โลกร้อนทำญี่ปุ่นเผชิญ ‘วิกฤติกะหล่ำปลี’ ร้านอาหารลดปริมาณเสิร์ฟ



โลกร้อนทำญี่ปุ่นเผชิญ ‘วิกฤติกะหล่ำปลี’ ร้านอาหารลดปริมาณเสิร์ฟ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก่อให้เกิด “วิกฤติกะหล่ำปลี” ในประเทศญี่ปุ่น จนร้านอาหารบางแห่งต้องลดปริมาณการเสิร์ฟลง

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงซึ่งก่อให้เกิดคลื่นความร้อนในฤดูร้อน และฝนตกหนักกว่าปกติเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรเสียหาย และทำให้ผักใบเขียวมีราคาสูงขึ้น ซึ่งสื่อต่าง ๆ ของญี่ปุ่นเรียกว่า “วิกฤติกะหล่ำปลี”

ร้านอาหาร “คัตสึคิจิ” ในกรุงโตเกียว ซึ่งให้บริการเติมกะหล่ำปลีฟรีไม่อั้น สำหรับเมนูทงคัตสึ ต้องลดปริมาณกะหล่ำปลีลงเล็กน้อยในแต่ละจาน เนื่องจากผักมีราคาแพงกว่าปกติถึง 3 เท่า ตามรายงานของกระทรวงเกษตรญี่ปุ่น

นายคัตสึมิ ชินางาวะ เชฟประจำร้าน ระบุว่า เขาพร้อมที่จะรับมือกับราคาแป้งที่เริ่มสูงขึ้น แต่ไม่ใช่กับกะหล่ำปลีที่ราคาขายในซูเปอร์มาร์เก็ตแพงจนน่าตกใจ “กะหล่ำปลีเคยมีราคาประมาณ 100 เยน (ราว 21 บาท) ต่อหัว แต่ตอนนี้ราคาพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 400 เยน (ราว 86 บาท) ต่อหัว”

“วิกฤติกะหล่ำปลี” กำลังเป็นประเด็นร้อนบนโลกโซเชียลมีเดียของญี่ปุ่น จากการที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในจังหวัดเฮียวโงะ ทางตอนใต้ของประเทศ ตั้งราคากะหล่ำปลีหนึ่งหัวถึง 1,000 เยน (ราว 216 บาท)

“อากาศร้อนแผดเผากะหล่ำปลีบางหัวไหม้จนตาย ขณะที่ความร้อนทำให้กะหล่ำปลีขาดน้ำและเหี่ยวเฉา” นายโมริฮิสะ ซูซูกิ จากสหพันธ์การเกษตรในจังหวัดไอจิ ทางตอนกลางของประเทศ กล่าว 

ทั้งนี้ เกษตรกรในจังหวัดไอจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เพาะปลูกกะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ต้องดิ้นรนจากผลผลิตที่ลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ.

เครดิตภาพ : AFP

ข่าวจาก : เดลินิวส์ออนไลน์

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่