นำเข้าจากเยอรมนี ราคาลดแล้วเหลือเกือบสามล้าน (ราคาต่างประเทศอยู่ที่สองล้าน)
ตัวขับหลังนี้ 0-100 ได้ 6 วินาที ม้าเกือบ 300 ตัว
เหลือ 10 กว่าคันทั่วไทย
โหมด Default คือ Comfort สไตล์เบาสบาย ไม่ตึงตัง
อยากขับสบายขึ้นอีก ก็เปลี่ยนเป็นโหมด Eco
อยากขับพยศขึ้นอีก ก็เปลี่ยนเป็นโหมด Sport
ผู้เขียนได้ขับทดสอบ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนโหมดสามโหมด มีแม้กระทั่งเข้าไปในโหมด Config เองได้ด้วย
ข้อดี
1. ขับสบาย ด้าน พวงมาลัยเบา / ช่วงล่างไม่ตึงตัง / เบรกไม่จึ๊ก
2. ขับสนุก พยศได้ตามสไตล์ BM
3. ขนาดกำลังเหมาะกับรูปร่างคนไทย
4. คนนั่งสบายด้วยแก้มยางหน้าเกิน 10 เซนติเมตร
5. พ้นปัญหาล้อดุ้งดังรุ่นพี่ด้วยแก้มยางที่หนาดังกล่าว
6. ที่เก็บสัมภาระหลังเหลือเฟือ
7. แบตแนวกลาง ช่วยให้พลศาสตร์รถดี (BMW ได้ชื่อว่าทำรถไฟฟ้าล้วนได้ดีอยู่แล้ว)
8. ยังดีที่มี Adaptive cruise control
9. โหมด Sport พยศดี (ถ้าชอบก็ชอบเลย) แต่ต้องเป็นคนชอบพวงมาลัยเบา
มีท่านใดอยากเติมข้อดีข้อที่ 10 ได้ไหมครับ?
ข้อเสีย
1. ขับมึน ด้าน Regenerative braking แบบ Default ที่หน่วงรถทันทีที่ถอนคันเร่ง ทั้งที่ผู้เขียนไม่ได้เปิดโหมด B ให้ Regenerative มากขึ้นอีกด้วยซ้ำ เช่น ในเมืองที่ทดสอบมา มีทั้งคลานในซอย และ ทำความเร็วถนนโล่ง ๆ รวมแค่ 16 กม.ก็มึนแล้ว
2. คนสูงเกิน 175 นั่งหลังไม่ได้ หัวชน
3. ขอบยางสูงเกินกว่าความเร็วรถ ทำให้ความรู้สึกเป็นรถสปอร์ตนั้นไม่เต็มที่
4. เก็บสัมภาระด้านหน้าไม่ได้เหมือนบางแบรนด์ ทั้งที่มอเตอร์วางหลังอย่างเดียว
5. แบตจุ 70 kWh ทำให้ไปได้เพียง 3xx กม.
6. พลศาสตร์รถ ก็ยังสู้ ICE/PHEV ที่แบตวางกลางเช่นเดียวกันไม่ได้
7. ไม่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขั้นสูงดังรุ่นที่แพงกว่า
8. โหมด Sport พยศเกินไป (ถ้าไม่ชอบก็ไม่ชอบเลย) เกินกว่าพวงมาลัยที่ตั้งหนักที่สุดก็เอาไม่อยู่
9. สูบลมยางถึง Max 49 ตามตรงขอบประตูน่าจะอันตรายเรื่องควบคุมรถยากที่โหมด Sport
มีท่านใดอยากเติมข้อเสียข้อที่ 10 ได้ไหมครับ?
(เซลส์แจ้งว่า คันที่ผมลอง ลมยาง 36)
ปล. สองปัญหาสุดท้ายแก้ได้ ด้วยการเลือกโหมด Eco ก็จะไร้การพยศ ครับ
[SR] BMW i4 รถ BEV ผู้ดีก็ได้ผู้ร้ายก็ดี ที่ลดราคาแปดแสนบาท
ตัวขับหลังนี้ 0-100 ได้ 6 วินาที ม้าเกือบ 300 ตัว
เหลือ 10 กว่าคันทั่วไทย
โหมด Default คือ Comfort สไตล์เบาสบาย ไม่ตึงตัง
อยากขับสบายขึ้นอีก ก็เปลี่ยนเป็นโหมด Eco
อยากขับพยศขึ้นอีก ก็เปลี่ยนเป็นโหมด Sport
ผู้เขียนได้ขับทดสอบ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนโหมดสามโหมด มีแม้กระทั่งเข้าไปในโหมด Config เองได้ด้วย
ข้อดี
1. ขับสบาย ด้าน พวงมาลัยเบา / ช่วงล่างไม่ตึงตัง / เบรกไม่จึ๊ก
2. ขับสนุก พยศได้ตามสไตล์ BM
3. ขนาดกำลังเหมาะกับรูปร่างคนไทย
4. คนนั่งสบายด้วยแก้มยางหน้าเกิน 10 เซนติเมตร
5. พ้นปัญหาล้อดุ้งดังรุ่นพี่ด้วยแก้มยางที่หนาดังกล่าว
6. ที่เก็บสัมภาระหลังเหลือเฟือ
7. แบตแนวกลาง ช่วยให้พลศาสตร์รถดี (BMW ได้ชื่อว่าทำรถไฟฟ้าล้วนได้ดีอยู่แล้ว)
8. ยังดีที่มี Adaptive cruise control
9. โหมด Sport พยศดี (ถ้าชอบก็ชอบเลย) แต่ต้องเป็นคนชอบพวงมาลัยเบา
มีท่านใดอยากเติมข้อดีข้อที่ 10 ได้ไหมครับ?
ข้อเสีย
1. ขับมึน ด้าน Regenerative braking แบบ Default ที่หน่วงรถทันทีที่ถอนคันเร่ง ทั้งที่ผู้เขียนไม่ได้เปิดโหมด B ให้ Regenerative มากขึ้นอีกด้วยซ้ำ เช่น ในเมืองที่ทดสอบมา มีทั้งคลานในซอย และ ทำความเร็วถนนโล่ง ๆ รวมแค่ 16 กม.ก็มึนแล้ว
2. คนสูงเกิน 175 นั่งหลังไม่ได้ หัวชน
3. ขอบยางสูงเกินกว่าความเร็วรถ ทำให้ความรู้สึกเป็นรถสปอร์ตนั้นไม่เต็มที่
4. เก็บสัมภาระด้านหน้าไม่ได้เหมือนบางแบรนด์ ทั้งที่มอเตอร์วางหลังอย่างเดียว
5. แบตจุ 70 kWh ทำให้ไปได้เพียง 3xx กม.
6. พลศาสตร์รถ ก็ยังสู้ ICE/PHEV ที่แบตวางกลางเช่นเดียวกันไม่ได้
7. ไม่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขั้นสูงดังรุ่นที่แพงกว่า
8. โหมด Sport พยศเกินไป (ถ้าไม่ชอบก็ไม่ชอบเลย) เกินกว่าพวงมาลัยที่ตั้งหนักที่สุดก็เอาไม่อยู่
9. สูบลมยางถึง Max 49 ตามตรงขอบประตูน่าจะอันตรายเรื่องควบคุมรถยากที่โหมด Sport
มีท่านใดอยากเติมข้อเสียข้อที่ 10 ได้ไหมครับ?
(เซลส์แจ้งว่า คันที่ผมลอง ลมยาง 36)
ปล. สองปัญหาสุดท้ายแก้ได้ ด้วยการเลือกโหมด Eco ก็จะไร้การพยศ ครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้