การไปรักคนมีเจ้าของมันคือวิบากกรรมและคำสาปของจริง ชีวิตคุณอาจพังจนไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ช่วงนี้ดิฉันได้เห็นข่าวเรื่องความรักหลายเศร้าผ่านๆ ตา แล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก จากประสบการณ์ของตัวเอง และที่เคยเห็นมาจากชีวิตคนรอบข้าง การไปรักคนมีเจ้าของมันคือคำสาปที่ทำลายชีวิตสำหรับเราเลย หากมีโอกาสย้อนเวลากลับไป ส่วนตัวเรา "จะไม่เลือกเดินทางนี้แน่นอน" แต่คงเป็นวิบากที่เราต้องเผชิญเลยเจอแต่เรื่องแบบนี้ตลอดเลย

เราขอเล่าถึงภาพจำในวัยเด็กก่อนนะคะ ไม่รู้ความบังเอิญ หรือเป็นไซน์บางอย่างที่มาเตือนใจเรา
ตอนเราอยู่ประถม มีคุณครูที่เป็นเพื่อนบ้านเขามีลูกชายที่ก็เล่นกับเราบ้าง แต่ติดตรงที่แม่เขาชอบขังเขาไว้ในบ้าน เขาก็จะปีนต้นไม้เพื่อแอบมองเพื่อนๆ จากไกลๆ เสมอน่าสงสารมาก

ตอนนั้นเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามาก รู้แค่ว่า แม่เขาเป็นครู พ่อเป็นทหาร วันปกติเขาจะใช้ชีวิตกันสองคนแม่ลูก พ่อเขาจะนานๆ มาที
วันไหนที่พ่อเขามา พวกเขาจะมีความสุขกันมาก แต่ถ้าอาทิตย์ไหนพ่อเขาไม่มา แม่จะชอบขังเขาลูกชายไว้ในบ้าน บางทีแม่เขาก็กรี๊ดอยู่ในบ้าน แม่เราก็บอกว่า สงสารเขาจัง ก็เลยถามแม่ว่าเขาเป็นอะไร แม่บอกเขาคงคิดถึงสามี 

จนต่อมาเราก็เริ่มโตสัก จึงเริ่มรู้เรื่องว่า ครูคนนั้นเขาเป็นบ้านที่สอง ถึงวัยนั้นเราจะยังไม่อินกับความรักวัย แต่กลิ่นความเศร้าหมองจากบ้านเพื่อนเรามันแรงมาก เป็นภาพจำในวัยเด็กที่โหดร้ายของเราเรื่องหนึ่งเลย

โตมาอีกประมาณมัธยม เราเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง
ได้มีโอกาสเรียนกับอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่ง สอนภาษาอังกฤษ จบจากสงขลานครินทร์ อาจารย์สอนดี เราก็ชื่นชอบอาจารย์  จนเราใกล้จบแล้วถึงรู้ภายหลังว่า อาจารย์เป็นบ้านที่สองของรองผู้อำนวยการโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งลูกชายของรองผู้อำนวยการฯ คนนั้นก็รุ่นเดียวกับเราเลย มันก็ผิดหวังในตัวอาจารย์ไม่น้อยเหมือนกัน

ยิ่งพอวันหนึ่ง เราได้มีโอกาสกลับไปฝึกงานที่โรงเรียนนั้น เห็นอาจารย์ดูแก่ไปเยอะ คอยหึงหวงรองผู้อำนวยการคนนั้นออกหน้าออกตา เราก็ไม่รำคาญแกเลย ในใจเห็นใจอาจารย์มาก แกไม่มีลูก ไม่มีใคร ส่วนรองฯ มีครอบครัวอบอุ่นเป็นฉากหลัง เรารู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นแบบนี้เลย

จนวันหนึ่งก็มาถึงคิวเราเอง กับรักครั้งแรก
ระหว่างที่เราเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เราได้เป็นแฟนกับอาจารย์มหาลัยฯ ที่สอนเราค่ะ

อาจารย์เป็นผู้หญิงเท่ๆ แก่กว่าเรามาก ที่จริงเราไม่ใช่คนที่ชอบทอม แต่อาจารย์เป็นฝ่ายเข้ามาในชีวิตเรา อาจารย์เป็นคนดีมากในความรู้สึกเรา จนเราได้คบกัน เรารู้สึกโชคดีที่สุดในชีวิต เพราะพื้นฐานครอบครัวเราไม่อบอุ่น เราไม่สนิทกับพ่อมากๆ และมีอคติกับผู้ชายเยอะ แต่สุดท้ายเราก็มาฝันสลายตอนที่รักกันมากๆ แล้ว เพราะได้รู้ว่าเขามีเพื่อนหญิงอีกคนที่มาก่อนเรา และเขาเป็น friend with benefits กัน

ฝ่ายพี่เพื่อนหญิงคนนั้น เขาไม่เปิดเผยกับครอบครัวว่าคบอาจารย์ฉันแฟน นานๆ ช้าๆ เขาก็ไปมาหาสู่กัน เราก็ไม่ได้ตัวติดอาจารย์ตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าอาจารย์ที่เรารักและศรัทธาจะเป็นแบบนี้ได้  ตัวเราจริงจังกับเขามากนะ เราบอกครอบครัวเลย เลือกจะใช้ชีวิตกับเขาจนตาย จนพอเรารู้เรื่องนี้ และได้รู้จากปากอาจารย์ว่า เขาเป็นแค่เพื่อนกัน เขาไม่ได้รักกันแบบที่เขารักเรา เราก็เลือกที่จะเชื่อ และทน

ช่วงนั้นจิตใจเปราะบางมาก กินข้าวกับน้ำตา ฟังพระ ฟังธรรมทุกวันประทังชีวิต

ระหว่างที่เราใช้ชีวิตแบบเจ็บก็ทน เราก็ได้รู้จักพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเขาเป็นศิลปินที่อาจจะไม่ดังมาก เพราะแนวเพลงเขามันไม่ใช่กลุ่มใหญ่ ตอนนั้นเรารู้จักเขาคือเขาก็มีแฟนอยู่เป็นพี่ศิลปินรุ่นเก่าท่านหนึ่ง ภาพที่เห็นคือเขารักกันมากก พี่ผู้ชายหวานมาก ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นได้ จนวันหนึ่งที่พี่ผู้หญิงบอกเราว่า พี่ผู้ชายมีภรรยามาแล้ว 4 คนนะ กับภรรยาคนที่ 4 ยังไปๆ มาๆ ดูแลกันอยู่ เราก็แค่รับฟังในตอนนั้น

ต่อมาวันหนึ่งพี่ผู้หญิงมาขอรหัสเฟสเราเพื่อเข้าส่องเฟสพี่ผู้ชาย เราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ผู้หญิงบอกว่า พี่ผู้ชายกำลังจะไปต่างประเทศกับภรรยาคนที่ 4 และปิดกั้นเฟสเขา คิดว่าเขาคงจะทิ้งพี่ผู้หญิงแน่ๆ เราก็เฮ้ย พี่ใจเย็นก่อน ตอนนั้นพี่ผู้หญิงฟูมฟายมาก แล้วคืนนั้นเราแทบไม่ได้นอนเลย

ส่วนพี่ผู้ชายก็โทรมาหาเราบอกว่า ฝากดูแลพี่ผู้หญิงด้วย อย่าให้เขาฟุ้งซ่าน พี่ผู้ชายแค่จะไปดีลงานที่ต่างประเทศเดี๋ยวก็กลับ เรายังถามพี่เขาเลยว่า มันไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม พี่เขาบอก "ใช่ เขาไม่มีวันทิ้งพี่ผู้หญิงเด็ดขาด" เราจำมากสำหรับประโยคนี้

แต่สุดท้ายมันคือประโยคที่ไม่มีอยู่จริง ส่วนเซนส์ของพี่ผู้หญิงคนนั้นคือจริง สุดท้ายเขาก็เลิกกัน ถึงวันนี้เราก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของปัญหาระหว่างพี่สองคน แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า คงเพราะความคาราคาซังของพี่ผู้ชายแน่นอนที่ยังไม่ขาดกับคนเก่ามันจึงเกิดปัญหา ทุกวันนี้ก็ไม่ได้คุยกับพี่สองคนอีก

ส่วนเรื่องของตัวเรา สุดท้ายเราก็ทนไม่ไหว เราเสียใจมากๆ สมัยก่อนมีเว็บบอร์ดกูเกิลกูรู เราก็เล่าความรู้สึกเราไว้ที่นั่นว่า เช้ามารู้สึกตัวเมื่อไร น้ำตาก็ไหลทันที มันแย่อยู่หลายปี จนเรายอมเลิกกัน เรามาทำงานรับราชการตอนอายุ 30 ก็เหนื่อยกับงานมากช่วง 5-6 ปีแรก  แล้วเราก็ไปเรียนต่อสาขาหนึ่ง ที่นั่นก็เกิดความรักครั้งใหม่ขึ้น 

ไม่รู้ด้วยวิบากหรืออะไร เราก็เจอผู้ชายคนหนึ่งเขามาปรึกษาเรื่องเรียนกับเรา (เรียนออนไลน์กันค่ะ) เราก็ตั้งใจแนะนำเขาอย่างดี คุยกันไปคุยกันมา เขาก็เริ่มจีบอยู่ 6 เดือน เราบอกเขาตามตรงเลยว่า เราไม่ค่อยปกตินะ มักมีภาวะเศร้าๆ เพราะตอนนั้นก็เริ่มรู้ตัวว่าเราอาจเป็นซึมเศร้าตั้งแต่ตอนคบกับอาจารย์ แต่ผู้ชายคนนี้ก็ดีมาก โทรหาเราทั้งวัน เรารู้สึกดีใจมากที่มีเขาเข้ามาเป็นเพื่อนในชีวิต เพราะเราเป็นคนไม่มีเพื่อนเลยค่ะ ชีวิตเราอยู่เงียบๆ คนเดียวมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน

พอผ่านไป 1 ปี เรารู้สึกสนิทใจกับผู้ชายคนนี้ เรารับรักเขาแล้วแบบคิดว่าชีวิตจะลงตัวสักที จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้ เขากับเราอยู่คนละภาค ก็ยังไม่เคยเจอกัน ปีกว่าผ่านไป เราก็เริ่มแปลกใจว่าทำไมเขาไม่คิดมาหาเราเลย แล้วเราไม่เคยคาสายกันจนหลับเลย ต้องวางสายก่อนตลอด สงสัยตลอด ถามก็ทะเลาะกันตลอด เราเป็นฝ่ายร้องไห้หนักทุกครั้ง จนที่สุดผ่านมา 2 ปีที่แค่เพียงแต่คุยกัน เราก็เริ่มสืบจนรู้ว่า เขามีแฟนแล้วจริงๆ

เราช็อคมาก เสียใจในชีวิตอีกครั้งแบบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกๆ คือความที่เราก็ไม่มีใครในชีวิตอยู่แล้ว มาเจอเรื่องแบบนี้คือเจ็บหนักเลย เราเจ็บจนล้มป่วย ทำอะไรไม่ได้เลย จนถึงตอนนี้ก็ 4 ปีแล้ว ท่ี่เราก็ยังเจ็บและร้องไห้เพราะเรื่องนี้อยู่

ในวันนี้เราอายุ 39 แล้ว เรารู้สึกว่า เราเสียเวลา เสียโอกาสมากกับความรักซ้อน เราเป็นคนรักใครคือรักมาก เสียใจก็นานกว่าชาวบ้าน จนหมดเวลาชีวิตล่วงเลยไปขนาดนี้ก็ยังไม่มีความรักที่ครอบครองได้สักที มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นคำสาปและวิบากกรรมของชีวิตจริงๆ

ขอฝากเตือนทุกคนเลยว่า อย่าหาทำเรื่องคบคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ คนที่เสียใจที่สุดคือเรา
เจ็บทั้งขึ้นทั้งล่อง ฝ่ายที่นอกใจคนอื่นมาหาเรา เขาใจร้ายกับทั้งคนของเขา และเราที่ถูกลากเข้ามาเจ็บปวดโดยที่เราไม่อยากอยู่ในจุดนี้เลย

จนถึงวันนี้เรายังเสียใจเพราะพวกเขาไม่หายเลยจริงๆ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่