อาอึ้ม (คุณแม่ของแม่นันเองค่ะ)
เสียดาย.ถ้าภาษาจีน (แต้จิ๋ว) ของเราจะหายไป...
อาตั่วตี๋ได้ยินแม่นันฮัมเพลง "อ่อง อ๋อง เอ...กล่อมเจ้าหมาน้อย
...."มามี้..นี่มันเพลงที่มามี้ใช้กล่อมภูมิตอนเด็กๆนี่นา" อาตั่วตี๋ทำสีหน้าดีใจ
...."โห..ภูมิจำได้ด้วยเหรอ มันนานมากแล้วนะ" แม่นันก็ดีใจที่อาตั่วตี๋จำได้ เป็นเพลงเดียวที่แม่นันใช้ร้องกล่อมอาตั่วตี๋ เหมือนตอนที่อาอึ้ม (คุณแม่) ใช้ร้องกล่อมแม่นันตอนเด็กๆอยู่เพลงเดียวเช่นกัน
อาป๊ะ (คุณพ่อ)
แม่นันเป็นลูกคนจีนแท้ๆ ค่ะ ที่บ้านพูดจีนแต้จิ๋วกันตั้งแต่เด็กๆ ตอนเป็นเบ่บี๋ก็ได้ยินแต่เพลงกล่อม อ่อง อ๋อง เอ... อ๋องกิมก๋อง เอ... เคยได้ยินกันมั้ยคะ??? ไม่เคยได้ยินอาอึ้มร้องเพลงอื่นเลย...ฟังจนซึมเข้าเส้นเลือดใหญ่น้อย ผลพลอยได้คือ พอลูกเกิดก็ใช้เพลงนี้กล่อมลูก แล้วก็เป็นเพลงเดียวจริงๆ ที่ใช้กล่อมลูกจนโต.... แต่เท่าที่จำได้เนื้อร้องเป็นแบบนี้ อาตั่วแจ้บอกว่าบ้านถัดไปอาจจะร้องไม่เหมือนเราก็ได้ บางทีคนเป็นแม่ก็แต่งประโยคใหม่ใส่ความหมายดีๆให้สอดคล้องในทำนองเดิม
ด.ญ.น้องเล็ก (แม่นันตัวน้อยๆ)
เนื้อร้องของที่บ้านคล้ายๆของมาม้าบุญธรรมค่ะ ส่วนทำนอง.. อาอึ้ม ใช้วิธีเอื้อนในลำคอค่ะ เพราะย้อนไปเจ็ดสิบกว่าปีก่อน (ลองเอาอายุพี่สาวคนโตเป็นหลัก) อาอึ้มก็ร้องกล่อมปากเปล่าให้ลูกๆฟัง
อินโทรแต่ละบ้านก็จะขึ้นไม่เหมือนกัน ของที่บ้านแม่นันใช้
Intro.. อ่อง อ๋อง เอ" "อ่อง..กิม..ก๋อง...
อ๋องเอ อ่องกิมก๋อง กิมก๋องจอเหล่าเตีย (เจ้าหนูเอ๋ยเจ้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต)
อาบุ๊ง อาบู้ ไหล่ตาเฮีย ตาเฮียตาผู่พู้ (บ่าวไพร่ต่างมาช่วยกันยก ยกให้สูงๆ)
ฉี่ตือ ฉี่เก้า ตั่วก๊วยงู้ ตั่วงู้แซแบ๋เกี้ย (เลี้ยงหมู เลี้ยงหมา ตัวโตกว่าวัว วัวตัวโตออกลูกเป็นม้า)
แบ๋เกี้ยแซจิงจู จิงจูล่งล่งอี๊ (ลูกม้าออกลูกเป็นไข่มุก ไข่มุกกลมๆกลิ้งไปมา)
อาเสี่ยถักจือ ฮูคี้ ขี่ อาโน้วถักจือเตียงทัมฮวย (อาเสี่ยเรียนหนังสือไปสอบจอหงวน สอบเทียบชั้นทัมฮวย)
ท้ายๆ เพื่อนๆช่วยแปลต่อนะคะ
ทัมฮวยกุ๊ย ทั่มฮวยตั่ว หะไหล่กั่งหะหงั่ว
หะหงั่วหนั่งแคะไล้ หะไหลเทียมเทงไต๊
เทียมไต๊ เทียมปู้ปู่ ฮักชั้งขี่ตั่วฉู่
ตั่วฉู่ตั่วอวงอวง โงวต่อไหล่เซียงท้วง
*นั้มไก่เต้งกิมปั๊ง นึ่งไก่ตีฮวงควง
ห่วงทวงตี้ถ่วงถ่วงอี๊ จิงเฉี่ยถั่งเชี้ยวก้วยจื๋อนี้
ชิกจื้อโป่ยไส่ไหล่ไป้สิ่ว หะแกถ่งถ่งอี๊
เป็นไงคะ ฟังแล้วให้คิดถึงตักอุ่นๆและเสียงอันอ่อนโยนของแม่มั้ยคะ
.
.
ที่มาของหัวใจที่ต้องการเขียนขึ้นมาเพราะ เสียดายค่ะ เสียดายถ้าภาษา(จีน) ของเราจะหายไป โดยเฉพาะจีนแต้จิ๋วซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นที่สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครนิยมใช้กันแล้ว นอกจากเจ้าของภาษาจริงๆ แม่นันไม่ได้พูดเก่งนะคะ เพียงแต่โชคดีที่ได้ใช้ตั้งแต่เล็กจนโตกับครอบครัว แถมสมัยก่อนตรอก หรือซอยที่แม่นันอยู่ก็พูดแต้จิ๋วกันทั้งซอย ตัวเล็กตัวน้อยพูดกันได้หมด แถมอาม่าแถวบ้านตอนเช้าๆ ยังฟังข่าวฟังธรรมจากวิทยุ (อะไรก็ไม่รู้ ลำโพงใหญ่มาก..ก มาทราบทีหลังว่าเรียก หลีตีฮูเชีย) ลองฟังบทนี้ค่ะ เพราะและมีความหมายมาก สอนพวกเราทางสายทุกเช้าโดยไม่ต้องจ่ายค่าเรียนเลยค่ะ
แกหมึ่งเก็ง
แล้วแรงบันดาลใจที่ทำให้แม่นันหันมาพูดภาษาจีนกับลูกๆ ทั้งสองก็คือ อาอึ้ม(คุณแม่)ค่ะ ท่านจากไปตอนลูกชายคนโตอายุได้ 3 เดือน ซึ่งตอนนั้นแม่นันไม่เคยคิดที่จะพูดกับลูกด้วยจีนแต้จิ๋วของเราเลย จนกระทั่งผ่านไปได้เกือบ 5 ปี
เอ๊ะ...ทำไมแม่นันเริ่มพูดภาษาจีนตะกุกตะกัก มันไม่ลื่นเหมือนสมัยที่ใช้สนทนากับอาอัม หรืออาม่าของเด็กๆ ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ หรือเวลาไปเยี่ยมท่านที่บ้านสามพราน ไม่ได้การล่ะ แม่นันพยายามพูดกับพี่ๆเป็นภาษาจีน ซึ่งส่วนใหญ่จะติดต่อกันทางโทรศัพท์ แต่ก็อีกล่ะ เราไม่ได้พูดกันทุกวันนี่นา ถ้าเป็นอย่างนี้ภาษาจีนของแม่นันต้องมลายหายไปพร้อมๆ กับอาอึ้ม (อาม่า) แน่ๆ เลย
อาโซ้ยตี๋ เป็นหนุ่มแล้วค่ะ เสียดายไม่ทันได้เห็นอาม่า
แม่นันจึงตัดสินใจเริ่มสนทนากับลูกเป็นภาษาจีน ประจวบกับขณะนั้นแม่นันกำลังท้องเจ้าโซ้ยตี๋พอดี ดังนั้นเจ้าโซ้ยตี๋จึงได้ฟังแม่นันคุยภาษาจีนกับเค้าผ่านผนังหน้าท้อง ตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งวันนี้อาโซ้ยตี๋ (น้องภาม) ต้องเรียกว่านายภามสิ อายุ 20 ปีแล้วค่ะ ยังสนทนาแต้จิ๋วกับมามี้ อาอี๊ อากู๋ อาเจ็ก อาโกว แล้วก็อาม่า (แปลกหน้า) ที่เจอกันตอนจ่ายตลาดในซุปเปอร์มาเก็ตได้ (แต่เป็นบทสนทนาพื้นๆนะคะ ศัพท์สูงๆแม่นันเองยังต้องพึ่งอาแจ้ทั้งหลายแปลให้ฟังค่ะ)
ตอนภามอายุ 7 หรือ 8 ขวบ ได้ไปออกทริปศิลปะกับคุณครูที่สิงคโปร์ กลับมาถึงบ้าน
"มามี้..ภาม เทีย เตียะ หนั่ง ผ่วย เตี่ยจิวอ่วย. ภาม โอ่ยเทีย ต๊า หนั่ง ผ่วย มิสื่อ" (มามี้ ภามได้ยินคนเค้าสนทนาเป็นจีนแต้จิ๋วด้วย ภามพอฟังออกว่าเค้าพูดอะไรกันด้วย)
เสียดายจังค่ะที่อาม่าไม่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นความน่ารักของอาม่า และหลานๆ เวลาสนทนากันค่ะ ยิ่งมีเจ้าหมาน้อยฟังภาษาจีนรู้เรื่องด้วย อาม่าหลงตายเลย (เวลามันเรียกคืนไม่ได้นะคะ แต่เราเรียกความสุขคืนได้ทุกนาทีเลยค่ะ)
แม่นันกำลังจะบอกว่าอย่าทิ้งจีนแต้จิ๋วของเราเลยนะคะ เสียดายค่ะ ถ้ามันจะหายไปพร้อมๆ กับบรรพบุรุษเหมือนอาหารโบราณๆ แม่นันคิดว่าเด็กสมัยนี้ที่มีคุณพ่อ คุณแม่ที่มีเชื้อสายจีน แทบจะ 90 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ใช้สนทนากันในชีวิตประจำวันเลยค่ะ ยังไม่สายนะคะ ถ้าจะเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ จริงมั้ยคะ???
.
เสียดาย.ถ้าภาษาจีน (แต้จิ๋ว) ของเราจะหายไป...
...."มามี้..นี่มันเพลงที่มามี้ใช้กล่อมภูมิตอนเด็กๆนี่นา" อาตั่วตี๋ทำสีหน้าดีใจ
...."โห..ภูมิจำได้ด้วยเหรอ มันนานมากแล้วนะ" แม่นันก็ดีใจที่อาตั่วตี๋จำได้ เป็นเพลงเดียวที่แม่นันใช้ร้องกล่อมอาตั่วตี๋ เหมือนตอนที่อาอึ้ม (คุณแม่) ใช้ร้องกล่อมแม่นันตอนเด็กๆอยู่เพลงเดียวเช่นกัน
Intro.. อ่อง อ๋อง เอ" "อ่อง..กิม..ก๋อง...
อ๋องเอ อ่องกิมก๋อง กิมก๋องจอเหล่าเตีย (เจ้าหนูเอ๋ยเจ้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต)
อาบุ๊ง อาบู้ ไหล่ตาเฮีย ตาเฮียตาผู่พู้ (บ่าวไพร่ต่างมาช่วยกันยก ยกให้สูงๆ)
ฉี่ตือ ฉี่เก้า ตั่วก๊วยงู้ ตั่วงู้แซแบ๋เกี้ย (เลี้ยงหมู เลี้ยงหมา ตัวโตกว่าวัว วัวตัวโตออกลูกเป็นม้า)
แบ๋เกี้ยแซจิงจู จิงจูล่งล่งอี๊ (ลูกม้าออกลูกเป็นไข่มุก ไข่มุกกลมๆกลิ้งไปมา)
อาเสี่ยถักจือ ฮูคี้ ขี่ อาโน้วถักจือเตียงทัมฮวย (อาเสี่ยเรียนหนังสือไปสอบจอหงวน สอบเทียบชั้นทัมฮวย)
ท้ายๆ เพื่อนๆช่วยแปลต่อนะคะ
ทัมฮวยกุ๊ย ทั่มฮวยตั่ว หะไหล่กั่งหะหงั่ว
หะหงั่วหนั่งแคะไล้ หะไหลเทียมเทงไต๊
เทียมไต๊ เทียมปู้ปู่ ฮักชั้งขี่ตั่วฉู่
ตั่วฉู่ตั่วอวงอวง โงวต่อไหล่เซียงท้วง
*นั้มไก่เต้งกิมปั๊ง นึ่งไก่ตีฮวงควง
ห่วงทวงตี้ถ่วงถ่วงอี๊ จิงเฉี่ยถั่งเชี้ยวก้วยจื๋อนี้
ชิกจื้อโป่ยไส่ไหล่ไป้สิ่ว หะแกถ่งถ่งอี๊
เป็นไงคะ ฟังแล้วให้คิดถึงตักอุ่นๆและเสียงอันอ่อนโยนของแม่มั้ยคะ
.
.
ที่มาของหัวใจที่ต้องการเขียนขึ้นมาเพราะ เสียดายค่ะ เสียดายถ้าภาษา(จีน) ของเราจะหายไป โดยเฉพาะจีนแต้จิ๋วซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นที่สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครนิยมใช้กันแล้ว นอกจากเจ้าของภาษาจริงๆ แม่นันไม่ได้พูดเก่งนะคะ เพียงแต่โชคดีที่ได้ใช้ตั้งแต่เล็กจนโตกับครอบครัว แถมสมัยก่อนตรอก หรือซอยที่แม่นันอยู่ก็พูดแต้จิ๋วกันทั้งซอย ตัวเล็กตัวน้อยพูดกันได้หมด แถมอาม่าแถวบ้านตอนเช้าๆ ยังฟังข่าวฟังธรรมจากวิทยุ (อะไรก็ไม่รู้ ลำโพงใหญ่มาก..ก มาทราบทีหลังว่าเรียก หลีตีฮูเชีย) ลองฟังบทนี้ค่ะ เพราะและมีความหมายมาก สอนพวกเราทางสายทุกเช้าโดยไม่ต้องจ่ายค่าเรียนเลยค่ะ
เอ๊ะ...ทำไมแม่นันเริ่มพูดภาษาจีนตะกุกตะกัก มันไม่ลื่นเหมือนสมัยที่ใช้สนทนากับอาอัม หรืออาม่าของเด็กๆ ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ หรือเวลาไปเยี่ยมท่านที่บ้านสามพราน ไม่ได้การล่ะ แม่นันพยายามพูดกับพี่ๆเป็นภาษาจีน ซึ่งส่วนใหญ่จะติดต่อกันทางโทรศัพท์ แต่ก็อีกล่ะ เราไม่ได้พูดกันทุกวันนี่นา ถ้าเป็นอย่างนี้ภาษาจีนของแม่นันต้องมลายหายไปพร้อมๆ กับอาอึ้ม (อาม่า) แน่ๆ เลย
แม่นันจึงตัดสินใจเริ่มสนทนากับลูกเป็นภาษาจีน ประจวบกับขณะนั้นแม่นันกำลังท้องเจ้าโซ้ยตี๋พอดี ดังนั้นเจ้าโซ้ยตี๋จึงได้ฟังแม่นันคุยภาษาจีนกับเค้าผ่านผนังหน้าท้อง ตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งวันนี้อาโซ้ยตี๋ (น้องภาม) ต้องเรียกว่านายภามสิ อายุ 20 ปีแล้วค่ะ ยังสนทนาแต้จิ๋วกับมามี้ อาอี๊ อากู๋ อาเจ็ก อาโกว แล้วก็อาม่า (แปลกหน้า) ที่เจอกันตอนจ่ายตลาดในซุปเปอร์มาเก็ตได้ (แต่เป็นบทสนทนาพื้นๆนะคะ ศัพท์สูงๆแม่นันเองยังต้องพึ่งอาแจ้ทั้งหลายแปลให้ฟังค่ะ)
ตอนภามอายุ 7 หรือ 8 ขวบ ได้ไปออกทริปศิลปะกับคุณครูที่สิงคโปร์ กลับมาถึงบ้าน
"มามี้..ภาม เทีย เตียะ หนั่ง ผ่วย เตี่ยจิวอ่วย. ภาม โอ่ยเทีย ต๊า หนั่ง ผ่วย มิสื่อ" (มามี้ ภามได้ยินคนเค้าสนทนาเป็นจีนแต้จิ๋วด้วย ภามพอฟังออกว่าเค้าพูดอะไรกันด้วย)
เสียดายจังค่ะที่อาม่าไม่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นความน่ารักของอาม่า และหลานๆ เวลาสนทนากันค่ะ ยิ่งมีเจ้าหมาน้อยฟังภาษาจีนรู้เรื่องด้วย อาม่าหลงตายเลย (เวลามันเรียกคืนไม่ได้นะคะ แต่เราเรียกความสุขคืนได้ทุกนาทีเลยค่ะ)
แม่นันกำลังจะบอกว่าอย่าทิ้งจีนแต้จิ๋วของเราเลยนะคะ เสียดายค่ะ ถ้ามันจะหายไปพร้อมๆ กับบรรพบุรุษเหมือนอาหารโบราณๆ แม่นันคิดว่าเด็กสมัยนี้ที่มีคุณพ่อ คุณแม่ที่มีเชื้อสายจีน แทบจะ 90 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ใช้สนทนากันในชีวิตประจำวันเลยค่ะ ยังไม่สายนะคะ ถ้าจะเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ จริงมั้ยคะ???
.