ดร.นิเวศน์ ยอมขายหุ้นไทยทิ้ง “เพื่อรักษาความมั่งคั่ง” เปลี่ยนโหมดการลงทุนจากรุกเป็นรับ

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.prachachat.net/finance/news-1746617

ดร.นิเวศน์ กูรูนักลงทุนวีไอ เผยผลตอบแทนหุ้นไทยเดือน ม.ค.68 ติดลบ 6.1% ชี้ความเสี่ยงตลาดหุ้นไทยจะตกลงต่อมากกว่าที่คิดจาก 4 ปัจจัยกดดัน แนะต้องยอมขายหุ้นไทยทิ้ง “เพื่อรักษาความมั่งคั่ง“ เปลี่ยนโหมดการลงทุนจากรุกเป็นรับ ให้ข้อเตือนใจ ”อย่าโลภคิดถึงแต่ความมั่งคั่งที่จะเพิ่มขึ้น แต่จงคิดถึงวิธีที่จะรักษาความมั่งคั่งให้คงอยู่ตลอดไปมากกว่า“

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) เปิดเผยว่า ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ – 6.1% และเป็นการตกลงมาอย่างต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ หุ้นที่ตกลงมานั้นเกิดขึ้นในแทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและแทบทุกกลุ่มหุ้น

เช่น หุ้น “เก็งกำไร” หุ้น “ปั่น” หุ้น “VI” และหุ้น “ปันผล” ไม่ต้องพูดถึงหุ้น “เติบโต” หรือหุ้น “คอร์เนอร์” ที่เคยเป็น “ดารา” ที่มีราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปมากในช่วงก่อน และทำให้ราคาหุ้นแพงมากที่มีค่า PE สูงกว่าปกติมากที่ “คอร์เนอร์แตก” ราคาหุ้นตกลงมามากทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้นกับบริษัท
การตกลงมาของหุ้นรอบนี้ดูเหมือนว่าจะยังไม่จบ บางทีอาจจะเพิ่งเริ่มต้น เพราะเหตุผลที่ทำให้หุ้นตกนั้นยังคงอยู่ “ครบถ้วน” ไม่ว่าจะเป็น 1. การเติบโตของ GDP ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ดีขึ้นในปีนี้ 2. อัตราดอกเบี้ยที่ “คงจะไม่ลด” และก็จะยังรบกวนไม่ให้หุ้นขึ้นไปได้ทั้งในระดับโลกและของไทย 3. กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่น่าจะไม่ดีขึ้น เพราะความต้องการสินค้าในประเทศที่ยังอ่อนแอ อานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดี การใช้จ่ายรายการใหญ่ เช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ยังไม่ฟื้นตัว และ 4. หุ้นโดยรวมมีราคาแพง วัดจากค่า PE ที่สูงถึง 18 เท่า

จะมีที่เป็นบวกหน่อยก็คือ ปัจจัยทาง “เทคนิค” ที่ว่า ดัชนีหุ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา “เลวร้าย” มาก คือปี 2565 บวกแค่ 0.7% ปี 2566 ติดลบ 15.2% และปี 2567 ติดลบ 1.1% ในขณะที่ตลาดหุ้นโลกสดใส ดังนั้น ปี 2568 ดัชนีหุ้นไทยก็ควรจะต้องดี ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เคยเป็นติดต่อกันมากว่า 20 ปี อย่างไรก็ตาม ในฐานะของคนที่เน้นเรื่องของ “พื้นฐาน” เป็นหลัก ผมคิดว่า “รอบนี้” ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และเราก็จะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน

เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ต้องปรับ “โหมด” การลงทุนของเรา จากโหมดของการ “รุก” เป็นโหมด “รับ” เต็มตัว ซึ่งนี่ก็คล้าย ๆ กับเรื่องของการรบในสงครามที่เรารู้ว่าเราสู้ไม่ได้เมื่อมีการรบกันระยะหนึ่งแล้ว การที่จะบุกเข้าไปต่อสู้นั้น โอกาสที่จะแพ้สูง ทางที่ดีกว่าก็คือ การปรับกองทัพตั้งรับข้าศึกซึ่งจะทำให้มีโอกาสรอดมากกว่า... อ่านต่อข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1746617

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่