สวัสดีครับเพื่อนๆ เที่ยวไปได้บุญ
จะพาท่านไปตามหาศิลาจารึกภาษาไทยที่กัมพูชา
ศิลาจารึกที่ว่านี้มีความเป็นมาครั้งที่
เจ้าพระยาบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนีย์)
แม่ทัพไทยสมัยรัชกาลที่ 3
ยกทัพไปรบกับญวนโดยสมรภูมิส่วนใหญ่
อยู่ในดินแดนเขมร
สภาพบ้านเมืองสมัยนั้นมีแต่ซากปรักหักพัง
เพราะผลการสู้รบ
โดยเฉพาะวัดทางพุทธสาสนา
ดังนั้นเจ้าพระยาบดินทร์เดชา
จึงสั่งให้บูรณะวัดต่างๆ และเขียนเป็นศิลาจารึก
ไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง
ผมอยากจะเห็นศิลาจารึกภาษาไทยในต่างประเทศ
จึงเป็นที่มาของภาระกิจนี้
เริ่มกันจากที่พักคือโรงแรมรีเจ้นท์ปาร์คโฮเต็ล
ซึ่งเจ้าของโรงแรมเป็นคนไทย
และอยู่กลางกรุงพนมเปญ
ผมเรียกรถตุ๊กตุ๊กของเขมร
ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซด์ต่อพ่วง
ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง
คนขับรถตุ๊กตุ๊กก็พอพูดภาษาอังกฤษได้
แต่ก็ใช้ภาษามือช่วย
บอกว่าจะไปวัดพุทธโฆษาจารย์
Stone and alphabet
แล้วทำมือเขียนตัวอักษรให้ดู
เมื่อขึ้นบนรถ คนขับพาวิ่งไปตามถนนเลียบแม่น้ำ
แม่น้ำจะอยู่ขวามือวิ่งไปประมาณ ๒ กม
จะเห็นวัดพนมอยู่ด้านซ้ายตั้งอยู่บนภูเขาลูกเล็กๆ
รถวิ่งเลยไปทางแยกขวามือสักพัก
ก็เจอวัดทางขวามือมีรูปคนอยู่บนหลังม้า
คนขับรถชลอรถ แต่ก็เร่งความเร็วขึ้นอีก
ผ่านสี่แยกไฟแดงจะเห็นวัดใหญ่อยู่ทางขวามืออีก
คราวนี้วัดไหนที่น่าจะมีศิลาจารึกล่ะ
ผมบอกให้คนขับหยุดรถ
แล้วให้กลับมาที่วัดที่มีรูปปั้นคนขี่ม้าอยู่
ตรงนี้น่าจะเข้าเค้ากว่า
เพราะคนขี่ม้าเกี่ยวกับศึกสงคราม
ผมให้คนขับรถจอดแล้วเดินเข้าไปในวัด
บังเอิญผมพบเณรองค์หนึ่งเดินสวนมา
จึงทักทายเป็นภาษาอังกฤษ
บอกว่ากำลังตามหาศิลาจารึกภาษาไทย
เณรบอกว่ามีและพาเดินไปด้านหลัง
เป็นโบสถ์ที่กำลังซ่อมแซมอยู่
ด้านหลังโบสถ์นั้นมีสถูปอยู่เขียนเป็นภาษาเขมร
แต่ผมเดาว่าเป็นคำ”สารีริกธาตุ”
ต่ำลงมาที่ด้านล่างของสถูปมีศิลาจารึกแผ่นเล็กๆ
ขนาดประมาณ 6 X 6 นิ้ว
และจะเข้าไปถ่ายภาพยากมาก
เนื่องจากมีกระถางธูปทำด้วยปูนซีเมนต์
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณฟุตครึ่ง ขวางอยู่
ผมวานให้เณรและช่างก่อสร้างที่กำลังทำงานอยู่แถวนั้นเคลื่อนกระถางธูปออกมาไว้ข้างๆ
ผมนั่งยองๆลง ถ่ายรูป เมื่อถ่ายรูปศิลาจารึกเสร็จแล้ว
จึงยืนอธิษฐานว่า
“ข้าพเจ้า …..เดินทางไปราชการทื่เวียดนาม ลาว พม่า ทำงานสำเร็จเรียบร้อย ราบรื่นดี จึงมาแสดงตัวคารวะต่อ
ศิลาจารึกแผ่นนี้ตามที่ปรารภไว้
ด้วยอำนาจแห่งสัจจะนี้
ขออธิษฐานว่าในภายภาคหน้า
หากข้าพเจ้าพบปัญหาอุปสรรคใด
ขอเพียงนึกถึงศิลาจารึกนี้
ขอจงดลบับดาลให้ปัญหาอุปสรรคนั้นหมดไป
โดยไม่ต้องมาคารวะแผ่นศิลาจารึกนี้ก็ได้
ขอให้ข้าพเจ้ามีร่างกายแข็งแรงจิตใจสงบ พบความรวย “
เมื่ออธิษฐานจบแล้ว ผมวานให้เณรกับช่างก่อสร้าง
ขยับกระถางธูปเข้าที่ เณรกับช่างก่อสร้างค่อยๆ
ขยับกระถางธูปเข้ามา
“เปรี๊ย..” เสียงดังเบาๆ แต่มันสะท้านไปถึงหัวใจ
กระถางธุปขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งฟุตครึ่ง ปริแยกจากด้านบนเป็นแนวยาวถึงด้านล่าง ที่ยังไม่แยกเป็นสองซีกเพราะทรายที่ใช้ปักธูปยึดโยงไว้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ถึงคำอธิษฐานของผม
มันงึด
ช่างก่อสร้างรีบวิ่งไปหยิบลวดเส้นเล็กๆบริเวณใกล้เคียง มาผูกมัดกระถางธูปไว้แต่มันก็ยังยาวไม่พอ
ผมหยิบเงิน 12,000 KHR(เรียล) ให้กับเณร
บอกว่าเป็นค่าซ่อมกระถางธูป
นี่จึงเป็นเจตนารมณ์ของศิลาจารึกแผ่นนี้
บูรณะวัตถุสถานที่ทรุดโทรมแตกหัก
ผมคารวะสถูปบรรจุพระสารีริกธาตุแล้วกลับออกม
จนกว่าจะพบกันใหม่
#lekredmanee
ตามหาศิลาจารึกภาษาไทย
จะพาท่านไปตามหาศิลาจารึกภาษาไทยที่กัมพูชา
ศิลาจารึกที่ว่านี้มีความเป็นมาครั้งที่
เจ้าพระยาบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนีย์)
แม่ทัพไทยสมัยรัชกาลที่ 3
ยกทัพไปรบกับญวนโดยสมรภูมิส่วนใหญ่
อยู่ในดินแดนเขมร
สภาพบ้านเมืองสมัยนั้นมีแต่ซากปรักหักพัง
เพราะผลการสู้รบ
โดยเฉพาะวัดทางพุทธสาสนา
ดังนั้นเจ้าพระยาบดินทร์เดชา
จึงสั่งให้บูรณะวัดต่างๆ และเขียนเป็นศิลาจารึก
ไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง
ผมอยากจะเห็นศิลาจารึกภาษาไทยในต่างประเทศ
จึงเป็นที่มาของภาระกิจนี้
เริ่มกันจากที่พักคือโรงแรมรีเจ้นท์ปาร์คโฮเต็ล
ซึ่งเจ้าของโรงแรมเป็นคนไทย
และอยู่กลางกรุงพนมเปญ
ผมเรียกรถตุ๊กตุ๊กของเขมร
ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซด์ต่อพ่วง
ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง
คนขับรถตุ๊กตุ๊กก็พอพูดภาษาอังกฤษได้
แต่ก็ใช้ภาษามือช่วย
บอกว่าจะไปวัดพุทธโฆษาจารย์
Stone and alphabet
แล้วทำมือเขียนตัวอักษรให้ดู
เมื่อขึ้นบนรถ คนขับพาวิ่งไปตามถนนเลียบแม่น้ำ
แม่น้ำจะอยู่ขวามือวิ่งไปประมาณ ๒ กม
จะเห็นวัดพนมอยู่ด้านซ้ายตั้งอยู่บนภูเขาลูกเล็กๆ
รถวิ่งเลยไปทางแยกขวามือสักพัก
ก็เจอวัดทางขวามือมีรูปคนอยู่บนหลังม้า
คนขับรถชลอรถ แต่ก็เร่งความเร็วขึ้นอีก
ผ่านสี่แยกไฟแดงจะเห็นวัดใหญ่อยู่ทางขวามืออีก
คราวนี้วัดไหนที่น่าจะมีศิลาจารึกล่ะ
ผมบอกให้คนขับหยุดรถ
แล้วให้กลับมาที่วัดที่มีรูปปั้นคนขี่ม้าอยู่
ตรงนี้น่าจะเข้าเค้ากว่า
เพราะคนขี่ม้าเกี่ยวกับศึกสงคราม
ผมให้คนขับรถจอดแล้วเดินเข้าไปในวัด
บังเอิญผมพบเณรองค์หนึ่งเดินสวนมา
จึงทักทายเป็นภาษาอังกฤษ
บอกว่ากำลังตามหาศิลาจารึกภาษาไทย
เณรบอกว่ามีและพาเดินไปด้านหลัง
เป็นโบสถ์ที่กำลังซ่อมแซมอยู่
ด้านหลังโบสถ์นั้นมีสถูปอยู่เขียนเป็นภาษาเขมร
แต่ผมเดาว่าเป็นคำ”สารีริกธาตุ”
ต่ำลงมาที่ด้านล่างของสถูปมีศิลาจารึกแผ่นเล็กๆ
ขนาดประมาณ 6 X 6 นิ้ว
และจะเข้าไปถ่ายภาพยากมาก
เนื่องจากมีกระถางธูปทำด้วยปูนซีเมนต์
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณฟุตครึ่ง ขวางอยู่
ผมวานให้เณรและช่างก่อสร้างที่กำลังทำงานอยู่แถวนั้นเคลื่อนกระถางธูปออกมาไว้ข้างๆ
ผมนั่งยองๆลง ถ่ายรูป เมื่อถ่ายรูปศิลาจารึกเสร็จแล้ว
จึงยืนอธิษฐานว่า
“ข้าพเจ้า …..เดินทางไปราชการทื่เวียดนาม ลาว พม่า ทำงานสำเร็จเรียบร้อย ราบรื่นดี จึงมาแสดงตัวคารวะต่อ
ศิลาจารึกแผ่นนี้ตามที่ปรารภไว้
ด้วยอำนาจแห่งสัจจะนี้
ขออธิษฐานว่าในภายภาคหน้า
หากข้าพเจ้าพบปัญหาอุปสรรคใด
ขอเพียงนึกถึงศิลาจารึกนี้
ขอจงดลบับดาลให้ปัญหาอุปสรรคนั้นหมดไป
โดยไม่ต้องมาคารวะแผ่นศิลาจารึกนี้ก็ได้
ขอให้ข้าพเจ้ามีร่างกายแข็งแรงจิตใจสงบ พบความรวย “
เมื่ออธิษฐานจบแล้ว ผมวานให้เณรกับช่างก่อสร้าง
ขยับกระถางธูปเข้าที่ เณรกับช่างก่อสร้างค่อยๆ
ขยับกระถางธูปเข้ามา
“เปรี๊ย..” เสียงดังเบาๆ แต่มันสะท้านไปถึงหัวใจ
กระถางธุปขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งฟุตครึ่ง ปริแยกจากด้านบนเป็นแนวยาวถึงด้านล่าง ที่ยังไม่แยกเป็นสองซีกเพราะทรายที่ใช้ปักธูปยึดโยงไว้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ถึงคำอธิษฐานของผม
มันงึด
ช่างก่อสร้างรีบวิ่งไปหยิบลวดเส้นเล็กๆบริเวณใกล้เคียง มาผูกมัดกระถางธูปไว้แต่มันก็ยังยาวไม่พอ
ผมหยิบเงิน 12,000 KHR(เรียล) ให้กับเณร
บอกว่าเป็นค่าซ่อมกระถางธูป
นี่จึงเป็นเจตนารมณ์ของศิลาจารึกแผ่นนี้
บูรณะวัตถุสถานที่ทรุดโทรมแตกหัก
ผมคารวะสถูปบรรจุพระสารีริกธาตุแล้วกลับออกม
จนกว่าจะพบกันใหม่
#lekredmanee