ประสบการณ์การเป็นไวรัสตับอักเสบเอ

เราเคยเป็นไวรัสตับอักเสบเอ ซึ่งโชคดีที่หายเองได้และไม่เป็นซ้ำ ตอนแรกมีไข้สูง กินยาพาราก็ไม่หาย แถมต้องทำงานสำคัญ เลยกินพาราเยอะขึ้น อาการแย่ลงเรื่อย ๆ เพลียหนัก ฉี่เหลืองเข้มผิดปกติ

จำได้ว่าไปหาหมอถึง 3 ครั้งกว่าจะได้แอดมิด เพราะไปแต่ละครั้ง หมอให้แค่ยากลับมากิน (ไปแบบสิทธิ์ ปกส) จนครั้งที่ 3 อาการเริ่มหนักขึ้น ปวดท้อง ไข้สูง ตัวเหลืองแบบขมิ้น ตาขาวก็เหลือง แถมเป็นช่วงโควิดระบาดอีก

ไปถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า แต่กว่าจะได้ตรวจก็บ่ายสาม เพลียสุด ๆ หมอเกือบให้กลับบ้าน เราเลยบอกหมอเลยว่าอาการไม่ค่อยดีและบอกหมอว่าเรามีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง ด้วยนะอย่างน้อยให้เรารักษาที่บ้านเราควรรู้ว่าเราเป็นอะไร หมอเลยรีบเจาะเลือดตรวจ ปรากฏว่าค่าตับพุ่งไปพันกว่า (ปกติไม่เกิน 40) ค่าตัวเหลืองหรือภาวะดีซ่านประมาณ  300-600 mg/dL จำดีเทลไม่ค่อยได้ หมอเลยให้แอดมิดทันที

ช่วงรักษา หมอห้ามกินอาหารสีแดง (แต่จำไม่ได้ว่าทำไม) อาการคือเพลียหนัก ปวดท้อง ไม่อยากกินข้าว หน้าท้องบวม ความดันต่ำจนพยาบาลต้องวัดที่ต้นขา โดนเจาะเลือดทุกวัน วันละ 3-5 รอบ แขนแทบไม่มีที่ให้เจาะแล้ว

นอนโรงพยาบาลประมาณอาทิตย์นึง หมอเฝ้าดูค่าตับ ค่าตัวเหลืองทุกวัน ให้ยาและน้ำเกลือเต็มที่ จนค่าตับเริ่มลดถึงให้กลับบ้าน แต่ตอนนั้นโทรมสุด ๆ เพราะแทบไม่ได้กินอะไรเลย กลับบ้านแล้วยังเหลืองอยู่ หมอบอกว่าเป็นดีซ่าน ต้องค่อย ๆ ฟื้นตัว

หลังออกโรงพยาบาลก็ยังเพลีย ต้อง follow-up กับหมอเรื่อย ๆ จนผ่านไป 2-3 อาทิตย์ อาการตัวเหลืองถึงหายเป็นปกติ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่ามองข้ามอาการป่วย ถ้ารู้สึกผิดปกติ รีบไปหาหมอ ถ้าหมอไม่ให้แอดมิดให้ยืนยันขอตรวจอย่างละเอียด เพราะถ้าปล่อยไว้ อาจจะแย่กว่านี้ก็ได้!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่