สวัสดีค่ะ หนูอยากจะมาปรึกษาพี่พี่ทุกคนว่าหนูผิดไหมที่ไม่เคยรู้สึกรักพ่อกับแม่เลย
จริงๆแล้วหนูถูกเลี้ยงโดยปู่กับย่ามาตั้งแต่อายุห้าเดือนจนถึงอายุ 12 ปี(จบป.6)
ส่วนพ่อกับแม่หนูเลิกกันตั้งแต่หนูอยู่ช่วงอนุบาล
ตอนพ่อกับแม่มีหนู พ่อหนูอายุ 24 ส่วนแม่ก็อายุ 19 หนูพูดตรงตรงเลยนะคะว่าเค้ามีหนูตอนไม่พร้อม หนูเลยได้มาอยู่กับปู่ย่า
หนูใช้เวลาและ มีความผูกพันกับปู่และย่ามาก ช่วงวัยเด็กเป็นช่วงที่หนูมีความสุขมากที่สุด ได้ใช้ชีวิตบ้านๆ ปู่กับย่าไปไร่ไปสวนก็ตามแกไปด้วย
แต่พอเมื่อหนูจบ ป. 6 ชีวิตหนูก็ได้เปลี่ยนไป อย่างตั้งตัวไม่ทัน พ่อเห็นว่าหนูจบ ป. 6 พ่ออยากเอาหนูไปเรียนในเมือง ซึ่งหนูต้องอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง
ตัวหนูอยากไปเพราะอยากเห็นสังคมใหม่ๆบ้าง ว่าเค้าจะอยู่กันแบบไหน หนูเลยตัดสินใจไปอยู่พ่อ ไปเรียนต่อชั้นมัธยมที่1
แต่พอหนูไปหนูก็มีความรู้สึกอึดอัด เพราะห้องที่ไปอยู่หนูต้องไปอยู่ห้องแคบๆที่พ่อกับแม่เลี้ยงเช่าไว้ เราต้องอยู่รวมกันทั้งหมด4คน คือตัวหนู พ่อของหนู แม่เลี้ยง และน้องชายซึ่งลูกของแม่เลี้ยงหนึ่งคน หนูรู้สึกว่าห้องมันแคบมากแคบจนแทบอยู่ด้วยกันไม่ได้ แถมพ่อยังชี้นิ้วสั่งหนูทำงานแถมพ่อยังชี้นิ้วสั่งหนูทำงานบ้านเหมือนเป็นคนรับใช้ ตอนแรกหนูก็ไม่คิดอะไร เพราะมันคือหน้าที่ของเรา เรามาอาศัยอยู่กับเค้าเราต้องตอบแทนเค้า แต่พออยู่ไปนานๆ พ่อก็เริ่มใช้แล้วหนักขึ้นเรื่อยๆ จนตัวพ่อแทบไม่ทำงานจนตัวพ่อแทบไม่ทำอะไรเลย จริงๆแล้วแม่เลี้ยงของหนูเป็นพยาบาลค่ะ หนูไม่เคยคิดจะเกี่ยงให้แม่เลี้ยงทำงานหนูไม่เคยคิดจะเกี่ยงให้แม่เลี้ยงทำงานบ้านเลย เพราะงานพยาบาลมันทำงานเพราะงานพยาบาลมันทำงานเหนื่อยมามากพอแล้ว หนูเข้าใจเค้าเป็นอย่างดี
และเค้าก็ใจดีกับหนู ยิ่งอยู่นานไปพ่อก็เริ่มใช้งานหนูหนักขึ้นเรื่อยๆ เวลาเค้าไม่พอใจอะไรเค้ามักมักมีสายตาที่แข็งใส่ บางทีเค้าเหมือนมองว่าหนูไม่ใช่ลูกเค้า เวลาเค้าด่าเค้าก็ด่าเหมือนหนูไม่ใช่คน หนูทนอยู่กับเขาได้แค่สามเทอม หนูกลายเป็นเด็กที่เริ่มไม่ทำงานหนูกลายเป็นเด็กที่เริ่มไม่ทำงานส่งครู
เพราะหนูรู้สึกว่าหนูไม่เอาอะไรเลย ใจมันไม่สู้ เลยทำตัวเลยทำตัวไม่ดี เข้าเรียนออนไลน์แต่ไม่ทำงานเข้าเรียนออนไลน์แต่ไม่ทำงานส่งครู โกหกพ่อว่าส่งงานในแชทส่วนตัว แต่จริงๆแล้วหนูไม่ได้ส่ง หนูไม่รู้ว่าตอนนั้นหนูเป็นอะไร แต่เท่าที่รู้คือพ่อจับ แล้วเค้าก็ไล่ให้หนูกลับมาอยู่กับย่า ตัวพ่อจะเป็นแบบนี้ตลอด เวลาเราทำอะไรเวลาเราทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเขาเค้าจะไล่เหมือนเรา ไม่ใช่ลูก หลังจากนั้นหนูจะย้ายมาอยู่กับแม่ ตัวแม่ของหนูก็มีครอบครัวใหม่ค่ะ เลี้ยงไปทำงานเลี้ยงไปทำงาน ที่ต่างประเทศ หนูเลยได้อยู่กับแม่กับน้อง กับตากับยายแล้วก็น้าหนูอีกหนึ่งคนค่ะ แรกแรกก็ดีนะคะ เค้าดูเอ็นดูหนูมาก แต่พอหลังๆ หนูรู้สึกว่า เค้าคาดหวังกับหนูมากเกินไป เค้าเหมือนคนหัวโบราณ อะไรที่มันเป็นแฟชั่นสมัยใหม่เค้าเข้าไม่ถึงเลย ไม่ว่าจะแต่งหน้าเค้าก็เหน็บแนมเราตลอด เราจะแต่งตัวตามแฟชั่นเค้าก็เหน็บแนมเรา ดูถูกเราว่าเราเป็น
ทั้งที่เราก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊อะไรเลย เราแต่งตามแฟชั่นปกติทั่วไป ถ้าพี่พี่นึกไม่ออกว่าหนูแต่งแบบไหนแม่ถึงด่าหนูจะบอกพี่ว่า เสื้อแขนกุดแม่ก็ไม่ให้ใส่ ชุดนอนใส่บ้านสายเดี่ยวก็ไม่ให้ใส่เสื้อเอวลอยแบบน่ารักน่ารักก็ไม่ให้ใส่ กางเกงขาสั้นใส่อยู่บ้านก็ไม่ให้ใส่ ชุดเดรสสไตล์น่ารักน่ารักก็ไม่ได้ แต่งหน้ากรีดตาก็โดนเหน็บแนม แม่เริ่มเป็นหนักขึ้นเรื่อยเรื่อยถึงขั้นเริ่มทักหนูต่อหน้าคนอื่นว่าหนูท้องรึเปล่า บางทีก็ดูถูกหนูว่าสภาพแบบนี้ผู้ชายเอาไม่กี่ทีก็ทิ้ง พี่คงจะสงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมพี่คงจะสงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมแม่ถึงพูดกับหนูขนาดนี้
จริงๆแล้วการใช้ชีวิตของหนูกับแม่ยังปรับเข้าหากันไม่ได้ เพราะหนูอยู่กับปู่กับย่ามาตั้งแต่เด็ก สไตล์การใช้ชีวิตจะไม่เหมือนกัน อย่างเรื่องงานบ้านเรื่องแต่งตัวเรื่องพูดคุยกับคนในครอบครัวก็จะไม่เหมือนกัน บางทีเราทำงานบางทีเราทำงานบ้านให้เขาเค้าไม่เห็นเค้าก็ว่าเราไม่ทำ หนูทะเลาะกับแม่เรื่องทำงานหนูทะเลาะกับแม่เรื่องทำงานบ้านบ่อยมากค่ะ หนูเป็นคนที่อยากหยิบเองอยากทำเองหนูเป็นคนที่อยากหยิบเองอยากทำเอง เวลามีใครมาชี้นิ้วบวมหรือสั่งหนูจะมีอารมณ์ทำเวลามีใครมาชี้นิ้วบวมหรือสั่งหนูจะไม่มีอารมณ์ทำงานแล้วรู้สึกว่าตัวเองจะทำงานพอลวกๆ แต่ก่อนหนูก็ทำแต่ก่อนหนูก็ทำแบบนั้น แต่ตอนนี้หนูแก้ไขปัญหาด้วยการรอให้แม่ออกไปทำธุระ แต่ตอนนี้หนูแก้ไขปัญหาด้วยการรอให้แม่ออกไปทำธุระนอกบ้านแล้วค่อยรีบทำให้มันเสร็จค่ะ ปกติแม่จะออกไปนอกบ้านบ่อยมาก มันเลยทำให้มันเลยทำให้หนูมีเวลาทำงานบ้านให้แม่ได้ตลอด แต่แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าเค้าไม่เห็น เค้าเลยคิดว่าหนูไม่ทำเค้าเลยคิดว่าหนูไม่ทำ
บางทีเค้าทำงานบางทีเค้าทำงานมาเหนื่อยเหนื่อยเค้าก็ มาใส่อารมณ์กับหนู ด่าหนูเสียๆหายๆ อะไรที่แม่คิดว่าพูดมาแล้วทำให้อะไรที่แม่คิดว่าพูดมาแล้วทำให้หนูเสียใจเขาก็เลือกที่จะพูดออกมาค่ะ เค้ารู้ว่าหนูจะเสียใจและเขาก็ตั้งใจพูดให้หนูรู้สึกเจ็บ จริงๆแล้วหนูอยู่กับเขาตั้งแต่ ม. 2 เทอม2 จนจบ ม3
แล้วก็ได้ย้ายไปอยู่กับพ่ออีกครั้งนึงค่ะ แต่หนูอยู่กับเขาได้แค่เทอมเดียว เพราะเค้าจะแปลว่าหนูมีแฟน เค้ารับไม่ได้ แทนที่เขา จะเลือกคุยกับหนูดีๆ เค้าพูดให้หนูไม่มีโอกาสได้บอกเค้าเลย เพราะเค้าไล่ให้หนูไปลาออกทั้งทั้งที่หนูเพิ่งเรียน ปวช ได้แค่หนึ่งเทอม เค้าเอาหนูมาทิ้งไว้ที่บ้านย่าช่วงปิดเทอม
วันเปิดเทอมเค้าก็ไม่มารับหนูอีกเลย เค้าพูดเหมือนหนูไปฆ่าใครตาย พูดใส่เหมือนหนูไม่ใช่ลูกเค้า หลังจากนั้นหนูเลยได้ติดต่อหาแม่ว่าหนูไม่ได้เรียนต่อแล้ว
แม่หนูโทรหาพ่อเลี้ยงที่อยู่ต่างประเทศ พอพ่อเลี้ยงรู้เรื่องนี้เค้าเลยให้แม่ มารับหนูไปอยู่ด้วย ตอนแรกหนูก็ไม่อยากมาค่ะ เพราะหนูรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่หนูก็ต้องขอโทษเพราะหนูอยากเรียนต่อ เพราะถ้ากลับมาอยู่กับย่าก็ไม่มีใครส่งเรียน หนูได้ย้ายมาอยู่กับแม่อีกครั้ง และแน่นอนค่ะพี่พี่ หนูกับแม่ก็ได้ทะเลาะกันอีก ซึ่งส่วนใหญ่ตัวเค้าเป็นคนหาเรื่องหนูเอง เวลาทะเลาะกันเค้าจะชอบด่าหนูดังดังให้คนอื่นเขาได้ยิน บางทีก็จับกลุ่มพูดถึงเรื่องหนูกับคนข้างบ้าน
พูดถึงหนูในเรื่องเสียๆหายๆ ดูถูกหนูสารพัด บางทีหนูก็สงสัยว่าเค้าเป็นคนมีสองบุคลิกหรือเปล่า เพราะเวลาเค้าดีเค้าก็ดีจนใจหาย แต่เวลาเค้าร้ายเค้าก็ดูถูกหนูสารพัด เค้าขู่หนูว่าเค้าจะไม่ให้แฟนมาหาหนู(หนูพูดตรงตรงเลยนะคะว่าหนูรักแฟนมากเพราะทั้งชีวิตของหนูที่ใช้มาทั้งหมดมีแค่แฟนหนูกับย่าที่หนูเล่าเรื่องไม่สบายใจให้ฟัง) เค้าเป็นเหมือนเซฟโซนโซนของหนูเวลาที่เค้ามาหาหนูที่บ้าน หนูก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองมีเพื่อน เพราะทุกครั้งที่หนูเพิ่งย้ายมาอยู่กับแม่ตอนโต มาทำให้มาทำให้หนูไม่มีเพื่อนเลย หนูคิดว่าพี่พี่บางคนอาจจะคิดว่าหนูหลงแฟน แต่จริงๆแล้วเค้าเป็นคนที่เคียงข้างหนูทุกทุกครั้งที่ทะเลาะกันทะเลาะกับแม่ เค้าจะคอยเตือนสติหนูตลอด คอยบอกคอยสอนหนู อะไรที่หนู ไม่กล้าปรึกษาแม่ก็มีเค้าเป็นที่ปรึกษาให้ นอกจากแม่ขู่เรื่องไม่ให้แฟนมาหาหนูยังไม่พอ เค้าก็ขู่ทุบโทรศัพท์หนู ซึ่งเครื่องที่หนูใช้ปัจจุบันเป็น iPhone ก่อนหน้านี้เค้าเคยทุบโทรศัพท์หนูทิ้งไปแล้วหนึ่งเครื่อง หนูไม่เคยลืมเลยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน เพราะโทรศัพท์เครื่องนั้นหนูเก็บรูปของปู่ไว้ทุกเหตุการณ์ จริงๆแล้วรูปของปู่ที่หนูเก็บไว้คือรูปตอนที่ปู่เสียชีวิต ตอนที่หนูไปรับศพปู่ที่โรงพยาบาล
ตอนนี้เค้าเอาศพปู่มาไว้ที่บ้าน รวมถึงวันสุดท้ายคือวันเผา รวมทั้งหมดอยู่ในเครื่องนั้น หนูไม่สามารถกู้คืนมาได้ ปู่เป็นคนเลี้ยงลูกมาตั้ง 12 ปี หนูรักปู่มาก
หนูตั้งใจเก็บรูปพวกนั้นไว้เพิ่งเตือนตัวเองว่าไม่ให้ทำตัวหนูตั้งใจเก็บรูปพวกนั้นไว้เพิ่งเตือนตัวเองว่าไม่ให้ทำตัวไม่ดี แต่ของหนูหนูก็ทำแต่ของหนูหนูก็ทำรูปพวกนั้นจนสูญสิ้นไปหมดแล้ว พอมาตอนนี้ หนูก็ใกล้จะขึ้น ปวช3 เค้าก็เคยพูดใส่หนูตลอด ว่าเมื่อไหร่จะเรียนจบ กูเบื่อขี้หน้า เกะกะลูกหูลูกตากู
กูรำคาญ เขาทำเหมือนหนูเขาพูดเหมือนหนูรู้สึกกดดัน สิ่งหนึ่งที่เค้าเป็นแบบนี้เพราะเขารักลูกไม่เท่ากันค่ะ เขามีความสุขกับชีวิตใหม่ กับครอบครัวใหม่ของเค้า เค้ามีลูกกับพ่อเลี้ยงหนึ่งคนซึ่งเป็นน้องที่อายุห่างกว่าหนูเก้าปี เค้ามีความทรงจำดีดีเค้ามีความทรงจำดีดีกับครอบครัวใหม่มาก เพราะพ่อเลี้ยงเป็นผู้ชายที่ดี ต่างจากพ่อของหนู มันทำให้มันทำให้แม่มีอคติว่าหนูเป็นลูกของผัวเก่า แล้วตอนที่แม่คบกับพ่อของหนูบวกกับตอนที่แม่เลี้ยงดูหนู ปัจจัยหลายหลายอย่างมันยังไม่พร้อม จึงทำใ จึงทำให้มีปัญหากัน บางทีเวลาแม่พูดแม่ก็พูดว่ารักลูกเท่ากัน แต่คำพูดแต่คำพูดกับการกระทำหนูรู้สึกว่ามันย้อนแย้ง บางที่หนูก็อยากให้แฟนรีบรีบมาหมั้นหนู แล้วรีบพาตัวหนูออกไปไกลๆจากที่นี่ พ่อหนูรู้สึกเสียสุขภาพจิตมาก บางอย่าง ที่หนูเป็น
หรือแทบจะทุกอย่าง มันดูไม่เข้าตาเค้าเลย เค้าดูไม่ชอบขี้หน้าหนู ดูหงุดหงิดกับหนู จนหนูรู้สึกว่าถ้าหนูโตไป หนูอยากจะเอาเงิน 5,000,000 มากองไว้ตรงหน้าแม่ แล้วยกให้แม่ทั้งหมดเลย แต่ต่อจากนี้ก็ขอขาดกัน หนูรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะคะ หนูรู้สึกว่าถ้าหนูโตไปได้หนูจะไม่อยากกลับมาอีก
ในมุมมองของพี่ๆ พี่คิดว่าหนูผิดมั้ยคะที่ไม่เคยคิดที่จะรักพ่อแม่ของตัวเอง
ที่หนูนำที่หนูนำปัญหาในใจของหนูมาถามพี่พี่ เพราะหนูอยากได้คำตอบและความคิดเห็นของพี่พี่มากเลยค่ะ
หนูขอให้เรื่องเล่าของหนู อยู่แค่ในพันทิปนี้นะคะ
"ขอบคุณพี่ๆมากๆนะคะที่อ่านข้อความหนูจนหมด"
ผิดมั้ยคะที่หนูไม่เคยรักแม่ก้บพ่อเลย
จริงๆแล้วหนูถูกเลี้ยงโดยปู่กับย่ามาตั้งแต่อายุห้าเดือนจนถึงอายุ 12 ปี(จบป.6)
ส่วนพ่อกับแม่หนูเลิกกันตั้งแต่หนูอยู่ช่วงอนุบาล
ตอนพ่อกับแม่มีหนู พ่อหนูอายุ 24 ส่วนแม่ก็อายุ 19 หนูพูดตรงตรงเลยนะคะว่าเค้ามีหนูตอนไม่พร้อม หนูเลยได้มาอยู่กับปู่ย่า
หนูใช้เวลาและ มีความผูกพันกับปู่และย่ามาก ช่วงวัยเด็กเป็นช่วงที่หนูมีความสุขมากที่สุด ได้ใช้ชีวิตบ้านๆ ปู่กับย่าไปไร่ไปสวนก็ตามแกไปด้วย
แต่พอเมื่อหนูจบ ป. 6 ชีวิตหนูก็ได้เปลี่ยนไป อย่างตั้งตัวไม่ทัน พ่อเห็นว่าหนูจบ ป. 6 พ่ออยากเอาหนูไปเรียนในเมือง ซึ่งหนูต้องอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง
ตัวหนูอยากไปเพราะอยากเห็นสังคมใหม่ๆบ้าง ว่าเค้าจะอยู่กันแบบไหน หนูเลยตัดสินใจไปอยู่พ่อ ไปเรียนต่อชั้นมัธยมที่1
แต่พอหนูไปหนูก็มีความรู้สึกอึดอัด เพราะห้องที่ไปอยู่หนูต้องไปอยู่ห้องแคบๆที่พ่อกับแม่เลี้ยงเช่าไว้ เราต้องอยู่รวมกันทั้งหมด4คน คือตัวหนู พ่อของหนู แม่เลี้ยง และน้องชายซึ่งลูกของแม่เลี้ยงหนึ่งคน หนูรู้สึกว่าห้องมันแคบมากแคบจนแทบอยู่ด้วยกันไม่ได้ แถมพ่อยังชี้นิ้วสั่งหนูทำงานแถมพ่อยังชี้นิ้วสั่งหนูทำงานบ้านเหมือนเป็นคนรับใช้ ตอนแรกหนูก็ไม่คิดอะไร เพราะมันคือหน้าที่ของเรา เรามาอาศัยอยู่กับเค้าเราต้องตอบแทนเค้า แต่พออยู่ไปนานๆ พ่อก็เริ่มใช้แล้วหนักขึ้นเรื่อยๆ จนตัวพ่อแทบไม่ทำงานจนตัวพ่อแทบไม่ทำอะไรเลย จริงๆแล้วแม่เลี้ยงของหนูเป็นพยาบาลค่ะ หนูไม่เคยคิดจะเกี่ยงให้แม่เลี้ยงทำงานหนูไม่เคยคิดจะเกี่ยงให้แม่เลี้ยงทำงานบ้านเลย เพราะงานพยาบาลมันทำงานเพราะงานพยาบาลมันทำงานเหนื่อยมามากพอแล้ว หนูเข้าใจเค้าเป็นอย่างดี
และเค้าก็ใจดีกับหนู ยิ่งอยู่นานไปพ่อก็เริ่มใช้งานหนูหนักขึ้นเรื่อยๆ เวลาเค้าไม่พอใจอะไรเค้ามักมักมีสายตาที่แข็งใส่ บางทีเค้าเหมือนมองว่าหนูไม่ใช่ลูกเค้า เวลาเค้าด่าเค้าก็ด่าเหมือนหนูไม่ใช่คน หนูทนอยู่กับเขาได้แค่สามเทอม หนูกลายเป็นเด็กที่เริ่มไม่ทำงานหนูกลายเป็นเด็กที่เริ่มไม่ทำงานส่งครู
เพราะหนูรู้สึกว่าหนูไม่เอาอะไรเลย ใจมันไม่สู้ เลยทำตัวเลยทำตัวไม่ดี เข้าเรียนออนไลน์แต่ไม่ทำงานเข้าเรียนออนไลน์แต่ไม่ทำงานส่งครู โกหกพ่อว่าส่งงานในแชทส่วนตัว แต่จริงๆแล้วหนูไม่ได้ส่ง หนูไม่รู้ว่าตอนนั้นหนูเป็นอะไร แต่เท่าที่รู้คือพ่อจับ แล้วเค้าก็ไล่ให้หนูกลับมาอยู่กับย่า ตัวพ่อจะเป็นแบบนี้ตลอด เวลาเราทำอะไรเวลาเราทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเขาเค้าจะไล่เหมือนเรา ไม่ใช่ลูก หลังจากนั้นหนูจะย้ายมาอยู่กับแม่ ตัวแม่ของหนูก็มีครอบครัวใหม่ค่ะ เลี้ยงไปทำงานเลี้ยงไปทำงาน ที่ต่างประเทศ หนูเลยได้อยู่กับแม่กับน้อง กับตากับยายแล้วก็น้าหนูอีกหนึ่งคนค่ะ แรกแรกก็ดีนะคะ เค้าดูเอ็นดูหนูมาก แต่พอหลังๆ หนูรู้สึกว่า เค้าคาดหวังกับหนูมากเกินไป เค้าเหมือนคนหัวโบราณ อะไรที่มันเป็นแฟชั่นสมัยใหม่เค้าเข้าไม่ถึงเลย ไม่ว่าจะแต่งหน้าเค้าก็เหน็บแนมเราตลอด เราจะแต่งตัวตามแฟชั่นเค้าก็เหน็บแนมเรา ดูถูกเราว่าเราเป็น ทั้งที่เราก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊อะไรเลย เราแต่งตามแฟชั่นปกติทั่วไป ถ้าพี่พี่นึกไม่ออกว่าหนูแต่งแบบไหนแม่ถึงด่าหนูจะบอกพี่ว่า เสื้อแขนกุดแม่ก็ไม่ให้ใส่ ชุดนอนใส่บ้านสายเดี่ยวก็ไม่ให้ใส่เสื้อเอวลอยแบบน่ารักน่ารักก็ไม่ให้ใส่ กางเกงขาสั้นใส่อยู่บ้านก็ไม่ให้ใส่ ชุดเดรสสไตล์น่ารักน่ารักก็ไม่ได้ แต่งหน้ากรีดตาก็โดนเหน็บแนม แม่เริ่มเป็นหนักขึ้นเรื่อยเรื่อยถึงขั้นเริ่มทักหนูต่อหน้าคนอื่นว่าหนูท้องรึเปล่า บางทีก็ดูถูกหนูว่าสภาพแบบนี้ผู้ชายเอาไม่กี่ทีก็ทิ้ง พี่คงจะสงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมพี่คงจะสงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมแม่ถึงพูดกับหนูขนาดนี้
จริงๆแล้วการใช้ชีวิตของหนูกับแม่ยังปรับเข้าหากันไม่ได้ เพราะหนูอยู่กับปู่กับย่ามาตั้งแต่เด็ก สไตล์การใช้ชีวิตจะไม่เหมือนกัน อย่างเรื่องงานบ้านเรื่องแต่งตัวเรื่องพูดคุยกับคนในครอบครัวก็จะไม่เหมือนกัน บางทีเราทำงานบางทีเราทำงานบ้านให้เขาเค้าไม่เห็นเค้าก็ว่าเราไม่ทำ หนูทะเลาะกับแม่เรื่องทำงานหนูทะเลาะกับแม่เรื่องทำงานบ้านบ่อยมากค่ะ หนูเป็นคนที่อยากหยิบเองอยากทำเองหนูเป็นคนที่อยากหยิบเองอยากทำเอง เวลามีใครมาชี้นิ้วบวมหรือสั่งหนูจะมีอารมณ์ทำเวลามีใครมาชี้นิ้วบวมหรือสั่งหนูจะไม่มีอารมณ์ทำงานแล้วรู้สึกว่าตัวเองจะทำงานพอลวกๆ แต่ก่อนหนูก็ทำแต่ก่อนหนูก็ทำแบบนั้น แต่ตอนนี้หนูแก้ไขปัญหาด้วยการรอให้แม่ออกไปทำธุระ แต่ตอนนี้หนูแก้ไขปัญหาด้วยการรอให้แม่ออกไปทำธุระนอกบ้านแล้วค่อยรีบทำให้มันเสร็จค่ะ ปกติแม่จะออกไปนอกบ้านบ่อยมาก มันเลยทำให้มันเลยทำให้หนูมีเวลาทำงานบ้านให้แม่ได้ตลอด แต่แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าเค้าไม่เห็น เค้าเลยคิดว่าหนูไม่ทำเค้าเลยคิดว่าหนูไม่ทำ
บางทีเค้าทำงานบางทีเค้าทำงานมาเหนื่อยเหนื่อยเค้าก็ มาใส่อารมณ์กับหนู ด่าหนูเสียๆหายๆ อะไรที่แม่คิดว่าพูดมาแล้วทำให้อะไรที่แม่คิดว่าพูดมาแล้วทำให้หนูเสียใจเขาก็เลือกที่จะพูดออกมาค่ะ เค้ารู้ว่าหนูจะเสียใจและเขาก็ตั้งใจพูดให้หนูรู้สึกเจ็บ จริงๆแล้วหนูอยู่กับเขาตั้งแต่ ม. 2 เทอม2 จนจบ ม3
แล้วก็ได้ย้ายไปอยู่กับพ่ออีกครั้งนึงค่ะ แต่หนูอยู่กับเขาได้แค่เทอมเดียว เพราะเค้าจะแปลว่าหนูมีแฟน เค้ารับไม่ได้ แทนที่เขา จะเลือกคุยกับหนูดีๆ เค้าพูดให้หนูไม่มีโอกาสได้บอกเค้าเลย เพราะเค้าไล่ให้หนูไปลาออกทั้งทั้งที่หนูเพิ่งเรียน ปวช ได้แค่หนึ่งเทอม เค้าเอาหนูมาทิ้งไว้ที่บ้านย่าช่วงปิดเทอม
วันเปิดเทอมเค้าก็ไม่มารับหนูอีกเลย เค้าพูดเหมือนหนูไปฆ่าใครตาย พูดใส่เหมือนหนูไม่ใช่ลูกเค้า หลังจากนั้นหนูเลยได้ติดต่อหาแม่ว่าหนูไม่ได้เรียนต่อแล้ว
แม่หนูโทรหาพ่อเลี้ยงที่อยู่ต่างประเทศ พอพ่อเลี้ยงรู้เรื่องนี้เค้าเลยให้แม่ มารับหนูไปอยู่ด้วย ตอนแรกหนูก็ไม่อยากมาค่ะ เพราะหนูรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่หนูก็ต้องขอโทษเพราะหนูอยากเรียนต่อ เพราะถ้ากลับมาอยู่กับย่าก็ไม่มีใครส่งเรียน หนูได้ย้ายมาอยู่กับแม่อีกครั้ง และแน่นอนค่ะพี่พี่ หนูกับแม่ก็ได้ทะเลาะกันอีก ซึ่งส่วนใหญ่ตัวเค้าเป็นคนหาเรื่องหนูเอง เวลาทะเลาะกันเค้าจะชอบด่าหนูดังดังให้คนอื่นเขาได้ยิน บางทีก็จับกลุ่มพูดถึงเรื่องหนูกับคนข้างบ้าน
พูดถึงหนูในเรื่องเสียๆหายๆ ดูถูกหนูสารพัด บางทีหนูก็สงสัยว่าเค้าเป็นคนมีสองบุคลิกหรือเปล่า เพราะเวลาเค้าดีเค้าก็ดีจนใจหาย แต่เวลาเค้าร้ายเค้าก็ดูถูกหนูสารพัด เค้าขู่หนูว่าเค้าจะไม่ให้แฟนมาหาหนู(หนูพูดตรงตรงเลยนะคะว่าหนูรักแฟนมากเพราะทั้งชีวิตของหนูที่ใช้มาทั้งหมดมีแค่แฟนหนูกับย่าที่หนูเล่าเรื่องไม่สบายใจให้ฟัง) เค้าเป็นเหมือนเซฟโซนโซนของหนูเวลาที่เค้ามาหาหนูที่บ้าน หนูก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองมีเพื่อน เพราะทุกครั้งที่หนูเพิ่งย้ายมาอยู่กับแม่ตอนโต มาทำให้มาทำให้หนูไม่มีเพื่อนเลย หนูคิดว่าพี่พี่บางคนอาจจะคิดว่าหนูหลงแฟน แต่จริงๆแล้วเค้าเป็นคนที่เคียงข้างหนูทุกทุกครั้งที่ทะเลาะกันทะเลาะกับแม่ เค้าจะคอยเตือนสติหนูตลอด คอยบอกคอยสอนหนู อะไรที่หนู ไม่กล้าปรึกษาแม่ก็มีเค้าเป็นที่ปรึกษาให้ นอกจากแม่ขู่เรื่องไม่ให้แฟนมาหาหนูยังไม่พอ เค้าก็ขู่ทุบโทรศัพท์หนู ซึ่งเครื่องที่หนูใช้ปัจจุบันเป็น iPhone ก่อนหน้านี้เค้าเคยทุบโทรศัพท์หนูทิ้งไปแล้วหนึ่งเครื่อง หนูไม่เคยลืมเลยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน เพราะโทรศัพท์เครื่องนั้นหนูเก็บรูปของปู่ไว้ทุกเหตุการณ์ จริงๆแล้วรูปของปู่ที่หนูเก็บไว้คือรูปตอนที่ปู่เสียชีวิต ตอนที่หนูไปรับศพปู่ที่โรงพยาบาล
ตอนนี้เค้าเอาศพปู่มาไว้ที่บ้าน รวมถึงวันสุดท้ายคือวันเผา รวมทั้งหมดอยู่ในเครื่องนั้น หนูไม่สามารถกู้คืนมาได้ ปู่เป็นคนเลี้ยงลูกมาตั้ง 12 ปี หนูรักปู่มาก
หนูตั้งใจเก็บรูปพวกนั้นไว้เพิ่งเตือนตัวเองว่าไม่ให้ทำตัวหนูตั้งใจเก็บรูปพวกนั้นไว้เพิ่งเตือนตัวเองว่าไม่ให้ทำตัวไม่ดี แต่ของหนูหนูก็ทำแต่ของหนูหนูก็ทำรูปพวกนั้นจนสูญสิ้นไปหมดแล้ว พอมาตอนนี้ หนูก็ใกล้จะขึ้น ปวช3 เค้าก็เคยพูดใส่หนูตลอด ว่าเมื่อไหร่จะเรียนจบ กูเบื่อขี้หน้า เกะกะลูกหูลูกตากู
กูรำคาญ เขาทำเหมือนหนูเขาพูดเหมือนหนูรู้สึกกดดัน สิ่งหนึ่งที่เค้าเป็นแบบนี้เพราะเขารักลูกไม่เท่ากันค่ะ เขามีความสุขกับชีวิตใหม่ กับครอบครัวใหม่ของเค้า เค้ามีลูกกับพ่อเลี้ยงหนึ่งคนซึ่งเป็นน้องที่อายุห่างกว่าหนูเก้าปี เค้ามีความทรงจำดีดีเค้ามีความทรงจำดีดีกับครอบครัวใหม่มาก เพราะพ่อเลี้ยงเป็นผู้ชายที่ดี ต่างจากพ่อของหนู มันทำให้มันทำให้แม่มีอคติว่าหนูเป็นลูกของผัวเก่า แล้วตอนที่แม่คบกับพ่อของหนูบวกกับตอนที่แม่เลี้ยงดูหนู ปัจจัยหลายหลายอย่างมันยังไม่พร้อม จึงทำใ จึงทำให้มีปัญหากัน บางทีเวลาแม่พูดแม่ก็พูดว่ารักลูกเท่ากัน แต่คำพูดแต่คำพูดกับการกระทำหนูรู้สึกว่ามันย้อนแย้ง บางที่หนูก็อยากให้แฟนรีบรีบมาหมั้นหนู แล้วรีบพาตัวหนูออกไปไกลๆจากที่นี่ พ่อหนูรู้สึกเสียสุขภาพจิตมาก บางอย่าง ที่หนูเป็น
หรือแทบจะทุกอย่าง มันดูไม่เข้าตาเค้าเลย เค้าดูไม่ชอบขี้หน้าหนู ดูหงุดหงิดกับหนู จนหนูรู้สึกว่าถ้าหนูโตไป หนูอยากจะเอาเงิน 5,000,000 มากองไว้ตรงหน้าแม่ แล้วยกให้แม่ทั้งหมดเลย แต่ต่อจากนี้ก็ขอขาดกัน หนูรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะคะ หนูรู้สึกว่าถ้าหนูโตไปได้หนูจะไม่อยากกลับมาอีก
ในมุมมองของพี่ๆ พี่คิดว่าหนูผิดมั้ยคะที่ไม่เคยคิดที่จะรักพ่อแม่ของตัวเอง
ที่หนูนำที่หนูนำปัญหาในใจของหนูมาถามพี่พี่ เพราะหนูอยากได้คำตอบและความคิดเห็นของพี่พี่มากเลยค่ะ
หนูขอให้เรื่องเล่าของหนู อยู่แค่ในพันทิปนี้นะคะ
"ขอบคุณพี่ๆมากๆนะคะที่อ่านข้อความหนูจนหมด"