บัวหลวงให้ OSP ราคาเหมาะสมกรณีนี้อยู่ที่ 15.2 บาท

กระทู้สนทนา
#ทันหุ้น-บล.บัวหลวง มีมุมมองต่อภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ มีความอ่อนไหวต่อราคาอย่างมาก โดยเฉพาะร้าน โชห่วย หรือ Traditional Trade (TT) ซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของตลาด ที่เผชิญความยากลำบากจากการปรับขึ้นราคา 20% ของ OSP ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ CBG ได้รับประโยชน์จาก ส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นและเครือข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่งขึ้น  แต่การกลับมาเปิดตัว M-150 ฝาเหลืองที่ราคา 10 บาท ของ OSP เป็นการยืนยันแรงกดดันด้านราคา และคาดว่าจะฉุด GM และเพิ่มค่าใช้จ่าย SG&A ทั้ง OSP และ CBG อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยบัวหลวง ชอบ CBG มากกว่า

**ลดคำแนะนำหุ้น OSP เป็นขาย

หุ้น OSP ฝ่ายวิจัยบัวหลวงได้ปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย” (ราคาเป้าหมายใหม่ 16 บาท, ราคารอเข้าซื้อที่เหมาะสม หรือ Entry Price ที่ 15.2 บาท)

Base case:คาดว่า OSP จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาด 3% ในปี 2568 จากทั้งการกินส่วนแบ่งตลาดภายในพอร์ตตัวเอง (เพราะมีทั้งราคา 12 และ 10 บาท) และแย่งชิงมาจาก กระทิงแดง (ที่ราคา 12 บาท, เป็นอันดับ 3 ของตลาด) โดยกระทบคาราบาว (ราคา 10 บาทอยู่แล้ว, เป็นอันดับ 2) เพียงเล็กน้อย

Worst case: หากไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งได้ แต่ต้องเผชิญ แรงกดดันด้าน GM และค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขาย (SG&A) ที่สูงขึ้น กระทบต่อกำไรหนัก ราคาเหมาะสมกรณีนี้อยู่ที่ 15.2 บาท (Entry Price ของฝ่ายวิจัย)

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ใช้ base case ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2569 ลง 11% และ 8% ตามลำดับ สะท้อนราคาขายเฉลี่น (ASP) ลดลง 1%, GM หดตัว 50bps และ SG&A เพิ่มขึ้น โดยที่ราคาเป้าหมาย 16 บาท คิดเป็น PER ปี 2568 ที่ 16 เท่า (-1.7SD) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 22 เท่า

**ลดคำแนะนำหุ้น CBG เป็นถือ 

หุ้น CBG ฝ่ายวิจัยบัวหลวงได้ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” (ราคาเป้าหมายใหม่ 76 บาท, ระดับราคาเข้าซื้อเหมาะสม 65 บาท)

Base case: หากส่วนแบ่งตลาดของ CBG ลดลงเหลือ 25% ในปี 2568 (จาก 26% ณ สิ้นปี 2567) ส่งผลให้การขยาย GM จำกัดขึ้น และค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่ากำไรจะยังเติบโต 10% ในปี 2568 และ 6% ในปี 2569  จาก ธุรกิจกระจายสินค้าและ OEM บรรจุภัณฑ์สุรา

Worst case: สูญเสียส่วนแบ่งตลาด 3% เรามองเผชิญแรงกดดันด้าน GM และ SG&A ที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรหดตัวมากขึ้น ซึ่งกรณีนี้ ราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 65 บาท (ระดับ Entry Price ของฝ่ายวิจัย)

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยใช้ base case ปรับลดประมาณการกำไร 2568-2569 ลง 7% และ 15% ตามลำดับ โดยราคาเป้าหมายใหม่ คิดเป็น PER ปี 2568  ที่ 24 เท่า (-0.8SD)

https://thunhoon.com/article/308064
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่