จำนำรถ คือ การทำธุรกรรมทางการเงินที่ใช้รถยนต์เป็นประกัน โดยรถยนต์เป็นทรัพย์สินที่มี มูลค่าสูงกว่าทรัพย์สินประเภทอื่นๆ การจำนำนำรถ จึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนมีรถยนต์ที่กำลัง มองหาวงเงินฉุกเฉิน ด้วยการนำรถไปเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้คล่องตัวมากขึ้น โดยไม่ต้องไปใช้บริการกู้เงินนอกระบบที่ต้องพบเจอกับดอกเบี้ยแสนแพง
ปัจจุบันการจำนำรถยนต์สามารถเลือกใช้ บริการขอสินเชื่อจากธนาคาร สถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการสินเชื่ออื่น ๆ ได้หลากหลาย เพียงคุณมีรถยนต์ ปลอดภาระก็สามารถใช้เล่มทะเบียนรถยนต์เป็นประกันเวลาขอสินเชื่อ เพื่อนำวงเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในยามจำเป็น การจำนำรถยนต์มีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่ได้ยินกันบ่อยนั่นคือการจำนำรถแบบจอดและการจำนำรถแบบไม่จอด อย่างไรก็ดีปัจจุบันเราจะพบว่ามีการนำรถที่มีภาระเช่าซื้อ หรือที่เราเรียกกันว่ารถติดไฟแนนซ์ไปจำนำให้กับผู้รับจำนำ เช่นนี้แล้ว กรณีนำรถที่ค้างผ่อนอยู่ไปจำนำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่าซื้อนั้น อาจผิดกฎหมายได้เพราะการทำสัญญาเช่าซื้อรถและยังผ่อนอยู่นั้น ผู้เช่าซื้อมีสิทธิเพียงครอบครองและใช้ประโยชน์เท่านั้น ไม่มีสิทธินำรถไปจำนำ เพราะกรรมสิทธิของรถยนต์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้นผู้จำนำหรือผู้รับจำนำรถก็ดี จะต้องพึงระวังและตรวจสอบกรรมสิทธิ์ของทรัพย์ที่รับจำนำนั้นก่อนเสมอ โดยเฉพาะรถยนต์ที่แม้จะเป็นสังหาริมทรัพย์ แต่ก็เป็นทรัพย์ที่มีเล่มทะเบียนแสดงรายละเอียดของรถยนต์คันนั้นรวมถึงรายการการชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี ซึ่งเล่มทะเบียนถือเป็นเอกสารประจำรถที่สำคัญ มีความน่าเชื่อถือที่ประชาชนสามารถตรวจสอบอ้างอิงได้
ความแตกต่างระหว่างการจำนำรถจอดกับการจำนำรถแบบไม่ต้องจอด หรือที่เรียกว่า “การจำนำทะเบียนรถ” คือ การครอบครองรถยนต์ การจำนำรถจอดผู้ให้กู้จะเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ตลอดระยะเวลาของสัญญาในขณะที่การจำนำทะเบียนรถผู้กู้ยังคงสามารถใช้รถได้ตามปกติ “วงเงินกู้” การจำนำรถจอดมักจะให้วงเงินกู้ที่สูงกว่าเนื่องจากผู้ให้กู้มีหลักประกันที่แน่นอนกว่า “อัตราดอกเบี้ย” โดยทั่วไปการจำนำรถจอดจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการจำนำทะเบียนรถ เพราะความเสี่ยงของผู้ให้กู้น้อยกว่า “ความยืดหยุ่นในการใช้งาน” ผู้กู้จะไม่สามารถใช้รถยนต์ได้ในระหว่างการจำนำรถจอด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และการทำงาน “การบำรุงรักษา” ในการจำนำรถจอดผู้ให้กู้จะเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลรักษารถยนต์
จำนำรถหรือรับจำนำ คิดให้ดี
ปัจจุบันการจำนำรถยนต์สามารถเลือกใช้ บริการขอสินเชื่อจากธนาคาร สถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการสินเชื่ออื่น ๆ ได้หลากหลาย เพียงคุณมีรถยนต์ ปลอดภาระก็สามารถใช้เล่มทะเบียนรถยนต์เป็นประกันเวลาขอสินเชื่อ เพื่อนำวงเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในยามจำเป็น การจำนำรถยนต์มีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่ได้ยินกันบ่อยนั่นคือการจำนำรถแบบจอดและการจำนำรถแบบไม่จอด อย่างไรก็ดีปัจจุบันเราจะพบว่ามีการนำรถที่มีภาระเช่าซื้อ หรือที่เราเรียกกันว่ารถติดไฟแนนซ์ไปจำนำให้กับผู้รับจำนำ เช่นนี้แล้ว กรณีนำรถที่ค้างผ่อนอยู่ไปจำนำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่าซื้อนั้น อาจผิดกฎหมายได้เพราะการทำสัญญาเช่าซื้อรถและยังผ่อนอยู่นั้น ผู้เช่าซื้อมีสิทธิเพียงครอบครองและใช้ประโยชน์เท่านั้น ไม่มีสิทธินำรถไปจำนำ เพราะกรรมสิทธิของรถยนต์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้นผู้จำนำหรือผู้รับจำนำรถก็ดี จะต้องพึงระวังและตรวจสอบกรรมสิทธิ์ของทรัพย์ที่รับจำนำนั้นก่อนเสมอ โดยเฉพาะรถยนต์ที่แม้จะเป็นสังหาริมทรัพย์ แต่ก็เป็นทรัพย์ที่มีเล่มทะเบียนแสดงรายละเอียดของรถยนต์คันนั้นรวมถึงรายการการชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี ซึ่งเล่มทะเบียนถือเป็นเอกสารประจำรถที่สำคัญ มีความน่าเชื่อถือที่ประชาชนสามารถตรวจสอบอ้างอิงได้
ความแตกต่างระหว่างการจำนำรถจอดกับการจำนำรถแบบไม่ต้องจอด หรือที่เรียกว่า “การจำนำทะเบียนรถ” คือ การครอบครองรถยนต์ การจำนำรถจอดผู้ให้กู้จะเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ตลอดระยะเวลาของสัญญาในขณะที่การจำนำทะเบียนรถผู้กู้ยังคงสามารถใช้รถได้ตามปกติ “วงเงินกู้” การจำนำรถจอดมักจะให้วงเงินกู้ที่สูงกว่าเนื่องจากผู้ให้กู้มีหลักประกันที่แน่นอนกว่า “อัตราดอกเบี้ย” โดยทั่วไปการจำนำรถจอดจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการจำนำทะเบียนรถ เพราะความเสี่ยงของผู้ให้กู้น้อยกว่า “ความยืดหยุ่นในการใช้งาน” ผู้กู้จะไม่สามารถใช้รถยนต์ได้ในระหว่างการจำนำรถจอด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และการทำงาน “การบำรุงรักษา” ในการจำนำรถจอดผู้ให้กู้จะเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลรักษารถยนต์