นักวิเคราะห์ชี้ ! คนอายุ 60 หัดตาสว่างเสียที ลั่น รอใช้ชีวิตอย่างสงบ และจากไปอย่างดีจะดีกว่า !

กระทู้สนทนา

อายุ 60 ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป ไม่ใช่วัยที่ต้องมาทะเลาะกับใคร โวยวายเอาแต่ใจ หรือทำตัวไม่น่ารักใส่ลูกหลาน อีกไม่นานก็ต้องจากโลกนี้ไป อยากให้คนจดจำคุณในแบบไหน? อยากเป็นที่รักหรืออยากให้คนส่ายหน้าเมื่อนึกถึง? นี่คือเวลาที่ควรวางตัวให้สมวัย ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี และจากไปอย่างสงบ


หยุดทำตัวเป็นภาระลูกหลาน

ลูกหลานไม่ใช่พี่เลี้ยง ไม่ใช่ธนาคาร พวกเขามีภาระของตัวเอง อย่าเรียกร้องเกินพอดี อย่าใช้อารมณ์บงการ อย่าบังคับให้พวกเขาทำตามใจตัวเอง บางคนอายุ 60 แล้วยังเอาแต่ใจเหมือนเด็ก แค่นี้ก็น่าเบื่อพอแล้ว อย่าทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตพวกเขาคือการดูแล “เด็กแก่” ที่ไม่มีเหตุผล

หยุดก้าวร้าวกับคนอื่น

บางคนอายุ 60 แล้ว แต่ยังใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นหัวร้อน ด่าไปทั่ว บ่นทุกเรื่อง ชวนทะเลาะกับใครก็ได้ เจอเด็กทำผิดนิดหน่อยก็ด่าหนักเหมือนฆ่าคนมา โวยวายกับพนักงานร้านค้า ทำตัวเป็นราชาในบ้าน บางครั้งคนรอบตัวไม่ได้กลัวคุณหรอก เขาแค่เบื่อเกินกว่าจะตอบโต้ จงเคารพผู้อื่น แล้วคุณจะได้รับความเคารพกลับมา

หยุดทำตัวเป็นนักสอนที่ไม่มีใครอยากฟัง

“สมัยก่อนดีกว่า” “ยุคฉันไม่เป็นแบบนี้” “เด็กสมัยนี้แย่” หยุดพูดแบบนี้เถอะ ไม่มีใครอยากฟัง คนรุ่นใหม่มีทางของเขา คุณมีทางของคุณ แทนที่จะใช้เวลาวิจารณ์ จงเรียนรู้สิ่งใหม่ เปิดใจกับโลกยุคปัจจุบัน แล้วคุณจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ได้น่ากลัว

หยุดคิดว่าตัวเองรู้ดีไปหมด

อายุ 60 ไม่ได้หมายความว่าคุณรู้ทุกเรื่อง บางคนยิ่งแก่ยิ่งหัวแข็ง ไม่ยอมรับฟังอะไรเลย ถ้าเถียงกับเด็กแล้วยังแพ้ ก็ยิ่งหงุดหงิดแล้วด่าว่าเขาไร้มารยาท ความจริงคือ คุณไม่ใช่เจ้าของโลกนี้ โลกมันหมุนไปข้างหน้า อย่าทำตัวเป็นคนแก่ที่อยู่แต่ในอดีต

เลิกโลภ เลิกหลง เลิกงมงาย

มีเงินเก็บเท่าไหร่ก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่าโลภจนไปลงทุนแปลกๆ หลงเชื่อแชร์ลูกโซ่ หรือเชื่อหมอดูที่มาหลอกขายเครื่องราง อย่าหลงไปกับคำหวานของมิจฉาชีพที่บอกว่าจะทำให้คุณรวยขึ้น อายุขนาดนี้แล้ว เงินที่มีต้องใช้ให้คุ้มค่า อย่าให้ใครมาหลอกง่ายๆ

ดูแลคู่ชีวิตให้ดี เพราะสุดท้ายจะเหลือแค่กันและกั

อายุ 60 แล้ว ลูกหลานมีชีวิตของเขา สิ่งเดียวที่เหลือคือคู่ชีวิต อย่าเอาแต่ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ ทะเลาะกันเรื่องไร้สาระ หรือพูดจาร้ายๆ ใส่กัน มีเวลาเหลือแค่ไหน ใช้ให้คุ้มค่า ดูแลกันให้ดี เพราะอีกไม่นาน ก็อาจไม่มีโอกาสพูดคำว่า “ขอโทษ” หรือ “ขอบคุณ” อีกแล้ว

เลิกหลงตัวเอง ว่าตัวเองจะอยู่ไปตลอดกาล

ความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้นคือ “วันสุดท้ายของชีวิต” อย่าคิดว่าตัวเองจะอยู่ไปอีก 30-40 ปี แล้วทำตัวเอาแต่ใจ ถ้าไม่ปรับปรุงตัว ตอนจากไป จะไม่มีใครจดจำคุณในทางที่ดีเลย


คนรอบข้างจะน้อยลงเรื่อยๆ

พ่อแม่ ปู่ย่าตายายจากไป เพื่อนรุ่นเดียวกันต่างวุ่นวายกับชีวิตและสุขภาพของตนเอง ลูกหลานก็มีภาระของพวกเขาเอง หลายคนต้องเผชิญกับความเหงาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งสำคัญคือเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเอง และเห็นคุณค่าในความสงบของชีวิต

สังคมจะสนใจคุณน้อยลง

ไม่ว่าคุณเคยมีตำแหน่งหรือชื่อเสียงมากเพียงใด วันหนึ่งคุณจะกลายเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง แสงสปอตไลท์จะค่อยๆ หรี่ลง และโลกจะหมุนไปโดยไม่มีคุณเป็นศูนย์กลางอีกต่อไป จงเรียนรู้ที่จะยินดีกับความสำเร็จของคนรุ่นใหม่ แทนที่จะอิจฉาหรือโหยหาวันเก่าๆ

โรคภัยจะมาเยือนอย่างเลี่ยงไม่ได้

กระดูกเปราะ หัวใจอ่อนแรง สมองเสื่อม หรือโรคร้ายอื่นๆ จะเข้ามาในชีวิต แม้ไม่ต้องการต้อนรับ จงเตรียมตัวให้พร้อม ดูแลร่างกาย ออกกำลังกาย และรักษาทัศนคติที่ดี เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมีศักดิ์ศรี

สุดท้ายเราจะกลับไปอยู่บนเตียงอีกครั้ง

เราเกิดมาบนเตียงของแม่ และวันสุดท้ายของชีวิตก็อาจจบลงบนเตียงเช่นกัน แต่ครั้งนี้ ผู้ดูแลคุณอาจไม่ใช่แม่ หากแต่เป็นคนแปลกหน้าที่ได้รับค่าจ้างมา คุณอาจต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้น และสิ่งที่ทำได้คืออดทนและขอบคุณพวกเขาให้มากที่สุด

ระวังการถูกหลอกลวง

ผู้สูงวัยมักเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ ทั้งโฆษณาชวนเชื่อ วิธีรวยลัด ผลิตภัณฑ์เพื่ออายุยืน หรือการลงทุนที่ไม่น่าไว้ใจ จงใช้สติ คิดให้รอบคอบก่อนใช้จ่าย เพราะเงินออมของคุณคือหลักประกันสุดท้ายของชีวิต

ดูแลคู่ชีวิตให้ดีที่สุด

เมื่ออายุมากขึ้น คนที่อยู่เคียงข้างคุณไม่ใช่ลูกหลาน แต่คือคู่ชีวิตของคุณเอง จงพูดจาดีต่อกัน ห่วงใยกัน และใช้เวลาที่เหลือให้มีค่าที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีใครสักคนอยู่เคียงข้างจนวันสุดท้าย

ลาภยศคือของสมมติ แต่ความดีคือสิ่งที่แท้จริง

ตำแหน่ง ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินจะหมดความหมายเมื่อชีวิตใกล้ถึงจุดสิ้นสุด สิ่งเดียวที่ผู้คนจะจดจำคือการกระทำของคุณ จงใช้เวลาที่เหลือทำความดีให้กับตัวเองและสังคม เพราะนั่นคือมรดกเดียวที่แท้จริง

[ก่อนฟ้าจะมืดลง]

เมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป โลกจะเปลี่ยนไปจากเดิม ทุกสิ่งที่เคยยึดติดอาจจางหายไป แต่แทนที่จะเศร้าโศกกับความเปลี่ยนแปลง จงใช้ชีวิตที่เหลือให้เต็มที่ สนุกกับปัจจุบัน ปล่อยวางสิ่งที่ไม่จำเป็น และอยู่อย่างมีคุณค่า

จงเคารพตัวเอง และเคารพผู้อื่น ให้ชีวิตบั้นปลายเป็นช่วงเวลาที่สงบสุข และจากไปอย่างไร้ความเสียใจ

[ความมืดมาอย่างช้าๆ]
สุดท้ายแล้ว ทุกคนล้วนต้องเดินสู่ฉากสุดท้ายของชีวิต การเตรียมตัวให้พร้อมและเข้าใจความจริงของชีวิต จะทำให้การเดินทางครั้งนี้สง่างามและมีความหมายมากขึ้น

อายุ 60 ไม่ใช่วัยที่ต้องทำตัวอุบาทว์ แต่เป็นวัยที่ควรใช้ชีวิตให้สง่างาม จากไปอย่างมีศักดิ์ศรี และทิ้งความทรงจำที่ดีไว้ให้คนรุ่นหลัง

เลือกเองได้ ว่าจะเป็นคนแก่ที่น่ารัก หรือคนแก่ที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่