ลิงค์ข่าว: https://www.youtube.com/watch?v=aLKtENWDi_4

สรุปเหตุการณ์ :

1. มิจฉาชีพโทรมาขายของ (คาดว่าน่าจะเป็นการสืบข้อมูลเบื้องต้น) เมื่อทราบว่าเหยื่อเป็นหญิงสูงวัย+อยู่คนเดียว จึงเริ่มดำเนินการ
2. หลอกเหยื่อเหมือนที่เราได้ยินข่าวทั่ว ๆ ไป โดยใช้วิธีเบสิค โดยอ้างว่าเหยื่อถูกแอบอ้างเอาเบอร์ไปทำผิดกฎหมาย แล้วหลอกว่าเหยื่อจะต้องถูกตรวจสอบบัญชีและทรัพย์สิน
3. จากข้อ 2 โจรหลอกให้เหยื่อโอนเงินไป โดยอ้างว่าจะตรวจสอบเงินของเหยื่อ และจะคืนให้ภายหลัง
ในข้อที่ 3 นี้เองที่จะต่างไปจากการหลอกทั่ว ๆ ไปเล็กน้อย คือ บัญชีม้าปลายทางที่มิจฉาชีพใช้รับเงิน ไม่ใช่บัญชีบุคคลทั่วไป...แต่เป็นบัญชีนิติบุคคล เป็นบริษัท (จำกัด) ที่ยังเปิดกิจการอยู่ (อันนี้มันเพิ่มความน่าเชื่อถือให้โจรได้ระดับนึงเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่เขาไม่รู้)
4. และมีเพิ่มเติมวิธีการที่โจรใช้หลอกเหยื่อเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่ออีกหนึ่งอย่างคือ
- โจรหลอกเหยื่อว่าเป็นตำรวจและสามารถทำการอายัดบัญชีของเหยื่อได้ โดยที่โจรได้ปลอมตัวเป็นเหยื่อเจ้าของบัญชีแล้วโทรไปยังธนาคารที่เหยื่อให้ จากนั้นโจรก็หลอกเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าตัวเองเป็นเจ้าของบัญชีและทำมือถือหาย อยากให้ธนาคารช่วยระงับแอปธนาคารให้หน่อย
5. จากข้อที่ 4 ทำให้เหยื่อไม่สามารถเข้าใช้งานแอปธนาคารของตัวเองได้ จึงเชื่อว่าบัญชีธนาคารของตัวเองถูกอายัดไปจริง ๆ โดยมิจฉาชีพ(ที่ปลอมตัวว่าเป็นตำรวจ)
- ข้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เหยื่อหลงเชื่อโจรได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน

ข้อสังเกตุ: กรมพัฒนาธุรการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีกระบวนการอย่างไรบ้างในการรับจดทะเบียนนิติบุคคล เพราะในเคสนี้คือโจรมันไปเปิดบริษัท เป็นนิติบุคคล และใช้บัญชีธนาคารนิติบุคคลในการมาหลอกลวงเหยื่อ
- แถมโจรยังใช้ที่อยู่ปลอม (ของใครก็ไม่รู้ ที่เขาไม่เกี่ยว) มาใส่ในการจดทะเบียนบริษัท นักข่าวจึงตั้งคำถามว่า ได้มีการตรวจสอบกันจริงไหมในขั้นตอนของการจดทะเบียนบริษัท?

ข้อควรระวัง: ในกลโกงของโจรข้อที่ 4 อันนี้ก็ค่อนข้างน่ากลัว แบบนี้แปลว่าอยู่ ๆ แอปะนาคารเราจะใช้งานไม่ได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลย?? ถ้ามีคนโทรไปแกล้งเราแบบนี้ บอกว่าเราทำมือถือหายและขอระงับแอปธนาคารชั่วคราวแบบนี้ก็แย่เลยนะครับ หรือถ้าใครโดนแบบในเหยื่อก็ต้องไปเช็คให้ละเอียด

สรุปคือ ไว้ใจใครไม่ได้เลยโดยเฉพาะเรื่องธุรกรรมธนาคาร เคสนี้ถ้าไปคุยกับเจ้าธนาคารที่สาขาถึงจะรู้เรื่อง แต่มันก็ยากสำหรับยุคดิจิดอลแบบนี้