จรวดของไทยที่ถูกลืม "เห่าฟ้า ธนูฟ้า"

จรวดของไทยที่ถูกลืม "เห่าฟ้า ธนูฟ้า"
 โครงการพัฒนาจรวดของไทยนั้นมีการศึกษาวิจัยโดยกองทัพอากาศตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2517 และจรวดของไทยนัดแรกได้ถูกยิงจากเครื่องบินบ.ต.2(O1-A) ซึ่งก็คือ จรวดเห่าฟ้า-1 ทำการทดสอบยิงจากอากาศสู่พื้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2518 และนั้นก็คือจุดเริ่มต้นตำนานจรวดเห่าฟ้า-เห่าไฟ ของไทย
 
จรวดเห่าฟ้ามีรุ่นย่อยต่างๆ เช่น เห่าฟ้า-1 จรวดขนาด 2.25 นิ้ว แบบหางเลื่อน, 

เห่าฟ้า-2, จรวดขนาด 2.25 นิ้ว แบบหางนิ่ง ลำตัวหมุน ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบอาวุธของ ทอ. ในปี พ.ศ.2521, 

เห่าฟ้า-3 จรวดขนาด 2.25 นิ้ว แบบหางพับ ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบอาวุธของ ทอ. ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2527

เห่าฟ้า-3 I ในปี พ.ศ.2528 ทอ. มีวัสดุสำหรับการหุ้มดินขับจรวด และมีเทคโนโลยีในการหุ้ม (Inhibit) ดินขับ จึงได้ทำการพัฒนาจรวดเห่าฟ้า-3 เป็นจรวดเห่าฟ้า-3 I (Inhibited) ซึ่งจรวดแบบนี้ได้ใช้ยิงแสดง ในการสาธิตการใช้กำลังทางอากาศ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2532 และนับเป็นการ สาธิตการใช้กำลังทางอากาศครั้งสำคัญของ ทอ. 

เห่าฟ้า-4 (พ.ศ.2526) จรวดขนาด 2.5 นิ้ว ที่เริ่มเปลี่ยนมาใช้ดินขับชนิดฐานผสม (Composite) จากเดิมที่ใช้เป็นดินขับชนิดสองฐาน (Double Base) ดินขับชนิดสองฐาน (Double Base) ผลิตขึ้นโดยใช้วัสดุในประเทศ ทั้งสิ้น แท่งดินขับ เป็นแบบดินเปลือย ไม่มีการหุ้มดินขับ เนื่องจากขณะนั้น ยังขาดวัสดุซึ่งจำเป็นสำหรับการหุ้มดินขับ จรวดจึงมีสมรรถนะจำกัด เนื่องจาก ต้องใช้ท่อจรวดที่สร้าง จากเหล็กที่ทนความร้อน จากการเผาไหม้ของดินขับจรวด จึงมีน้ำหนักมาก

เห่าฟ้า-5 MOD 1 จรวดขนาด 2.75 นิ้ว ในปี พ.ศ.2529 ศวอ.ทอ. ได้รับ อนุมัติให้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาจรวดอากาศ ขนาด 2.75 นิ้ว ดินขับ Composite ใช้ชื่อว่า "จรวดเห่าฟ้า-5 MOD 1" ซึ่งได้ดำเนินการจนประสบผลสำเร็จ และได้มี การทดลองยิงจรวดดังกล่าวจาก บ.จ.5 (OV-10C) จำนวน 2 ครั้ง ใช้จรวดรวม 60 นัด ผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ จรวดทำงานได้อย่างถูกต้อง และมีความแม่นยำ

ต่อมาในปี พ.ศ.2531 สพ.ทอ.ได้ปรับปรุงโรงงานผลิตจรวดที่ บน.2 เพื่อผลิตจรวดอากาศขนาด 2.75 นิ้ว แบบ Mk 40 อันเป็นจรวดสมรรถนะปานกลางที่ใช้ในการฝึก ซึ่ง คณก.มาตรฐานระบบอาวุธ ทอ. ได้รับรองมาตรฐานจรวดอากาศขนาด 2.75 นิ้ว Mk 40 ของ สพ.ทอ. เมื่อปีพ.ศ.2534 และมีการผลิตใช้งานใน ทอ. สืบต่อมา

เห่าฟ้า-5 MOD X ในช่วงเวลา ประมาณปี พ.ศ.2530-2534 ทอ.ของประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศในกลุ่ม NATO และทอ.ไทย ได้รับจรวดอากาศขนาด 2.75 นิ้ว แบบใหม่เข้าประจำการคือ จรวด CRV-7 (Canadian Rocket Vehicle - 7) ผลิตในประเทศแคนาดา เป็นจรวดซึ่งใช้ดินขับ Composite มีสมรรถนะสูงกว่าจรวด 2.75 นิ้วที่ใช้ดินขับ Double Base แบบเดิม

ศวอ.ทอ.จึงพัฒนาปรับปรุงจรวดเห่าฟ้า-5 MOD 1 ให้มีสมรรถนะสูงเทียบเท่า จรวดมาตรฐาน NATO โดยเรียกชื่อว่า "จรวดเห่าฟ้า-5 MOD X" ทั้งนี้มีเป้าหมายที่ จะพัฒนาคุณภาพ ของจรวดที่ผลิตให้มีความปลอดภัย ในการใช้งาน และมีความเชื่อถือได้สูงอยู่ใน ระดับมาตรฐานสากล เช่นเดียวกับ จรวดมาตรฐาน NATO

จรวดธนูฟ้า ซึ่งถูกออกแบบให้ยิงสกัดกั้นเป้าหมายระดับความสูงตั้งแต่ 16,000 ฟุตจนถึง 20,000 ฟุต จรวดธนูฟ้าเป็นพัฒนาการที่ก้าวหน้าควรค่าแห่งความภูมิใจ เพราะเป็นจรวดขนาดมาตรฐานขนาด 2.75 นิ้วเหมือนประเทศอื่น กองทัพอากาศทำการวิจัย พัฒนา และสร้างเองทั้งหมด โดยมิได้อาศัยวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศนอกจากวัตถุดิบบางอย่างที่จำเป็นต้องนำเข้า นับเป็นจรวดแบบมาตรฐานโลกที่คนไทย (วพย.ศวท.ทอ.) พัฒนาและสร้างเองทั้งหมดทุกชิ้นส่วน

จรวดธนูฟ้าหนัก 18.3 ปอนด์ ยาว 4.8 นิ้ว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.75 นิ้ว ระยะยิงไกลสุด 5 ไมล์หรือ 8 กิโลเมตร น้ำหนักหัวรบ 6.5 ปอนด์ ใช้ชนวนแตกอากาศเริ่มทำงานเมื่อยิงออกไปได้ประมาณ 10-15 วินาที ใช้ฐานยิงบรรจุ 4 นัดขนาดเล็กกะทัดรัด

ก่อนหน้านี้โครงการพัฒนาจรวดธนูฟ้าถูกตั้งชื่อว่า ‘แซม-เอ็กซ์โอ’ ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาประมาณ 10 เดือนกระทั่งประสบความสำเร็จเข้าสู่สายการผลิต จรวดธนูฟ้าเป็นจรวดชนวนแตกอากาศที่ระดับความสูง 16,000 ถึง 20,000 ฟุต ใช้หัวรบชนิดฟรักเมนเตชัน (Fragmentation) บรรจุเม็ดโลหะให้ความร้อนสูงถึง 3,300 องศาเซลเซียส เม็ดโลหะจำนวนมากในหัวรบจะแตกกระจายในวงกว้าง เมื่อสำผัสโดนลำตัวเครื่องบินเม็ดโลหะจะเกิดไฟลุกไหม้ทันที

จรวดธนูฟ้าแต่ละนัดสามารถครอบคลุมพื้นที่มากถึ ง 18,000 ตารางเมตร อำนาจทำลายรัศมีทรงกลมโดยรอบประมาณ 50 เมตรหรือเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 เมตร สามารถยิงเป็นฉากสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึกที่ระดับความสูง 4,000 ถึง 6,000 ฟุต อำนาจการทำลายจึงเหนือกว่าทั้งจรวดเห่าฟ้า-1 และจรวดเห่าฟ้า-2

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่