ.เรือนจำเกาะสอง ก็พร้อมอำนวยความสะดวกให้ โดยขอให้ประสานแจ้งล่วงหน้าเพียง 1 วัน ก็พร้อมจะอนุญาตให้ สำหรับเรื่องโรคประจำตัวของลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิต ทั้งโรคความดันโลหิตสูง และโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ทาง ผบ.เรือนจำเกาะสอง ได้ยืนยันว่าทางลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน ได้พบแพทย์ และรับประทานยาเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ผมได้ฝากให้ทาง ผบ.เรือนจำเกาะสอง ได้ช่วยดูแลลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิต อย่างใกล้ชิดด้วย เนื่องจากทั้ง 4 คน ล้วนเป็นผู้สูงอายุ ซึ่ง ผบ.เรือนจำเกาะสอง ได้รับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ไม่ต้องเป็นกังวล
หลังจากนั้น กมธ.ทหาร และคณะได้เดินทางกลับมายัง จ.ระนอง ซึ่งผมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกหน่วย ที่ จ.ระนอง ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ และดีที่สุดแล้ว แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นทั้งมวล ล้วนเกิดจากลับการไม่เอาใจใส่ และการขาดความกระตือรือร้นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ควรจะทำให้ดีกว่านี้ได้
ที่ผ่านมา ทางคุณวรรณทกานต์ พรหมนิมิตร ลูกสาวของคุณถาวร พรหมนิมิตร และคุณกมลชนก มงกุฎทอง ลูกสาวของคุณสุนันท์ มงกุฎทอง ต่างให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า ไม่เคยได้รับการประสานใดๆ จากกระทรวงการต่างประเทศเลย ไม่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้ทราบเลยว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่คนใด เป็นช่องทางการติดต่อ ในการแจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้า
เบื้องต้นต้องขอบคุณ น.อ.ชำนาญ นบนอบ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย-เมียนมา (ศปชล.ทม.) ที่ขันอาสารับเป็นผู้ประสาน และเป็นช่องทางในการติดต่อประสานให้ จนกว่ากระทรวงการต่างประเทศจะมอบหมายให้มีผู้ที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
หลังจากนี้ ผมในฐานะประธาน กมธ.ทหาร จะทำหนังสือขอเข้าพบ คุณมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เป็นการเร่งด่วน โดยจะขออนุญาตพาญาติของลูกเรือประมงไทยเข้าพบด้วย เนื่องจากผมได้ไปเยี่ยมลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิตด้วยตนเองแล้ว ในขณะที่คุณมาริษ ยังไม่เคยไปเลย เชื่อว่าข้อเท็จจริงโดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากความไม่เอาใจใส่ของกระทรวงการต่างประเทศ น่าจะเป็นประโยชน์ที่คุณมาริษ จะได้นำไปปรับปรุงการทำงานของทั้งตนเอง และระบบงานของกระทรวงการต่างประเทศได้
และจะขอสอบถามคุณมาริษ ใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ
1. กระทรวงการต่างประเทศ จะมอบหมายให้มีเจ้าหน้าที่ ที่คอยทำหน้าที่ประสานแจ้งความคืบหน้ากับญาติของลูกเรือประมงไทย ได้เมื่อใด เพราะปัจจุบันญาติของลูกเรือประมงไทย อยู่ในสภาวะที่ถูกทอดทิ้ง ขาดการเหลียวแลจากกระทรวงการต่างประเทศ
2. กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำเรื่องขออภัยโทษให้แก่ลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 ชีวิตแล้วหรือยัง และนับจากนี้ ยังต้องมีขั้นตอนใดที่ต้องดำเนินการบ้าง และมีเงื่อนไขใดบ้าง ที่ลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน จะได้รับการปล่อยตัว และมีกำหนดการคร่าวๆ หรือไม่ อย่างไร
หลังจากเดินทางกลับ ผมจะเร่งทำหนังสือถึงคุณมาริษทันที โดยจะทำหนังสือเรียนให้ท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้รับทราบด้วย
https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid026joNGoWPVeqDbYr6zvFBXRHVfgBsu6pePZ1Gr3uwuLLevdmMDHoPrdAP2mtjU7cl
ชำนาญ ชี้จุดเปลี่ยน ทำปชน.พลิกชนะ อบจ.ลำพูน อยู่ที่เหตุการณ์ ไลน์หลุดฝ่ายปกครอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5032638
ชำนาญ ชี้จุดเปลี่ยน ทำปชน.พลิกชนะ อบจ.ลำพูน อยู่ที่เหตุการณ์ ไลน์หลุดฝ่ายปกครอง
จากกรณีที่ พรรคประชาชน นำโดย นายวีระเดช ภู่พิสิฐ สามารถโค่น นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ผู้จากพรรคเพื่อไทย แชมป์เก่า 4 สมัย นายกอบจ.ลำพูน ทำให้ พรรคประชาชน สามารถปักธง ในสนามเลือกตั้งนายกอบจ.ได้สำเร็จ เป็นจังหวัดเดียว และจังหวัดแรกในไทยนั้น
ล่าสุด (3 ก.พ.) นายชํานาญ จันทร์เรือง แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า
“จุดพลิกผันหนึ่งที่ทำให้ผู้สมัคร อบจ.ลำพูนของพรรคประชาชนกลับมาแรงแซงโค้งสุดท้ายก็คือการหลุดของแชทไลน์ที่ฝ่ายปกครองสั่งการให้กำนันผญบ.ติดตามผู้สมัครพรรค ปชน.จนเกิดคำถามว่ามันอะไรกันนักหนา น่ะครับ”
https://www.facebook.com/chamnan.chanruang/posts/pfbid0PsKKyKHyGYHdZGnCrvTM5LusA12hsuhuUGpy1jX68FDwBSTtvA6ZUQb9X8qK8cR5l
กกต.แจงใช้สิทธิเลือกตั้งอบจ. หลุดเป้า 4 จังหวัดเลือกใหม่-5 แห่ง ‘บัตรเขย่ง’
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5032574
กกต.แจงใช้สิทธิเลือกตั้งอบจ. หลุดเป้า 4 จังหวัดเลือกใหม่ – 5 แห่ง ‘บัตรเขย่ง’
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปภาพรวมการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า
ในส่วนของการเลือกตั้งนายก อบจ.มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน มาใช้สิทธิ 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าลดลงจากการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ โดยในจำนวนเป็นบัตรดี 14,272,694 ใบ คิดเป็น 87.23 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบัตรเสีย 931,290 ใบ คิดเป็น 5.69 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเกือบจะเท่ากับปี 2563 ที่มีบัตรเสียอยู่ที่ 5.63 เปอร์เซ็นต์ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08 เปอร์เซ็นต์
ขณะในส่วนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ.มี 47,124,842 คน และมาใช้สิทธิ 26,418,754 คน คิดเป็น 56.06 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นบัตรดี 23,131,324 ใบ คิดเป็น 87.56 เปอร์เซ็นต์ บัตรเสีย 1,488,086 ใบ คิดเป็น 5.63 เปอร์เซ็นต์ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,799,344 ใบ คิดเป็น 6.81 เปอร์เซ็นต์
นายแสวงกล่าวต่อว่า ในขณะที่จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ.และนายก อบจ.47 มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.ลำพูน คิดเป็น 73.43 เปอร์เซ็นต์ 2.นครนายก คิดเป็น 73 เปอร์เซ็นต์ 3.พัทลุง คิดเป็น 72.56 เปอร์เซ็นต์ 4.นราธิวาส คิดเป็น 68.42 เปอร์เซ็นต์
และ 5.มุกดาหาร คิดเป็น 68.03 เปอร์เซ็นต์ แล้วจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแค่สมาชิก อบจ.ใน 29 จังหวัด มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.พะเยา คิดเป็น 61.68 เปอร์เซ็นต์ 2.เลย คิดเป็น 58.04 เปอร์เซ็นต์ 3.เพชรบุรี คิดเป็น 57.44 เปอร์เซ็นต์ 4.ยโสธร คิดเป็น 56.72 เปอร์เซ็นต์ และ 5.ชัยนาท คิดเป็น 56.63 เปอร์เซ็นต์
นายแสวง กล่าวว่า จากข้อมูลที่เห็นว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิน้อย และไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้อาจจะเป็นเพราะจัดการเลือกตั้งวันเสาร์นั้น เรื่องนี้ตนเคยชี้แจงว่ามีข้อจำกัดที่ข้อกฎหมายที่ต้องเลือกภายใน 45 วัน และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพบว่า มี 6 จังหวัดที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ส่งรายงานผลคะแนนและหีบบัตรเกินเวลา 24 นาฬิกาของวันที่ 1 ก.พ.
ดังนั้นแล้วสะท้อนว่าสิ่งที่เราได้ตัดสินใจเลือกตั้งในวันเสาร์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันเราได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ครั้งนี้ก็เกิดเหตุมีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างส่งหีบบัตร ซึ่งตนขอแสดงความเสียใจ กกต.จะดูแลตามสิทธิที่กปน.ควรได้รับ ดังนั้นการกำหนดวันเลือกตั้งจึงต้องตัดสินใจบนพื้นฐานที่ไม่กดดันการทำงานของผู้ปฏิบัติงานด้วย และการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเสาร์ไม่ได้กระทบต่อการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะผู้สมัครทุกคนแข่งขันขันอย่างเท่าเทียม ภายใต้กติกาเดียวกัน อีกทั้งจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าการจัดเลือกตั้งปี 2563 เพียง 4% แต่ถ้าเทียบการจัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์คราวนี้ กับครั้งเลือกตั้งนายก อบจ. 29 จังหวัดไปก่อนหน้านี้ที่จัดวันอาทิตย์ ถือว่าครั้งนี้ดีกว่า
นายแสวงกล่าวว่า จำนวนบัตรเสียยืนยันว่าไม่ต่างจากปี 2563 บัตรเสียจากการเลือกนายก อบจ. ถือว่าเท่ากับปี 2563 ขณะที่บัตรเสียจากการเลือกสมาชิกอบจ.ครั้งนี้น้อยกว่าเมื่อครั้งปี 2563 อยู่ที่ 7.63 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากตัวระบบเอง ทำให้มีเบอร์ของผู้สมัครนายกอบจ.กับสมาชิกอบจ.ส่งในนามพรรค อาจทำให้มีจำนวนผู้สมัครไม่เท่า เพราะบางจังหวัดเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกอบจ. บางจังหวัดเลือกตั้งทั้ง 2 ประเภท ประชาชนอาจสับสน ลงคะแนนในช่องไม่มีผู้สมัคร ไม่ได้เป็นการตั้งใจทำให้บัตรเสีย ขณะเดียวกันมีการแบ่งเขตใหม่ทำให้ประชาชนสับสน ส่วนที่ตั้งใจเป็นบัตรเสียนั้นมีน้อย