PTTEP กำไรปี 67 ที่ 7.9 หมื่นลบ. ปันผลอีก 5.125 บาท/หุ้น ลุยลงทุน 2.6 แสนลบ.
สำนักข่าว อีไฟแนนซ์ไทย efinanceThai
PTTEP กำไรปี 67 ที่ 7.9 หมื่นลบ. ปันผลอีก 5.125 บาท/หุ้น ลุยลงทุน 2.6 แสนลบ.
PTTEP อวดกำไรปี 67 ที่ 7.9 หมื่นล้านบาท รับรายได้จากการขายเพิ่ม ประกาศจ่ายปันผลอีก 5.125 บาท/หุ้น ขึ้น XD 25 ก.พ.68 พร้อมเดินหน้าลงทุนปี 68 ด้วยวงเงินลงทุนอีก 2.6 แสนล้านบาท
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานของปี 2567 บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิที่ 2,227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 78,824 ล้านบาท) หรือ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.56 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 19.86 บาท) โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นที่ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1% จากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 2,208 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 76,706 ล้านบาท) หรือ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.54 ดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 18.89 บาท)
โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 9,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 327,415 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 216 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวม 9,057 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 315,216 ล้านบาท) และ ปี 2567 มีค่าใช้จ่าย (ไม่รวมภาษีเงินได้) รวมทั้งสิ้น 5,462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 192,701 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 5,061 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 176,285ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีสินทรัพย์รวม28,401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 965,301 ล้านบาท) หนี้สินรวม 12,634 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 429,425 ล้านบาท) โดยเป็นส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจำนวน 3,761 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 127,834 ล้านบาท) และ รายงานส่วนของผู้ถือหุ้นรวมที่ 15,767 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 535,876 ล้านบาท) โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับ 0.24 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายทางการเงินของบริษัท นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ รายงานปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว (Proved Reserves) รวมทุกโครงการ จำนวน 1,637 ล้านบาร์เรล
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์หลัก Drive-Decarbonize-Diversify โดยได้จัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้น 7,819 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 261,940 ล้านบาท) สำหรับรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายดำเนินงาน โดยแหล่งเงินทุนหลักมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 ทั้งนี้ เพื่อผลักดันกิจกรรมการสำรวจพัฒนาและเพิ่มอัตราการผลิตปิโตรเลียม เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย รวมถึงการดำเนินงานตามแผนงานสำหรับกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่ไปกับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวให้กับบริษัทต่อไป
ทั้งนี้คณะกรรมการ มีมติจ่ายปันผลอีกอัตรา 5.125 บาท/หุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล วันที่ 26 ก.พ. 2568 และ วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 25 ก.พ. 2568
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP กล่าวว่า ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีความก้าวหน้าสำคัญในการดำเนินธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน) ขึ้นมาสู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และยังคงรักษากำลังการผลิตของโครงการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ปตท.สผ. ได้เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 10 ในโครงการสัมปทานกาชา (Ghasha Concession Project) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยมีแผนจะเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติในปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 เมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา จากหน่วยงานรัฐของอาบูดาบีแล้ว โดยคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในปีนี้
ปตท.สผ. ยังได้เข้าซื้อหุ้นทุน (Share Capital) ในสัดส่วนร้อยละ 34 ในบริษัท E&E Algeria Touat B.V. คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ ปตท.สผ. ถือสัดส่วนการลงทุนทางอ้อมในโครงการทูอัท (Touat Project) ที่ร้อยละ 22.1 โครงการนี้เป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติบนบกในประเทศแอลจีเรีย มีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะสามารถเพิ่มรายได้ ปริมาณการขาย และปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้กับบริษัทได้ทันทีเมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้น
ด้านการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ปตท.สผ. ได้พัฒนาโครงการ DigitalX ซึ่งเป็นการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมดิจิทัล (Digital Solutions) เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) ที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลของห่วงโซ่ธุรกิจอย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้ง บริษัทยังได้เริ่มพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูล (Data Foundation) ให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งองค์กร โดยมีมาตรฐานเดียวกัน
พร้อมกับได้พัฒนา X.brain ซึ่งเป็น AI Engine ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ เพื่อนำมาช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานของบุคลากรให้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทุกระดับชั้นภายในองค์กรให้มีความพร้อมและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ (Digital Citizens) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และลดระยะเวลาการทำงานลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในปี 2567 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ จำนวน 50,450 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐยังได้รับส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับผลประกอบการในปี 2567 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 327,415 ล้านบาท (เทียบเท่า 9,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.)) โดยมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 488,794 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 78,824 ล้านบาท (เทียบเท่า 2,227 ล้านดอลลาร์ สรอ.) โดยกำไรสุทธิจากการดำเนินงานดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญที่บริษัทจะนำมาใช้ในการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมจากโครงการต่าง ๆ ตามแผนงานปี 2568 รองรับความต้องการการใช้พลังงานในประเทศต่อไป
http://www.efinancethai.com/LastestNews/app.index.aspx?id=OTNST1J3U0ptRTQ9&year=30&month=1&lang=T&v=2018&security=PTTEP&ref=f4%2BzmkEBufVYrKkPIJzpnhpBIY2%2BEHYHCmwptmHC%2BegGC79GRDhRh%2BQzX%2BXGtch1ovCrlXi6oldesu%2F7vxoygQ%3D%3D&fbclid=IwY2xjawIIZ8tleHRuA2FlbQIxMQABHcsB0ApxiodJba-RhBmW4qx6D6Sk5pBYiq4uOfnMWoNz8SrsxsZHkRP2Kg_aem_Ba_pPNuYCF8OG4OexOoiQQ
PTTEP กำไรปี 67 ที่ 7.9 หมื่นลบ. ปันผลอีก 5.125 บาท/หุ้น ลุยลงทุน 2.6 แสนลบ
สำนักข่าว อีไฟแนนซ์ไทย efinanceThai
PTTEP กำไรปี 67 ที่ 7.9 หมื่นลบ. ปันผลอีก 5.125 บาท/หุ้น ลุยลงทุน 2.6 แสนลบ.
PTTEP อวดกำไรปี 67 ที่ 7.9 หมื่นล้านบาท รับรายได้จากการขายเพิ่ม ประกาศจ่ายปันผลอีก 5.125 บาท/หุ้น ขึ้น XD 25 ก.พ.68 พร้อมเดินหน้าลงทุนปี 68 ด้วยวงเงินลงทุนอีก 2.6 แสนล้านบาท
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานของปี 2567 บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิที่ 2,227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 78,824 ล้านบาท) หรือ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.56 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 19.86 บาท) โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นที่ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1% จากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 2,208 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 76,706 ล้านบาท) หรือ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.54 ดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 18.89 บาท)
โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 9,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 327,415 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 216 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวม 9,057 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 315,216 ล้านบาท) และ ปี 2567 มีค่าใช้จ่าย (ไม่รวมภาษีเงินได้) รวมทั้งสิ้น 5,462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 192,701 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 5,061 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 176,285ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีสินทรัพย์รวม28,401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 965,301 ล้านบาท) หนี้สินรวม 12,634 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 429,425 ล้านบาท) โดยเป็นส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจำนวน 3,761 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เทียบเท่า 127,834 ล้านบาท) และ รายงานส่วนของผู้ถือหุ้นรวมที่ 15,767 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 535,876 ล้านบาท) โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับ 0.24 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายทางการเงินของบริษัท นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ รายงานปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว (Proved Reserves) รวมทุกโครงการ จำนวน 1,637 ล้านบาร์เรล
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์หลัก Drive-Decarbonize-Diversify โดยได้จัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้น 7,819 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 261,940 ล้านบาท) สำหรับรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายดำเนินงาน โดยแหล่งเงินทุนหลักมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 ทั้งนี้ เพื่อผลักดันกิจกรรมการสำรวจพัฒนาและเพิ่มอัตราการผลิตปิโตรเลียม เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย รวมถึงการดำเนินงานตามแผนงานสำหรับกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่ไปกับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวให้กับบริษัทต่อไป
ทั้งนี้คณะกรรมการ มีมติจ่ายปันผลอีกอัตรา 5.125 บาท/หุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล วันที่ 26 ก.พ. 2568 และ วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 25 ก.พ. 2568
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP กล่าวว่า ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีความก้าวหน้าสำคัญในการดำเนินธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน) ขึ้นมาสู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และยังคงรักษากำลังการผลิตของโครงการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ปตท.สผ. ได้เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 10 ในโครงการสัมปทานกาชา (Ghasha Concession Project) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยมีแผนจะเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติในปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 เมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา จากหน่วยงานรัฐของอาบูดาบีแล้ว โดยคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในปีนี้
ปตท.สผ. ยังได้เข้าซื้อหุ้นทุน (Share Capital) ในสัดส่วนร้อยละ 34 ในบริษัท E&E Algeria Touat B.V. คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ ปตท.สผ. ถือสัดส่วนการลงทุนทางอ้อมในโครงการทูอัท (Touat Project) ที่ร้อยละ 22.1 โครงการนี้เป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติบนบกในประเทศแอลจีเรีย มีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะสามารถเพิ่มรายได้ ปริมาณการขาย และปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้กับบริษัทได้ทันทีเมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้น
ด้านการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ปตท.สผ. ได้พัฒนาโครงการ DigitalX ซึ่งเป็นการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมดิจิทัล (Digital Solutions) เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) ที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลของห่วงโซ่ธุรกิจอย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้ง บริษัทยังได้เริ่มพัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูล (Data Foundation) ให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งองค์กร โดยมีมาตรฐานเดียวกัน
พร้อมกับได้พัฒนา X.brain ซึ่งเป็น AI Engine ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ เพื่อนำมาช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานของบุคลากรให้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทุกระดับชั้นภายในองค์กรให้มีความพร้อมและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ (Digital Citizens) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และลดระยะเวลาการทำงานลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในปี 2567 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ จำนวน 50,450 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐยังได้รับส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับผลประกอบการในปี 2567 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 327,415 ล้านบาท (เทียบเท่า 9,273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.)) โดยมีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 488,794 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 78,824 ล้านบาท (เทียบเท่า 2,227 ล้านดอลลาร์ สรอ.) โดยกำไรสุทธิจากการดำเนินงานดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญที่บริษัทจะนำมาใช้ในการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมจากโครงการต่าง ๆ ตามแผนงานปี 2568 รองรับความต้องการการใช้พลังงานในประเทศต่อไป
http://www.efinancethai.com/LastestNews/app.index.aspx?id=OTNST1J3U0ptRTQ9&year=30&month=1&lang=T&v=2018&security=PTTEP&ref=f4%2BzmkEBufVYrKkPIJzpnhpBIY2%2BEHYHCmwptmHC%2BegGC79GRDhRh%2BQzX%2BXGtch1ovCrlXi6oldesu%2F7vxoygQ%3D%3D&fbclid=IwY2xjawIIZ8tleHRuA2FlbQIxMQABHcsB0ApxiodJba-RhBmW4qx6D6Sk5pBYiq4uOfnMWoNz8SrsxsZHkRP2Kg_aem_Ba_pPNuYCF8OG4OexOoiQQ