กระทุ้นี้จะพาทุกคนไปชมทริปสั้นๆ ของการไป countdown ข้ามปี ตอนสิ้นเดือนธันวาที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เลือกจากบ้านไปลองข้ามปีที่ต่างประเทศ ซึ่งเราก็ได้ลองไปประเทศญี่ปุ่นมานั่นเอง ซึ่งบอกเลยปีนี้หนาวมากๆ จิงๆ ยิ่งตอนไปหิมะ 0 องศาเลยก้ว่าได้ ทริปนี้เรากับเพื่อนวางแพลนไว้ครึ่งปี เตรียมตัวนานมากๆ โชคดีได้ตั๋วถูกเพราะจองล่วงหน้า ไปกันกับเพื่อนกลุ่มเล็ก4คน ซึ่งทริปนี้มีทั้งโตเกียว โอซาก้า มีทั้งสวนสนุก ฟูจิ หิมะ หลากหลายรสชาตมากๆในทริปเดียว จะสนุกขนาดไหน ไปติดตามกันได้ครับ
ก็ทริปหน้าหนาวญี่ปุ่นนี้เป็นทริปช่วยสิ้นปีครับ10วัน ไปตั้งแต่คืนวันที่ 24 ธันวา ปี 67 - 3 มกรา ปี 68 บินช่วงกลางคืน ไปถึงเช้าที่ญี่ปุ่น โดยบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ-นาริตะ เป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสด้วยคนก็จะเยอะมากๆ กว่าจะออกจากตม.ได้ใช้เวลาหลายชม.อยู่
[DAY1 25DEC] Ikebukuro/the making of harry potter tokyo/harajuku
เริ่มแรกจากสนามบินก้นั่งรถไฟเข้าเมืองไปลงอิเคะและหาข้าวกิน รวมถึง ฝากกระเป๋าที่โรงแรมก่อนเวลาเชคอิน อากาศวันแรกอยู่ที่ประมาณ 8-9 องศา เลขตัวเดียวช่วงบ่ายๆ ถือว่ายังไม่หนาวมากเพราะใส่ฮีทเทคที่เตรียมมา แล้วก้นั่งรถไฟสาย Ikebukuro line สีส้มไปลงสถานี Toshimaen ได้เลยเป็นรถไฟสายที่มีลายแฮรี่ พอตเตอร์แปะอยู่ นั่ง6 ป้ายก้ถึงแล้วเดินจากสถานที่เข้าไปนิดนึง มาที่นี่ต้องซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าก่อน แล้วจะมีเวลาที่ต้องการเข้าให้เลือก แต่สามารถมาเลทได้ เราไปเลทนิดนึงเพราะกว่าจะกินข้าว ฝากเป๋าเสดก้ใช้เวลา มาที่นี่ครั้งแรกเข้าไปรู้สึกว้าวมาก มีช้อปซื้อของที่ใหญ่มากๆ สาวกแฮรี่จะต้องชอบแน่ๆ จากนั้นพอช้อปอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รอเวลาเข้าไปเดินชมงาน ซึ่งเขาแจ้งว่าใช้เวลาอย่างต่ำ 3-4 ชม. ในการเดินชม. ตอนแรกก้คิดในใจอะไรมันจะนานขนาดนั้น เราไม่ได้เปนแฟนตัวยงแฮรี่อะไรขนาดนั้นแต่เพื่อนที่มาด้วยกันเปนกูรูเลยชอบดูมากๆ เป้นสิ่งที่มันอยากมาให้ได้ก้เลยมากัน พอเข้างานคือว้าวมาก ตกแต่งสวยมากๆ มีบางซีนที่จำได้ลางๆตอนดูหนังก้คือถอดมาเป๊ะเลย เดินๆดูถ่ายรูปเพียบ มีกิจกรรมให้เล่นตลอดทางเหมือนหลุดไปในโลกเวทมนตร์เลย สรุปที่บอก3-4 ชม. เรื่องจิงทุกคน ใครจะมาโปรดเตรียมตัวมาให้พร้อมเดินเมื่อยแน่ๆ มีโซนถ่ายรูปเยอะมากๆ 7-8โซนถ้าเราจำไม่ผิด และมีพักให้ไปโรงอาหาร และดื่ม butterbeer ด้วย เราทานแล้วแบบอร่อยมาก หวานๆ ฟองครีมดีมากๆ แต่ทานตอนแบบเริ่มจะค่ำ เปนเอ้าดอ ลมหนาวพัดมา บรึ๋ยยยยยย หนาวสุดใจ หลังจากพักก้เดินต่อไปอีกหลายโซนอยู่ ขาลากกันเลยทีเดียว พอจบจากที่นี่เราก้นั่งรถไฟกลับอิเคะไปเดินดูไฟประดับช่วงคริสต์มาสสวยมาก แต่จำโลเคชั่นเป๊ะๆไม่ได้กับหารูปไม่เจอ จากนั้นก้กินข้าวเย็น มื้อนี้ทานราเม็งเพราะอากาศกำลังหนาวเลย 6 องศาได้ และก้ไปเชคอินที่พัก เพื่อน3คนขอลา ส่วนเราตัดสินใจออกไปช้อปปิ้งนิดหน่อยที่ Harajuku หาซื้อเสื้อหนาวและรองเท้าใส่ และก้กลับที่พัก ก้เปนอันจบวันแรก อากาศตอนดึกๆ ประมาณ 2-3 องศา หนาวมากขอบอก
วันที่2 ก็จะเปนวันชิล(รึป่าว?) เน้นเที่ยวในตัวเมืองซะส่วนใหญ่วันนี้ก็จะใช้บัตร One-day ของรถไฟ metro สามารถซื้อที่ตู้ของ metro ได้เลย จิงๆ klook ก้มีขายนะ ก้จะเริ่มจากไปกินข้าวที่ Akiba ก่อน ซึ่งเป็นร้านข้างแกงกระหรี่ Go Go Curry ใครสายแกงกระหรี่ห้ามพลาดร้านนี้ให้เยอะมากๆ อร่อย ละก้เดินดูของนิดหน่อย ก้ต้องรีบมูฟไป Shibuya เพราะมีจองรอบชมวิวที่ Shibuya sky ไว้ตอนบ่ายโมงตรง ที่นี่เค้าจะให้เราถอดหมวก กระเป๋าใส่ล็อคเกอไว้กันปลิวหล่นปลิวละมั้ง ใครที่แบบอยากเห็นวิวเมืองโตเกียวจากที่สูงๆ ที่นี่ค่อนข้างสวยเลย ช่วงบ่ายๆ ถึงแม้จะมีแดด แต่ลมหนาวพัดมา ฟินๆ ไม่ร้อนเลย เป็นสถานที่ๆ ถ้าไม่เคยมาอยากให้ลองมาสักครั้ง พอเสร็จจากที่นี่แล้วก็เดินเที่ยวช้อปปิ้ง และก้ ไปเที่ยวกันต่อที่ Harajuku วันนี้มาครบ4 คน ก้มาช้อปปิ้งกินเล่น ที่นี่ก้ไม่รู้จะแนะนำอะไร สายแฟชั่น ต้องมา แล้วก็ต่อไป Shinjuku ยามค่ำคืนเพื่อหาของกินและก้เล่นตู้เกม จับตุ๊กตากัน เพราะที่นี่จะค่อนข้างคึกครื้นในช่วงกลางคืน ตั้งแต่ชิบูย่าไปฮาราและไปจบที่ชินจุกุ เรากับเพื่อนเดินยาวๆ ไม่ได้ไกลกันมาก อากาศค่อนข้างดีเลยเดินรับลมชิลๆเลย แต่ถ้าไม่ไหว สามารถนั่ง รถไฟใต้ดินได้เช่นกัน ห่างกันเมืองละ1ป้ายเอง พอสนุกันจนเพลินใกล้รถหมดก็ last train กลับที่พัก เป็นอันจบวันที่2
วันนี้ตื่นกันแต่เช้าเพื่อเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิกัน ซึ่งสถานที่ ที่จะไปก้คือKawaguchiko ที่นี่ก็จะเป็นทะเลสาบที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ เป้นที่ยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาถ่ายรูปที่นี่และดื่มด่ำกับบรรยากาศซึ่งวิธีเดินทางก้มีทั้งรถบัสและรถไฟ ซึ่งทางนี้เลือกเดินทางโดยนั่ง fuji excursion ซึ่งเป็นรถไฟชินคันเซ็นนั่งจากสถานี Shinjuku ไปถึงKawaguchiko เลย ต่อเดียว ราคาประมาณ 900 บาท ใครจะไปด้วยวิธีนี้อาจจะต้องเชครอบนิดนึง รอบค่อนข้างน้อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชม.ได้ พอไปถึง Kawaguchiko ก้จะมีรถบัสให้เราขึ้น สายสีแดงที่จะจอดตามจุดเชคอินต่างๆ 20 ป้าย ใครอยากภูเขาไฟฟูจิมุมไหนก็ลงได้เลย แนะนำให้มี IC การ์ดไว้ แตะตอนขึ้นลง สะดวกดี วันนี้ทั้งวันเราทั้ง 4 คนก็อยู่ถ่ายรูปที่นี่ ลงแทบทุกจุด ดื่มด่ำบรรยากาศบอกเลยว่าดีมากๆ ตามหลังจิงๆ ควรอยู่ที่นี่แบบค้างคืน เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไปและจะได้ตื่นมาชมวิวภูเขาไฟฟูจิใกล้ๆด้วย แต่ทางนี้มีทริปอีกเยอะเลย ต้องไป-กลับวันเดียว กินพลังเอาเรื่องอยู่นะ แถมวันนี้หนาวมากๆด้วย ตอนกลางคืนที่ฟูจิระหว่างกลับนี่ประมาณ 1-3 องศาได้
[DAY4 28DEC] Yokohama/Kamakura
วันนี้ก็ไปต่อกันเลยที่นอกเมืองโดยจะมาเมืองคามาคุระที่เป็นจุดยอดฮิตจากการ์ตูนเรื่อง Slam dunk แต่! วันนี้สมาชิกคนนึงของเราป่วยไข้ขึ้น จึงขอลีฟกรุ๊ปและนอนพักผ่อน1 วันเพราะพรุ่งนี้ศึกหนัก! เราเลยไปหาซื้ออาหารมาเตรียมให้ เลยกว่าจะได้ไปเที่ยวก้สายแล้ว จากที่พักนั่งสาย JR ได้หลายสายเลย เรานั่ง Yokosuka line หรือ JO ไปลงสถานี kamakura ได้เลยเวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.กว่าๆ พอมาถึง kamakura จำเป็นต้องซื้อบัตร one day ของ Enoden line จะคุ้มเพราะเราแวะจุดเช็คอีกหลายจุดเลย เริ่มจากที่แรกเราจะไปกันที่วัดโคโตกูอิง โดยนั่ง Enoden line ลงสถานี Hase ก่อนเลยวัดพระใหญ่ที่จะมีพระองค์ใหญ่ตั้งอยู่ในวัดจะเสียค่าเข้านิดหน่อยไม่กี่เยน สวยดีแต่คนมาเยอะมากๆ จากนั้นไปต่อกันทีสถานี Kamakura-Kokomae ที่เป็นจุดทางรถไฟติดทะเลที่เป้นจุดยอดฮิตของมังงะเรื่อง slam dunk คนเยอะมากๆ ไม่มีจุดว่างให้ถ่ายรูปไม่ติดคนเลย แต่ที่นี่ชายหาด บรรยากาศดีมากๆ เลย ลมทะเล เป็นการมาทะเลครั้งแรกที่ญี่ปุ่นของเราเลย พอมืดแล้วก็ไปต่อกันที่เกาะ Enoshima ซึ่งเรียกว่าเกาะแมว (แต่ไม่เจอแมวสักตัว 555) เดินจากสถานีไปเกาะค่อนข้างไกลอยู่แต่เดินชิลๆ + สู้กับอากาศหนาวเหน็บตอนกลางคืนเพื่อมาวัดที่นี่และงานประดับไฟ Enoshima สวยมากๆ แต่เดินเมื่อยเช่นกัน ต้องขึ้นบันไดวัดบนเขาหลายชั้นเลย แต่ใครขี้เกียจเดินสามารถต่อแถวซื้อทางขึ้นแบบ express ได้นะก้ขึ้นบันไดเลื่อนเกร๋ๆเลย เพื่อนเราทำคนนึงเพราะขี้เกียจเดิน แต่เราสู้ 555 บอกเลยว่าสวยมาก ไฟสวย บรรยากาศดีเหมาะกับการเที่ยว one day trip จิงๆ คุ้มละที่มาที่นี่ ทริปวันนี้จบแค่นี้
วันนี้เราทั้ง4 ตื่นเช้าถึงตี4 เพื่อไปต่อแถวเข้าดิสนี่ย์ซีกัน เพราะว่าจะเข้าโซน Fantasy Springs ที่ต้องแย่งกันกดเพื่อเข้า (แม้ว่าปัจจุบันจะเปิดให้เข้าโซนนี้ได้ฟรีๆแล้วก้ตาม แต่เครื่องเล่นยังต้องกดแย่งกันอยู่) ไปถึงสวนสนุกแบบเช้ามืด รถไฟเที่ยวแรกจากที่พักเลย เรานั่ง JR สาย Keiyo line ไปลงสถานี Maihama ละนั่งรถบัสไปลงหน้าดิสนี่ย์ซีเลยซึ่งเราถึงประมาณเกือบๆ 6 โมงยังมีคนมาต่อแถวเข้าแบบเยอะมากๆ ยอมใจคนญี่ปุ่นเข้าเลย ใครจะมาที่นี่เตรียมฟิตร่างกายให้พร้อม วันนี้เพื่อนเราเริ่มมีอาการป่วยกันเลย ส่วนคนแรกก้อาการดีขึ้น แต่ในเมื่อซื้อบัตรมาแล้วก้ต้องลุย
เราก้นั่งรถยาวๆจนสวนสนุกเปิดประมาณ 8-9โมง ท่ามกลางอากาศหนาว 5-6 องศา ก้ได้เข้าไปข้างในพอเข้าปุ๊ปกดจองเวลาเครื่องเล่นโซนใหม่ทันที ขอรีวิวคร่าวๆ สำหรับเครื่องเล่นโซน Fantasy springs ก้จะมี 4 เครื่องเล่น ได้แก่
1. Frozen อันนี้ใครชอบฟังเพลง ก้จะอินมาก มีเปียกนิดหน่อย แต่สวนมากๆ
2. Rapunzel นั่งเรือสบายๆ ชมเทศกาลโคม แบบในการ์ตูน เพลงเพราะมากๆ
3. Peterpan นั่งเรือใส่แว่น 4 มิติ มึนๆหัว แต่ดีมาก เหมือนเราได้บินอยู่ใน Neverland เลย
4. Tinkerbell เป็นเครื่องเล่นชิลๆ เด็กน้อยมาก (กดยากมาก มีแค่ใน Stand-by pass)
สำหรับใครไม่เคยไปคือเราสามารถจองเวลาได้2แบบคือ Express pass แบบจ่ายตัง จะได้คิวไวไม่ต้องต่อแถวนาน กับ Stand by pass คือไม่เสียตังแต่จะได้แถวสั้นกว่าแถวปกติ ซึ่งเครื่องเล่นแต่ละเครื่องก้จะกระจายในแต่ละหมวด มาเก็บโซนใหม่ครบแล้วคือสวยมากๆ ถ่ายรูปสวย แต่คนเยอะสุดๆ 555 พอจนโซนนี้ก้เล่นเครื่องเล่นอื่นๆ อีกหลายเครื่อง เช่น พรมวิเศษจัสมิน อินเดียน่าโจนส์ Tower of terror(อันนี้ยกให้เลยน่ากลัวมาก เสียววาป) journey to the center of the earth รถไฟเหาะที่วิวสวยมากถ้าคุณมองทัน 555 มีรถรางอันนีงจำชื่อไม่ได้เปนตีลังกา 360 องศา เพื่อนของบายกันหมดเลยต่อเล่นเปน single line จากต้องต่อ2ชม. ได้ต่อแปปเดียว และก้ที่ชอบเลยคือ Toy story ได้ยิงปืนเก็บแต้มมันส์มากขอบอก
เห็นรายชื่อเครื่องเล่นแล้วอาจจะเห้นว่าทำไมเล่นน้อย แต่อยากบอกว่าแต่ละเครื่องต่อแถวนานมากๆ แบบ1-2 ชม. ++ เลย แถมต้องทนยืนหนาวต่อแถวเครื่องเล่นอีก ทรมานเอามากๆ ถ้าอยากเล่นเยอะๆก้ต้องยอมจ่ายเงินเพื่อประหยัดเวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องแย่งกับคนทั้งสวนสนุกอีกต้องคอยเชคในแอพตลอดว่าจะมีอะไรหลุดให้จองบ้าง เรียกว่ามีเงินอย่างเดียวไม่ได้ต้องพึ่งดวงด้วย พอเล่นจบก่อนกลับก้ดูพลุสักหน่อย ขากลับจากดิสนี่ย์มีรถบัสหลายสายเลยอันนี้เชคแอพได้เลยไม่ยาก
-เดี๋ยวมาต่อ-
ประสบการณ์ท้าลมหนาวทริปญี่ปุ่นสิ้นปี“หนาวมาก!”ทำไงให้ไปเที่ยวแบบสนุกและไม่ป่วย
ก็ทริปหน้าหนาวญี่ปุ่นนี้เป็นทริปช่วยสิ้นปีครับ10วัน ไปตั้งแต่คืนวันที่ 24 ธันวา ปี 67 - 3 มกรา ปี 68 บินช่วงกลางคืน ไปถึงเช้าที่ญี่ปุ่น โดยบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ-นาริตะ เป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสด้วยคนก็จะเยอะมากๆ กว่าจะออกจากตม.ได้ใช้เวลาหลายชม.อยู่
[DAY1 25DEC] Ikebukuro/the making of harry potter tokyo/harajuku
เริ่มแรกจากสนามบินก้นั่งรถไฟเข้าเมืองไปลงอิเคะและหาข้าวกิน รวมถึง ฝากกระเป๋าที่โรงแรมก่อนเวลาเชคอิน อากาศวันแรกอยู่ที่ประมาณ 8-9 องศา เลขตัวเดียวช่วงบ่ายๆ ถือว่ายังไม่หนาวมากเพราะใส่ฮีทเทคที่เตรียมมา แล้วก้นั่งรถไฟสาย Ikebukuro line สีส้มไปลงสถานี Toshimaen ได้เลยเป็นรถไฟสายที่มีลายแฮรี่ พอตเตอร์แปะอยู่ นั่ง6 ป้ายก้ถึงแล้วเดินจากสถานที่เข้าไปนิดนึง มาที่นี่ต้องซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าก่อน แล้วจะมีเวลาที่ต้องการเข้าให้เลือก แต่สามารถมาเลทได้ เราไปเลทนิดนึงเพราะกว่าจะกินข้าว ฝากเป๋าเสดก้ใช้เวลา มาที่นี่ครั้งแรกเข้าไปรู้สึกว้าวมาก มีช้อปซื้อของที่ใหญ่มากๆ สาวกแฮรี่จะต้องชอบแน่ๆ จากนั้นพอช้อปอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รอเวลาเข้าไปเดินชมงาน ซึ่งเขาแจ้งว่าใช้เวลาอย่างต่ำ 3-4 ชม. ในการเดินชม. ตอนแรกก้คิดในใจอะไรมันจะนานขนาดนั้น เราไม่ได้เปนแฟนตัวยงแฮรี่อะไรขนาดนั้นแต่เพื่อนที่มาด้วยกันเปนกูรูเลยชอบดูมากๆ เป้นสิ่งที่มันอยากมาให้ได้ก้เลยมากัน พอเข้างานคือว้าวมาก ตกแต่งสวยมากๆ มีบางซีนที่จำได้ลางๆตอนดูหนังก้คือถอดมาเป๊ะเลย เดินๆดูถ่ายรูปเพียบ มีกิจกรรมให้เล่นตลอดทางเหมือนหลุดไปในโลกเวทมนตร์เลย สรุปที่บอก3-4 ชม. เรื่องจิงทุกคน ใครจะมาโปรดเตรียมตัวมาให้พร้อมเดินเมื่อยแน่ๆ มีโซนถ่ายรูปเยอะมากๆ 7-8โซนถ้าเราจำไม่ผิด และมีพักให้ไปโรงอาหาร และดื่ม butterbeer ด้วย เราทานแล้วแบบอร่อยมาก หวานๆ ฟองครีมดีมากๆ แต่ทานตอนแบบเริ่มจะค่ำ เปนเอ้าดอ ลมหนาวพัดมา บรึ๋ยยยยยย หนาวสุดใจ หลังจากพักก้เดินต่อไปอีกหลายโซนอยู่ ขาลากกันเลยทีเดียว พอจบจากที่นี่เราก้นั่งรถไฟกลับอิเคะไปเดินดูไฟประดับช่วงคริสต์มาสสวยมาก แต่จำโลเคชั่นเป๊ะๆไม่ได้กับหารูปไม่เจอ จากนั้นก้กินข้าวเย็น มื้อนี้ทานราเม็งเพราะอากาศกำลังหนาวเลย 6 องศาได้ และก้ไปเชคอินที่พัก เพื่อน3คนขอลา ส่วนเราตัดสินใจออกไปช้อปปิ้งนิดหน่อยที่ Harajuku หาซื้อเสื้อหนาวและรองเท้าใส่ และก้กลับที่พัก ก้เปนอันจบวันแรก อากาศตอนดึกๆ ประมาณ 2-3 องศา หนาวมากขอบอก
วันที่2 ก็จะเปนวันชิล(รึป่าว?) เน้นเที่ยวในตัวเมืองซะส่วนใหญ่วันนี้ก็จะใช้บัตร One-day ของรถไฟ metro สามารถซื้อที่ตู้ของ metro ได้เลย จิงๆ klook ก้มีขายนะ ก้จะเริ่มจากไปกินข้าวที่ Akiba ก่อน ซึ่งเป็นร้านข้างแกงกระหรี่ Go Go Curry ใครสายแกงกระหรี่ห้ามพลาดร้านนี้ให้เยอะมากๆ อร่อย ละก้เดินดูของนิดหน่อย ก้ต้องรีบมูฟไป Shibuya เพราะมีจองรอบชมวิวที่ Shibuya sky ไว้ตอนบ่ายโมงตรง ที่นี่เค้าจะให้เราถอดหมวก กระเป๋าใส่ล็อคเกอไว้กันปลิวหล่นปลิวละมั้ง ใครที่แบบอยากเห็นวิวเมืองโตเกียวจากที่สูงๆ ที่นี่ค่อนข้างสวยเลย ช่วงบ่ายๆ ถึงแม้จะมีแดด แต่ลมหนาวพัดมา ฟินๆ ไม่ร้อนเลย เป็นสถานที่ๆ ถ้าไม่เคยมาอยากให้ลองมาสักครั้ง พอเสร็จจากที่นี่แล้วก็เดินเที่ยวช้อปปิ้ง และก้ ไปเที่ยวกันต่อที่ Harajuku วันนี้มาครบ4 คน ก้มาช้อปปิ้งกินเล่น ที่นี่ก้ไม่รู้จะแนะนำอะไร สายแฟชั่น ต้องมา แล้วก็ต่อไป Shinjuku ยามค่ำคืนเพื่อหาของกินและก้เล่นตู้เกม จับตุ๊กตากัน เพราะที่นี่จะค่อนข้างคึกครื้นในช่วงกลางคืน ตั้งแต่ชิบูย่าไปฮาราและไปจบที่ชินจุกุ เรากับเพื่อนเดินยาวๆ ไม่ได้ไกลกันมาก อากาศค่อนข้างดีเลยเดินรับลมชิลๆเลย แต่ถ้าไม่ไหว สามารถนั่ง รถไฟใต้ดินได้เช่นกัน ห่างกันเมืองละ1ป้ายเอง พอสนุกันจนเพลินใกล้รถหมดก็ last train กลับที่พัก เป็นอันจบวันที่2
วันนี้ตื่นกันแต่เช้าเพื่อเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิกัน ซึ่งสถานที่ ที่จะไปก้คือKawaguchiko ที่นี่ก็จะเป็นทะเลสาบที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ เป้นที่ยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาถ่ายรูปที่นี่และดื่มด่ำกับบรรยากาศซึ่งวิธีเดินทางก้มีทั้งรถบัสและรถไฟ ซึ่งทางนี้เลือกเดินทางโดยนั่ง fuji excursion ซึ่งเป็นรถไฟชินคันเซ็นนั่งจากสถานี Shinjuku ไปถึงKawaguchiko เลย ต่อเดียว ราคาประมาณ 900 บาท ใครจะไปด้วยวิธีนี้อาจจะต้องเชครอบนิดนึง รอบค่อนข้างน้อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชม.ได้ พอไปถึง Kawaguchiko ก้จะมีรถบัสให้เราขึ้น สายสีแดงที่จะจอดตามจุดเชคอินต่างๆ 20 ป้าย ใครอยากภูเขาไฟฟูจิมุมไหนก็ลงได้เลย แนะนำให้มี IC การ์ดไว้ แตะตอนขึ้นลง สะดวกดี วันนี้ทั้งวันเราทั้ง 4 คนก็อยู่ถ่ายรูปที่นี่ ลงแทบทุกจุด ดื่มด่ำบรรยากาศบอกเลยว่าดีมากๆ ตามหลังจิงๆ ควรอยู่ที่นี่แบบค้างคืน เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไปและจะได้ตื่นมาชมวิวภูเขาไฟฟูจิใกล้ๆด้วย แต่ทางนี้มีทริปอีกเยอะเลย ต้องไป-กลับวันเดียว กินพลังเอาเรื่องอยู่นะ แถมวันนี้หนาวมากๆด้วย ตอนกลางคืนที่ฟูจิระหว่างกลับนี่ประมาณ 1-3 องศาได้
วันนี้ก็ไปต่อกันเลยที่นอกเมืองโดยจะมาเมืองคามาคุระที่เป็นจุดยอดฮิตจากการ์ตูนเรื่อง Slam dunk แต่! วันนี้สมาชิกคนนึงของเราป่วยไข้ขึ้น จึงขอลีฟกรุ๊ปและนอนพักผ่อน1 วันเพราะพรุ่งนี้ศึกหนัก! เราเลยไปหาซื้ออาหารมาเตรียมให้ เลยกว่าจะได้ไปเที่ยวก้สายแล้ว จากที่พักนั่งสาย JR ได้หลายสายเลย เรานั่ง Yokosuka line หรือ JO ไปลงสถานี kamakura ได้เลยเวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.กว่าๆ พอมาถึง kamakura จำเป็นต้องซื้อบัตร one day ของ Enoden line จะคุ้มเพราะเราแวะจุดเช็คอีกหลายจุดเลย เริ่มจากที่แรกเราจะไปกันที่วัดโคโตกูอิง โดยนั่ง Enoden line ลงสถานี Hase ก่อนเลยวัดพระใหญ่ที่จะมีพระองค์ใหญ่ตั้งอยู่ในวัดจะเสียค่าเข้านิดหน่อยไม่กี่เยน สวยดีแต่คนมาเยอะมากๆ จากนั้นไปต่อกันทีสถานี Kamakura-Kokomae ที่เป็นจุดทางรถไฟติดทะเลที่เป้นจุดยอดฮิตของมังงะเรื่อง slam dunk คนเยอะมากๆ ไม่มีจุดว่างให้ถ่ายรูปไม่ติดคนเลย แต่ที่นี่ชายหาด บรรยากาศดีมากๆ เลย ลมทะเล เป็นการมาทะเลครั้งแรกที่ญี่ปุ่นของเราเลย พอมืดแล้วก็ไปต่อกันที่เกาะ Enoshima ซึ่งเรียกว่าเกาะแมว (แต่ไม่เจอแมวสักตัว 555) เดินจากสถานีไปเกาะค่อนข้างไกลอยู่แต่เดินชิลๆ + สู้กับอากาศหนาวเหน็บตอนกลางคืนเพื่อมาวัดที่นี่และงานประดับไฟ Enoshima สวยมากๆ แต่เดินเมื่อยเช่นกัน ต้องขึ้นบันไดวัดบนเขาหลายชั้นเลย แต่ใครขี้เกียจเดินสามารถต่อแถวซื้อทางขึ้นแบบ express ได้นะก้ขึ้นบันไดเลื่อนเกร๋ๆเลย เพื่อนเราทำคนนึงเพราะขี้เกียจเดิน แต่เราสู้ 555 บอกเลยว่าสวยมาก ไฟสวย บรรยากาศดีเหมาะกับการเที่ยว one day trip จิงๆ คุ้มละที่มาที่นี่ ทริปวันนี้จบแค่นี้
วันนี้เราทั้ง4 ตื่นเช้าถึงตี4 เพื่อไปต่อแถวเข้าดิสนี่ย์ซีกัน เพราะว่าจะเข้าโซน Fantasy Springs ที่ต้องแย่งกันกดเพื่อเข้า (แม้ว่าปัจจุบันจะเปิดให้เข้าโซนนี้ได้ฟรีๆแล้วก้ตาม แต่เครื่องเล่นยังต้องกดแย่งกันอยู่) ไปถึงสวนสนุกแบบเช้ามืด รถไฟเที่ยวแรกจากที่พักเลย เรานั่ง JR สาย Keiyo line ไปลงสถานี Maihama ละนั่งรถบัสไปลงหน้าดิสนี่ย์ซีเลยซึ่งเราถึงประมาณเกือบๆ 6 โมงยังมีคนมาต่อแถวเข้าแบบเยอะมากๆ ยอมใจคนญี่ปุ่นเข้าเลย ใครจะมาที่นี่เตรียมฟิตร่างกายให้พร้อม วันนี้เพื่อนเราเริ่มมีอาการป่วยกันเลย ส่วนคนแรกก้อาการดีขึ้น แต่ในเมื่อซื้อบัตรมาแล้วก้ต้องลุย
1. Frozen อันนี้ใครชอบฟังเพลง ก้จะอินมาก มีเปียกนิดหน่อย แต่สวนมากๆ
2. Rapunzel นั่งเรือสบายๆ ชมเทศกาลโคม แบบในการ์ตูน เพลงเพราะมากๆ
3. Peterpan นั่งเรือใส่แว่น 4 มิติ มึนๆหัว แต่ดีมาก เหมือนเราได้บินอยู่ใน Neverland เลย
4. Tinkerbell เป็นเครื่องเล่นชิลๆ เด็กน้อยมาก (กดยากมาก มีแค่ใน Stand-by pass)
-เดี๋ยวมาต่อ-