🤍🌷สวัสดีครับ เราตั้งใจว่าถ้าสอบ N3 แล้วได้คะแนน 140+ จะมารีวิววิธีการเตรียมตัว เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเตรียมสอบ N3 ครับ บอกก่อนว่าเราเป็นเด็กเอกอิ้งที่เรียนญี่ปุ่นเอง 100% แบบไม่มีใครสอน ไปดูหนังสือที่เราใช้+แอป+ช่องยูทูปที่เราใช้เรียน รวมถึงทริกที่เราใช้ในการเตรียมตัวสอบกันครับ✨
ก่อนอื่นเราดูเลยว่าตัวเองมีเวลาอ่านเท่าไร ซึ่งเวลาที่เราใช้เตรียมตัวคือ 6 เดือนด้วยกัน เราก็วางแผนเลยว่าเดือนนี้จะอ่านเล่มไหนบ้าง ซึ่งเราก็นั่งลิสต์ดูว่าเล่มไหนดี ดูรีวิวจากคนที่เค้าสอบผ่าน ซึ่งหนังสือที่เราใช้ มีตามนี้เลยจ้า💡
-พาร์ตคำศัพท์📍(語彙)
เราใช้อยู่ 2 เล่มด้วยกัน คือ 2000 คำศัพท์ JLPT N3 กับ Go JLPT N3
เล่ม 2000 ศัพท์เป็นเล่มที่ดีมากกก เราว่ามีเล่มนี้เล่มเดียวก็ครอบคลุมแล้ว เค้ามีไฟล์เสียงให้ฟังด้วยนะดีมาก ๆ เราเริ่มอ่านตอนมิถุนา 68 อ่านวันละ 1-2 หมวด ใช้เวลาอยู่ 2 เดือน นานมากกก อ่านเล่มนี้จบได้ทั้งศัพท์ คันจิ แถมช่วยพาร์ตอ่านกับฟังด้วย เพราะการอ่านมันเปลี่ยนคำไปเรื่อย ถ้าเรารู้เยอะก็จะเข้าใจได้มากขึ้น พอเราอ่านเล่มนี้เสร็จ เราก็ไปต่อที่ Go JLPT เลยครับ อ่านอยู่เดือนนึง เล่มนี้จริง ๆ ศัพท์มีประโยชน์มากนะ แต่ให้ศัพท์น้อยมาหน่อย ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ครอบคลุม ควรอ่านเป็นเล่มเสริมคู่กับเล่ม 2000 ดีกว่า แต่เล่มนี้ชอบหลัง ๆ มาก แยกให้ด้วยเช่น คำเลียนเสียง คำจีน คำญี่ปุ่น จะจัดไว้ในหน้าเดียวกันเลยทำให้โฟกัสได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญจำไปให้หมดจ้าคำเลียนเสียง ออกทุกปี (ถึงจะแค่ข้อสองข้อก็เหอะ)
-พาร์ตคันจิ📍(漢字)
ตอนแรกเราอ่านเล่ม Soumatome แต่อ่านได้ครึ่งเล่มรู้สึกว่ามันไม่ได้ดีเท่าไร (คหสต.) เลยรีบหาหนังสือมาแทน คือ Go JLPT N3 Kanji เล่มนี้ต้นเล่มเป็นแบบฝึกล้วน ๆ ทำฟินมากกก ส่วนท้ายเล่มจะเป็นแบบสอนว่าคันจิมีตัวไหนบ้างพร้อมคำศัพท์ ส่วนตัวเจอในข้อสอบจากเล่มนี้เยอะนะ เล่มนี้อ่านไปพร้อมกับพาร์ตคำศัพท์เลย ใช้เวลาเดือนครึ่ง
-พาร์ตไวยากรณ์📍(文法) เราอ่านอยู่เดือนครึ่ง (สิงหาถึงกลางกันยา)ใช้อยู่ 3 เล่มเลยคือ
1. Go JLPT เล่มนี้เดอะเบสแล้ว เนื้อหาค่อนข้างยาก มีแบบฝึกให้ทำตลอด ที่ชอบมาก ๆ คือ เรียงไวยากรณ์ที่คล้ายกันไว้ด้วยกัน ทำให้เราแยกความต่างได้ดี แต่เล่มนี้อ่านอยู่ 2 รอบกว่าจะเข้าใจ😅มีพวกคำสุภาพ คำถ่อมตนให้เรียนด้วย ท้ายเล่มมีพวกคำเชื่อมให้ได้จำอีก
2. Try JLPT N3 เล่มนี้ช่วยชีวิตอิชั้นมาก ๆ งงจาก Go JLPT มาเล่มนี้คือเข้าใจอะ555 แบบฝึกตอนจบหัวข้อไวยากรณ์มันง่ายไปหน่อย แต่แบบฝึกท้ายบทคือดี มีให้ทำไวยากรณ์กับการฟัง ก่อนสอบสัก 2 วีกแนะนำมาทวนเล่มนี้ก็ดี เราอาศัยทวนจากบทอ่านก่อนเริ่มบท จะได้เช็กว่าเราเข้าใจไวยากรณ์นั้นจริงมั้ย
3. Nihongo Pawaa Doriru เรารู้สึกไม่ค่อยแม่นไวยากรณ์ เลยไปซื้อแบบฝึกมาทำเพิ่ม เค้าแบ่งให้ทำวันละ 2 หน้า มี 30 บทด้วยกัน ทำวันละ 1 ไปเลย มันยากคล้ายข้อสอบจริง แต่แอบมีไวยากรณ์ N2 ปนมาเยอะหน่อยนึง ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้
-พาร์ตการอ่าน📍(読解) เราอ่านช่วง 20 กันยากว่า ๆ ถึงสิ้นเดือนตุลา เราอ่านอยู่ 2 เล่มด้วยกัน
1. Soumatome เล่มนี้ใครอ่อนการอ่านแนะนำปูพื้นจากเล่มนี้ได้นะถือว่าโอเคเลย มีพวกจดหมาย ไดอารี อีเมลมาให้ดูด้วยว่าจะเจอในข้อสอบประมาณนี้ ๆ นะ ถ้าจะอ่านเป็นเล่มเดียวแล้วได้คะแนนดี ส่วนตัวคิดว่ายาก
2. 新完全マスター読解 N3 เล่มนี้ highly recommend มาก ๆ สอนตั้งแต่ไม่มีพื้นยันพาตะลุยโจทย์ เค้าจะพาทำความรู้จักแพทเทิร์นข้อสอบก่อนว่ามีอะไรบ้าง ไปจนถึงข้อสอบการอ่านมีรูปแบบไหนบ้าง เป็นเมล เมโม จดหมาย บันทึกนู่นนั่นนี่สอนดีมากกก พอรู้จักก็จะให้ทำโจทย์ดู มีแบบฝึกตลอดเลย พอเราเริ่มพื้นแน่นแล้ว เค้าก็จะเอาแพทเทิร์นข้อสอบจริงมาให้ทำ รู้สึกว่าแอบง่ายกว่าข้อสอบจริง แต่โดยรวมคือดี ต้องซื้อ!!!
-การการฟัง📍(聴解) กลัวการฟังมากกกตอนแรก ได้คำแนะนำมาว่าซื้อหนังสือการฟังเล่มเดียวพอ เราเลยซื้อของ Soumatome เล่มนี้แปลมาจากเซ็ตชินกันเซ็นนะ ใครจะซื้อเวอร์ชันญี่ปุ่นดูดี ๆ เล่มนี้สอนตั้งแต่การแยกเสียง โครงสร้างข้อสอบการฟัง ชอบตรงเค้ามีคีย์เวิร์ดมาให้ว่าถ้าได้ยินคำนี้ให้ฟังดี ๆ นะ หลังจากคำนี้นั่นแหละคือคำตอบไรงี้ รวมถึงสถานการณ์ที่เราต้องเจอ มีสำนวนต่าง ๆ มาให้ท่อง พร้อมข้อควรระวังในการฟังด้วย พวกคำยกย่อง คำสุภาพก็มีให้ได้ท่อง แค่เล่มเดียวก็เอาอยู่ เป็นพาร์ตที่เรากลัวสุดแต่กลับได้คะแนนเยอะสุดเลย (ส่วนตัวรู้สึกว่าถ้าฟังทันจะเป็นพาร์ตที่ง่ายสุดเลย)
แอปที่ใช้เรียน📱
-Shirabe Jisho น่าจะมีแค่ใน iOs นะ เราเอาไว้ไล่ดูคันจิของ N3 ดีมาก ๆ มีแฟลชการ์ดด้วย
-Todaii Japanese แอปนี้มีข่าวให้ได้อ่านด้วยทำให้เราได้ฝึกการอ่าน แถมมีข้อสอบให้ได้ลองทำดูพร้อมคำนวณคะแนนให้ด้วย ทำได้ประมาณไหน สอบจริงน่าจะประมาณนั้น เราสอบแอปนี้ได้ 148 พอสอบจริงได้ 143
-Quizlet เราสิงในแอปนี้ตลอด เวลาอ่านศัพท์กับคันจิเสร็จเราก็จะมาทำแฟลชการ์ดไว้ทวน เวลาขึ้นบีทีเอสหรือว่าง ๆ ก็จะเปิดทวน ทำให้ศัพท์เราค่อนข้างดี
ช่องแนะนำให้ไปเรียน🖥️
-日本語の森 เราเรียนไวยากรณ์ไป 1 เพลลิสสอนดีมากกก ได้ฝึกฟังด้วย
-เคสุเกะเซ็นเซ เวลาเรางงไวยากรณ์ เราก็จะมาดูคลิปเซ็นเซเค้าสอน ทำให้เก็ตเนื้อหามาก ๆ ความที่เป็นคนญี่ปุ่นพูดไทยได้ ทำให้เข้าใจง่ายไปอีก
-ญี่ปุ่นย่อยง่าย เราเอาไว้เรียนตะลุยโจทย์ พี่กระต่ายสอนดีมาก เข้าใจง่าย แถมทำให้เรามองข้อสอบออกด้วยว่าโครงสร้างมันเป็นอย่างงี้ ๆ นะ
ทริกที่ใช้ใน
การเตรียมตัวสอบ💡
🌷การอ่าน: เราจะตั้งค่ามือถือให้เป็นภาษาญี่ปุ่นให้ได้เห็นทุกวัน ทำให้เราได้ฝึกอ่านญี่ปุ่นไปในตัว เหมือนบังคับว่าต้องพยามแปลให้
ออกให้ได้ถึงจะใช้มือถือได้ง่าย ส่วนการทำข้อสอบพาร์ตนี้เรามาแปลก555(มั้ยนะ) หลังทำพาร์ตไวยากรณ์เสร็จแล้วมาทำการอ่านเราจะไม่ทำเรียงตามเลขข้อ แต่เราจะข้ามไปทำพาร์ตสุดท้ายที่ให้หาข้อมูลสำคัญ 2 ข้อ เพราะข้อพวกนี้โอกาสผิดน้อย จากนั้นเราจะไปทำบทอ่านความยาวกลาง (ที่มี 3 คำถาม 2 บทอ่าน) เพราะตัวนี้คะแนนเยอะสุดในการอ่าน ถ้าทำถูกหมดก็เก็บไป 24 คะแนนเลยนะ พอเสร็จเราก็ไปต่อด้วยบทอ่านแบบยาว 4 ข้อ (เราว่าตัวนี้ง่าย) ปิดท้ายด้วยทำบทความสั้น เราว่าตัวนี้กินเวลาต่อข้อเยอะสุดอะ เราไม่ถนัดด้วย อ่านตั้งยาว ถามข้อเดียว เลยเก็บไว้ทำสุดท้าย
🌷การฟังค่อนข้างฝึกเยอะตั้งแต่ฟังเพลง podcast ดูหนัง ไปจนถึงไถแอปดำก็ฝึกภาษาญี่ปุ่นได้ อย่างเราชอบอาหารก็จะดูคอนเทนต์สอนทำอาหารที่พูดเป็นญี่ปุ่น ชอบวอลเลย์บอลก็ไปดูรายการที่นักวอลเลย์ญี่ปุ่นไปร่วม ฟังเค้าพูด มันฝึกการฟังได้หมดเลย เอาจากสิ่งที่เราชอบละจะทำให้เราอยากฝึก (เราไม่ชอบฟังข่าว เราก็เลยไม่ฟัง555) วันสอบจริงสติสำคัญมาก เราหลุดไป 2-3 ข้อ ไม่งั้นคงเกือบเต็ม ถ้ากรรมการทดสอบว่าได้ยินเสียงมั้ย ละเราไม่ค่อยได้ยินให้บอกไปเลยไม่ต้องอาย รักษาสิทธิเราไว้
การเตรียมตัวไปสอบ🚝
ก่อนสอบ 1 วันเราจะไม่อ่านอะไรเลย ให้เราได้พักเต็มที่ แถมต้องเช็กลิสต์ให้เอาของไปให้ครบ ดินสอ ยางลบ กบเหลา บัตรประชาชน บัตรเข้าห้องสอบ นาฬิกาข้อมือ(จริง ๆ ห้องสอบมีให้นะแขวนหน้าห้องเลย แต่เราเตรียมไปเผื่อไม่มี) น้ำดื่ม เสื้อกันหนาว(ห้องสอบหนาวมาก ขนาดเราคนขี้ร้อน) ถ้าสอบในกรุงเทพแนะนำให้ไปถึงสนามสอบก่อนสอบอย่างน้อย 2 ชม. เราจะได้ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวเหนื่อยละหมดแรง ไม่มีสมาธิทำข้อสอบ (เราสอบบ่ายโมงกว่า ๆ ออกจากบ้านตั้งแต่ 09:30 ไปกินข้าวให้เรียบร้อย ยิ่งถึงเร็วเรายิ่งได้พัก เผื่อเวลาไปหาตึกสอบใด ๆ อีก อย่ามาแบบว่า สอบบ่ายโมงออกจากบ้านเที่ยงงี้ ไม่เอาาา
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนเตรียมตัวสอบอย่างดี พร้อมสอบผ่านกันทุกคนดังที่หวังไว้ สามารถนำวิธีการเตรียมตัวเราไปปรับใช้ได้ ไม่ต้องเร่งตัวเอง ค่อย ๆ อ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะสอบผ่านเองค้าบ🌷🤍
สำหรับใครที่หาซื้อหนังสือฉบับญี่ปุ่นไม่ได้เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัดหรือเล่มไทยที่เราไม่สะดวกไปซื้อที่ช้อป เรารวมพิกัดให้แล้วครับเพื่อความสะดวกได้ที่
https://collshp.com/bogprodee
แนวทางเตรียมตัวสอบ JLPT N3 สอบผ่านในรอบเดียว
🤍🌷สวัสดีครับ เราตั้งใจว่าถ้าสอบ N3 แล้วได้คะแนน 140+ จะมารีวิววิธีการเตรียมตัว เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเตรียมสอบ N3 ครับ บอกก่อนว่าเราเป็นเด็กเอกอิ้งที่เรียนญี่ปุ่นเอง 100% แบบไม่มีใครสอน ไปดูหนังสือที่เราใช้+แอป+ช่องยูทูปที่เราใช้เรียน รวมถึงทริกที่เราใช้ในการเตรียมตัวสอบกันครับ✨ ก่อนอื่นเราดูเลยว่าตัวเองมีเวลาอ่านเท่าไร ซึ่งเวลาที่เราใช้เตรียมตัวคือ 6 เดือนด้วยกัน เราก็วางแผนเลยว่าเดือนนี้จะอ่านเล่มไหนบ้าง ซึ่งเราก็นั่งลิสต์ดูว่าเล่มไหนดี ดูรีวิวจากคนที่เค้าสอบผ่าน ซึ่งหนังสือที่เราใช้ มีตามนี้เลยจ้า💡
-พาร์ตคำศัพท์📍(語彙) เราใช้อยู่ 2 เล่มด้วยกัน คือ 2000 คำศัพท์ JLPT N3 กับ Go JLPT N3 เล่ม 2000 ศัพท์เป็นเล่มที่ดีมากกก เราว่ามีเล่มนี้เล่มเดียวก็ครอบคลุมแล้ว เค้ามีไฟล์เสียงให้ฟังด้วยนะดีมาก ๆ เราเริ่มอ่านตอนมิถุนา 68 อ่านวันละ 1-2 หมวด ใช้เวลาอยู่ 2 เดือน นานมากกก อ่านเล่มนี้จบได้ทั้งศัพท์ คันจิ แถมช่วยพาร์ตอ่านกับฟังด้วย เพราะการอ่านมันเปลี่ยนคำไปเรื่อย ถ้าเรารู้เยอะก็จะเข้าใจได้มากขึ้น พอเราอ่านเล่มนี้เสร็จ เราก็ไปต่อที่ Go JLPT เลยครับ อ่านอยู่เดือนนึง เล่มนี้จริง ๆ ศัพท์มีประโยชน์มากนะ แต่ให้ศัพท์น้อยมาหน่อย ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ครอบคลุม ควรอ่านเป็นเล่มเสริมคู่กับเล่ม 2000 ดีกว่า แต่เล่มนี้ชอบหลัง ๆ มาก แยกให้ด้วยเช่น คำเลียนเสียง คำจีน คำญี่ปุ่น จะจัดไว้ในหน้าเดียวกันเลยทำให้โฟกัสได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญจำไปให้หมดจ้าคำเลียนเสียง ออกทุกปี (ถึงจะแค่ข้อสองข้อก็เหอะ)
-พาร์ตคันจิ📍(漢字) ตอนแรกเราอ่านเล่ม Soumatome แต่อ่านได้ครึ่งเล่มรู้สึกว่ามันไม่ได้ดีเท่าไร (คหสต.) เลยรีบหาหนังสือมาแทน คือ Go JLPT N3 Kanji เล่มนี้ต้นเล่มเป็นแบบฝึกล้วน ๆ ทำฟินมากกก ส่วนท้ายเล่มจะเป็นแบบสอนว่าคันจิมีตัวไหนบ้างพร้อมคำศัพท์ ส่วนตัวเจอในข้อสอบจากเล่มนี้เยอะนะ เล่มนี้อ่านไปพร้อมกับพาร์ตคำศัพท์เลย ใช้เวลาเดือนครึ่ง -พาร์ตไวยากรณ์📍(文法) เราอ่านอยู่เดือนครึ่ง (สิงหาถึงกลางกันยา)ใช้อยู่ 3 เล่มเลยคือ
1. Go JLPT เล่มนี้เดอะเบสแล้ว เนื้อหาค่อนข้างยาก มีแบบฝึกให้ทำตลอด ที่ชอบมาก ๆ คือ เรียงไวยากรณ์ที่คล้ายกันไว้ด้วยกัน ทำให้เราแยกความต่างได้ดี แต่เล่มนี้อ่านอยู่ 2 รอบกว่าจะเข้าใจ😅มีพวกคำสุภาพ คำถ่อมตนให้เรียนด้วย ท้ายเล่มมีพวกคำเชื่อมให้ได้จำอีก
2. Try JLPT N3 เล่มนี้ช่วยชีวิตอิชั้นมาก ๆ งงจาก Go JLPT มาเล่มนี้คือเข้าใจอะ555 แบบฝึกตอนจบหัวข้อไวยากรณ์มันง่ายไปหน่อย แต่แบบฝึกท้ายบทคือดี มีให้ทำไวยากรณ์กับการฟัง ก่อนสอบสัก 2 วีกแนะนำมาทวนเล่มนี้ก็ดี เราอาศัยทวนจากบทอ่านก่อนเริ่มบท จะได้เช็กว่าเราเข้าใจไวยากรณ์นั้นจริงมั้ย
3. Nihongo Pawaa Doriru เรารู้สึกไม่ค่อยแม่นไวยากรณ์ เลยไปซื้อแบบฝึกมาทำเพิ่ม เค้าแบ่งให้ทำวันละ 2 หน้า มี 30 บทด้วยกัน ทำวันละ 1 ไปเลย มันยากคล้ายข้อสอบจริง แต่แอบมีไวยากรณ์ N2 ปนมาเยอะหน่อยนึง ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้
-พาร์ตการอ่าน📍(読解) เราอ่านช่วง 20 กันยากว่า ๆ ถึงสิ้นเดือนตุลา เราอ่านอยู่ 2 เล่มด้วยกัน
1. Soumatome เล่มนี้ใครอ่อนการอ่านแนะนำปูพื้นจากเล่มนี้ได้นะถือว่าโอเคเลย มีพวกจดหมาย ไดอารี อีเมลมาให้ดูด้วยว่าจะเจอในข้อสอบประมาณนี้ ๆ นะ ถ้าจะอ่านเป็นเล่มเดียวแล้วได้คะแนนดี ส่วนตัวคิดว่ายาก
2. 新完全マスター読解 N3 เล่มนี้ highly recommend มาก ๆ สอนตั้งแต่ไม่มีพื้นยันพาตะลุยโจทย์ เค้าจะพาทำความรู้จักแพทเทิร์นข้อสอบก่อนว่ามีอะไรบ้าง ไปจนถึงข้อสอบการอ่านมีรูปแบบไหนบ้าง เป็นเมล เมโม จดหมาย บันทึกนู่นนั่นนี่สอนดีมากกก พอรู้จักก็จะให้ทำโจทย์ดู มีแบบฝึกตลอดเลย พอเราเริ่มพื้นแน่นแล้ว เค้าก็จะเอาแพทเทิร์นข้อสอบจริงมาให้ทำ รู้สึกว่าแอบง่ายกว่าข้อสอบจริง แต่โดยรวมคือดี ต้องซื้อ!!!
-การการฟัง📍(聴解) กลัวการฟังมากกกตอนแรก ได้คำแนะนำมาว่าซื้อหนังสือการฟังเล่มเดียวพอ เราเลยซื้อของ Soumatome เล่มนี้แปลมาจากเซ็ตชินกันเซ็นนะ ใครจะซื้อเวอร์ชันญี่ปุ่นดูดี ๆ เล่มนี้สอนตั้งแต่การแยกเสียง โครงสร้างข้อสอบการฟัง ชอบตรงเค้ามีคีย์เวิร์ดมาให้ว่าถ้าได้ยินคำนี้ให้ฟังดี ๆ นะ หลังจากคำนี้นั่นแหละคือคำตอบไรงี้ รวมถึงสถานการณ์ที่เราต้องเจอ มีสำนวนต่าง ๆ มาให้ท่อง พร้อมข้อควรระวังในการฟังด้วย พวกคำยกย่อง คำสุภาพก็มีให้ได้ท่อง แค่เล่มเดียวก็เอาอยู่ เป็นพาร์ตที่เรากลัวสุดแต่กลับได้คะแนนเยอะสุดเลย (ส่วนตัวรู้สึกว่าถ้าฟังทันจะเป็นพาร์ตที่ง่ายสุดเลย)
แอปที่ใช้เรียน📱
-Shirabe Jisho น่าจะมีแค่ใน iOs นะ เราเอาไว้ไล่ดูคันจิของ N3 ดีมาก ๆ มีแฟลชการ์ดด้วย
-Todaii Japanese แอปนี้มีข่าวให้ได้อ่านด้วยทำให้เราได้ฝึกการอ่าน แถมมีข้อสอบให้ได้ลองทำดูพร้อมคำนวณคะแนนให้ด้วย ทำได้ประมาณไหน สอบจริงน่าจะประมาณนั้น เราสอบแอปนี้ได้ 148 พอสอบจริงได้ 143
-Quizlet เราสิงในแอปนี้ตลอด เวลาอ่านศัพท์กับคันจิเสร็จเราก็จะมาทำแฟลชการ์ดไว้ทวน เวลาขึ้นบีทีเอสหรือว่าง ๆ ก็จะเปิดทวน ทำให้ศัพท์เราค่อนข้างดี
ช่องแนะนำให้ไปเรียน🖥️
-日本語の森 เราเรียนไวยากรณ์ไป 1 เพลลิสสอนดีมากกก ได้ฝึกฟังด้วย
-เคสุเกะเซ็นเซ เวลาเรางงไวยากรณ์ เราก็จะมาดูคลิปเซ็นเซเค้าสอน ทำให้เก็ตเนื้อหามาก ๆ ความที่เป็นคนญี่ปุ่นพูดไทยได้ ทำให้เข้าใจง่ายไปอีก
-ญี่ปุ่นย่อยง่าย เราเอาไว้เรียนตะลุยโจทย์ พี่กระต่ายสอนดีมาก เข้าใจง่าย แถมทำให้เรามองข้อสอบออกด้วยว่าโครงสร้างมันเป็นอย่างงี้ ๆ นะ ทริกที่ใช้ใน
การเตรียมตัวสอบ💡
🌷การอ่าน: เราจะตั้งค่ามือถือให้เป็นภาษาญี่ปุ่นให้ได้เห็นทุกวัน ทำให้เราได้ฝึกอ่านญี่ปุ่นไปในตัว เหมือนบังคับว่าต้องพยามแปลให้
ออกให้ได้ถึงจะใช้มือถือได้ง่าย ส่วนการทำข้อสอบพาร์ตนี้เรามาแปลก555(มั้ยนะ) หลังทำพาร์ตไวยากรณ์เสร็จแล้วมาทำการอ่านเราจะไม่ทำเรียงตามเลขข้อ แต่เราจะข้ามไปทำพาร์ตสุดท้ายที่ให้หาข้อมูลสำคัญ 2 ข้อ เพราะข้อพวกนี้โอกาสผิดน้อย จากนั้นเราจะไปทำบทอ่านความยาวกลาง (ที่มี 3 คำถาม 2 บทอ่าน) เพราะตัวนี้คะแนนเยอะสุดในการอ่าน ถ้าทำถูกหมดก็เก็บไป 24 คะแนนเลยนะ พอเสร็จเราก็ไปต่อด้วยบทอ่านแบบยาว 4 ข้อ (เราว่าตัวนี้ง่าย) ปิดท้ายด้วยทำบทความสั้น เราว่าตัวนี้กินเวลาต่อข้อเยอะสุดอะ เราไม่ถนัดด้วย อ่านตั้งยาว ถามข้อเดียว เลยเก็บไว้ทำสุดท้าย
🌷การฟังค่อนข้างฝึกเยอะตั้งแต่ฟังเพลง podcast ดูหนัง ไปจนถึงไถแอปดำก็ฝึกภาษาญี่ปุ่นได้ อย่างเราชอบอาหารก็จะดูคอนเทนต์สอนทำอาหารที่พูดเป็นญี่ปุ่น ชอบวอลเลย์บอลก็ไปดูรายการที่นักวอลเลย์ญี่ปุ่นไปร่วม ฟังเค้าพูด มันฝึกการฟังได้หมดเลย เอาจากสิ่งที่เราชอบละจะทำให้เราอยากฝึก (เราไม่ชอบฟังข่าว เราก็เลยไม่ฟัง555) วันสอบจริงสติสำคัญมาก เราหลุดไป 2-3 ข้อ ไม่งั้นคงเกือบเต็ม ถ้ากรรมการทดสอบว่าได้ยินเสียงมั้ย ละเราไม่ค่อยได้ยินให้บอกไปเลยไม่ต้องอาย รักษาสิทธิเราไว้
การเตรียมตัวไปสอบ🚝 ก่อนสอบ 1 วันเราจะไม่อ่านอะไรเลย ให้เราได้พักเต็มที่ แถมต้องเช็กลิสต์ให้เอาของไปให้ครบ ดินสอ ยางลบ กบเหลา บัตรประชาชน บัตรเข้าห้องสอบ นาฬิกาข้อมือ(จริง ๆ ห้องสอบมีให้นะแขวนหน้าห้องเลย แต่เราเตรียมไปเผื่อไม่มี) น้ำดื่ม เสื้อกันหนาว(ห้องสอบหนาวมาก ขนาดเราคนขี้ร้อน) ถ้าสอบในกรุงเทพแนะนำให้ไปถึงสนามสอบก่อนสอบอย่างน้อย 2 ชม. เราจะได้ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวเหนื่อยละหมดแรง ไม่มีสมาธิทำข้อสอบ (เราสอบบ่ายโมงกว่า ๆ ออกจากบ้านตั้งแต่ 09:30 ไปกินข้าวให้เรียบร้อย ยิ่งถึงเร็วเรายิ่งได้พัก เผื่อเวลาไปหาตึกสอบใด ๆ อีก อย่ามาแบบว่า สอบบ่ายโมงออกจากบ้านเที่ยงงี้ ไม่เอาาา สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนเตรียมตัวสอบอย่างดี พร้อมสอบผ่านกันทุกคนดังที่หวังไว้ สามารถนำวิธีการเตรียมตัวเราไปปรับใช้ได้ ไม่ต้องเร่งตัวเอง ค่อย ๆ อ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะสอบผ่านเองค้าบ🌷🤍
สำหรับใครที่หาซื้อหนังสือฉบับญี่ปุ่นไม่ได้เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัดหรือเล่มไทยที่เราไม่สะดวกไปซื้อที่ช้อป เรารวมพิกัดให้แล้วครับเพื่อความสะดวกได้ที่ https://collshp.com/bogprodee