รีวิว พนอ
หนังจะเล่าต้นกำเนิดของ ครู พนอ หญิงสาวที่เกิดมาในช่วงทำพิธีปล่อยของ ทำให้เป็นที่รังเกียจแก่คนทั้งหมู่บ้าน แต่ชีวิตของเธอก็โดนความโหดร้ายต่าง ๆ กระทำมาไม่หยุดหย่อน แล้วชีวิตของพนอจะลงเอยอย่างไรกันล่ะ
ตัวหนังทำให้ พนอ มีความเป็นกึ่ง ๆ ซูเปอร์ฮีโร่เหนือธรรมชาตินิดหน่อย มีความดูดพลัง ปล่อยพลังมืดใส่คนอื่น ซึ่งมันดูขัด ๆ กับตัวละคร ครู พนอ วัยผู้ใหญ่ที่เป็นคนเล่นของที่ติดดินกว่านี้
การเล่าเรื่องทำได้ไวเกินไป ไม่ได้ให้เวลาตัวละครในเรื่องได้สานสัมพันธ์หรือสร้างความอินให้แก่คนดูเท่าไหร่นัก ยังไม่ทันได้อินกับความเป็นเพื่อนของพนอกับคนอื่น ๆ หรือความสัมพันธ์สไตล์ Toxic ระหว่าง พนอ กับแม่ และตัวละครอื่น ๆ ที่ค่อนข้างเยอะ แต่หนังไม่ให้เวลาให้เราได้ซึมซับความรู้สึกเหล่านั้นเลย
แต่ถ้าว่าด้วยความโหด การทรมาน ทรกรรมคนล่ะก็ หนังเรื่องนี้มีทำให้หวาดเสียวได้ตลอดครับ ฉากทำร้ายคนก็ให้เห็นจะ ๆ พวกบาดแผลต่าง ๆ ทำได้สมจริงมาก งานเมคอัพดีงามสุด ๆ ครับ
รวมถึงงานฉากการทำพร็อบต่าง ๆ พวกของประดับในลานพิธีกรรมหรือห้องที่ใช้ทำพิธีเล่นของก็ดูหลอน ๆ ดีครับ มันดูจริงไม่ดูปั้นแต่ง แต่ถ้าเทียบกับหนัง ลองของ ในยุคก่อน อันนั้นต้องบอกว่า ลองของ มันดิบกว่านะ
การแสดงนั้น นี่ไม่ใช่การมองในฐานะแฟนคลับ แต่เป็นการมองของคนดูหนังก็ต้องบอกว่า เฌอปราง พอจะแบกหนังได้นิดหน่อย ชอบการส่งสายตา แววตาของเธอมันสื่ออารมณ์ความรู้สึกในช่วงขณะนั้นออกมาให้คนดูได้สัมผัสถึงอยู่ แต่การพูด น้ำเสียง ยังดูแปลก ๆ ดูโมโนโทน หรือถ้ามองในภาพรวมเหมือนว่ายังบรีฟบทไม่ละเอียดเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับการแสดงที่ผ่าน ๆ มาก็ดีขึ้นล่ะนะ อาจจะไม่ได้ดีเลิศขนาดนั้นก็เถอะ
ส่วนคนอื่น ๆ รู้สึกเฉย ๆ มากกว่าบทมันไม่ส่งให้เด่นเลย อาจจะมีน้า สหัสชัย ชุมรุม ที่พอให้จดจำได้บ้างนะ แต่แกก็เล่นเท่าที่บทมีให้ และก็น่าเสียดายที่ถ้าให้น้าแกเป็นบอสหลักของเรื่องจะดูทรงพลังกว่านี้เยอะ
พวกบทพูดก็ต้องบอกว่าอย่างคริ้นจ์ เบียวจัด ๆ โดยเฉพาะตัวละครที่ชื่อ เปี๊ยก เหมือนพี่แกเอามาจากบทพูดตัวละครในมังงะโชเน็น จากที่ตึง ๆ อยู่กลายเป็นฮาไปซะอย่างงั้น
เอาเป็นว่าลองไปดูกันครับ ใครชอบหนังสยองขวัญมนต์ดำไทย ๆ ก็ลองไปชมดู หรือใครเป็นแฟนคลับ โอชิเฌอปราง ก็ต้องไปดูกัน ตัวหนังโดดเด่นเรื่องความสยอง การทรมานคน ความโหดที่ถ่ายทอดออกมา รวมถึงเรื่องราวของลัทธิบูชาเทพสามตามันก็ดูมี Lore น่าสนใจดี แต่ตัวหนังไม่ได้ไปโฟกัสอะไรขนาดนั้น
รีวิว พนอ หนังสยองขวัญไทย เล่าย้อนชีวิตครูพนอ สยองได้ใจ แต่แฝงไว้ด้วยความเบียว
หนังจะเล่าต้นกำเนิดของ ครู พนอ หญิงสาวที่เกิดมาในช่วงทำพิธีปล่อยของ ทำให้เป็นที่รังเกียจแก่คนทั้งหมู่บ้าน แต่ชีวิตของเธอก็โดนความโหดร้ายต่าง ๆ กระทำมาไม่หยุดหย่อน แล้วชีวิตของพนอจะลงเอยอย่างไรกันล่ะ
ตัวหนังทำให้ พนอ มีความเป็นกึ่ง ๆ ซูเปอร์ฮีโร่เหนือธรรมชาตินิดหน่อย มีความดูดพลัง ปล่อยพลังมืดใส่คนอื่น ซึ่งมันดูขัด ๆ กับตัวละคร ครู พนอ วัยผู้ใหญ่ที่เป็นคนเล่นของที่ติดดินกว่านี้
การเล่าเรื่องทำได้ไวเกินไป ไม่ได้ให้เวลาตัวละครในเรื่องได้สานสัมพันธ์หรือสร้างความอินให้แก่คนดูเท่าไหร่นัก ยังไม่ทันได้อินกับความเป็นเพื่อนของพนอกับคนอื่น ๆ หรือความสัมพันธ์สไตล์ Toxic ระหว่าง พนอ กับแม่ และตัวละครอื่น ๆ ที่ค่อนข้างเยอะ แต่หนังไม่ให้เวลาให้เราได้ซึมซับความรู้สึกเหล่านั้นเลย
แต่ถ้าว่าด้วยความโหด การทรมาน ทรกรรมคนล่ะก็ หนังเรื่องนี้มีทำให้หวาดเสียวได้ตลอดครับ ฉากทำร้ายคนก็ให้เห็นจะ ๆ พวกบาดแผลต่าง ๆ ทำได้สมจริงมาก งานเมคอัพดีงามสุด ๆ ครับ
รวมถึงงานฉากการทำพร็อบต่าง ๆ พวกของประดับในลานพิธีกรรมหรือห้องที่ใช้ทำพิธีเล่นของก็ดูหลอน ๆ ดีครับ มันดูจริงไม่ดูปั้นแต่ง แต่ถ้าเทียบกับหนัง ลองของ ในยุคก่อน อันนั้นต้องบอกว่า ลองของ มันดิบกว่านะ
การแสดงนั้น นี่ไม่ใช่การมองในฐานะแฟนคลับ แต่เป็นการมองของคนดูหนังก็ต้องบอกว่า เฌอปราง พอจะแบกหนังได้นิดหน่อย ชอบการส่งสายตา แววตาของเธอมันสื่ออารมณ์ความรู้สึกในช่วงขณะนั้นออกมาให้คนดูได้สัมผัสถึงอยู่ แต่การพูด น้ำเสียง ยังดูแปลก ๆ ดูโมโนโทน หรือถ้ามองในภาพรวมเหมือนว่ายังบรีฟบทไม่ละเอียดเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับการแสดงที่ผ่าน ๆ มาก็ดีขึ้นล่ะนะ อาจจะไม่ได้ดีเลิศขนาดนั้นก็เถอะ
ส่วนคนอื่น ๆ รู้สึกเฉย ๆ มากกว่าบทมันไม่ส่งให้เด่นเลย อาจจะมีน้า สหัสชัย ชุมรุม ที่พอให้จดจำได้บ้างนะ แต่แกก็เล่นเท่าที่บทมีให้ และก็น่าเสียดายที่ถ้าให้น้าแกเป็นบอสหลักของเรื่องจะดูทรงพลังกว่านี้เยอะ
พวกบทพูดก็ต้องบอกว่าอย่างคริ้นจ์ เบียวจัด ๆ โดยเฉพาะตัวละครที่ชื่อ เปี๊ยก เหมือนพี่แกเอามาจากบทพูดตัวละครในมังงะโชเน็น จากที่ตึง ๆ อยู่กลายเป็นฮาไปซะอย่างงั้น
เอาเป็นว่าลองไปดูกันครับ ใครชอบหนังสยองขวัญมนต์ดำไทย ๆ ก็ลองไปชมดู หรือใครเป็นแฟนคลับ โอชิเฌอปราง ก็ต้องไปดูกัน ตัวหนังโดดเด่นเรื่องความสยอง การทรมานคน ความโหดที่ถ่ายทอดออกมา รวมถึงเรื่องราวของลัทธิบูชาเทพสามตามันก็ดูมี Lore น่าสนใจดี แต่ตัวหนังไม่ได้ไปโฟกัสอะไรขนาดนั้น