การที่ ลิซ่า ได้รับเกียรติให้เป็นคนโยนเหรียญเสี่ยงทายในเกมนอร์ธลอนดอนดาร์บี้ พิเศษอย่างไร?

การที่ ลิซ่า ได้รับเกียรติให้เป็นคนโยนเหรียญเสี่ยงทายในเกมนอร์ธลอนดอนดาร์บี้ ถือว่าเป็นเรื่องพิเศษทีเดียว 
พิเศษอย่างไร? 

คือเอาจริงๆ ในพรีเมียร์ลีกนั้น การให้เซเล็บเชิญเหรียญ หรือโยนเหรียญเสี่ยงทายก่อนแมตช์ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันบ่อยๆ เท่าที่ผมจำความได้ ในรอบสิบปีมานี้ น่าจะมีแค่ 3-4 ครั้งเท่านั้น 

เช่น เดือนกรกฎาคม 2023 เกมกระชับมิตรของฟูแล่ม กับ เชลซี ที่แมรี่แลนด์ คนเชิญเหรียญ คือ เควิน ดูแรนต์ นักบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกา หรือในเดือนพฤษภาคม 2024 เกมพรีเมียร์ลีกระหว่างน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ กับ เชลซี ที่ซิตี้ กราวด์ แบรนด์นาฬิกา Hublot ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับพรีเมียร์ลีก ได้เชิญเอลลิส แพลทเท่น ยูทูบเบอร์เจ้าของช่องกีฬา Away Days มาเป็นคนโยนเหรียญในอเมริกันเกมส์ เราเห็นกิจกรรมแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เช่นการ First Throw ขว้างบอลลูกแรก ในกีฬาเบสบอล 

แต่ในฟุตบอลอังกฤษ ไม่ค่อยเห็นเซเล็บมาเชิญเหรียญก่อนแข่ง นานมากๆ จะมีสักที และถ้าจะมีก็มักจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับวงการกีฬา 
ดังนั้นเคสของลิซ่านั้นต้องบอกว่า "ฉีก" ออกไปเลย เพราะเธอคือคนในวงการดนตรี

ทำไมลิซ่า ถึงได้มาเชิญเหรียญในแมตช์เมื่อคืนนี้?
ถ้าตอบแบบง่ายๆ ก็คือ แบรนด์กินเนสส์ (Guinness) เชิญมา แต่คำถามต่อมาคือ แล้วทำไมต้องเป็นลิซ่าล่ะ  ก่อนอื่นเลย ต้องอธิบายว่า ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกมีการเปลี่ยนพาร์ทเนอร์ จากเดิมเคยดีลกับเบียร์ยี่ห้อบัดไวเซอร์มานานหลายปี ทางพรีเมียร์ลีก ตัดสินใจเซ็นสัญญากับบริษัท ชื่อ Diageo ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ของเบียร์กินเนสส์ที่โด่งดัง โดยเซ็นกัน 4 ปี มูลค่าสัญญารวม 52 ล้านปอนด์

โดย Diageo เซ็นสัญญารวบทั้ง เบียร์แบบมีแอลกอฮอล์ (กินเนสส์) กับเบียร์แบบไม่มีแอลกอฮอล์ (กินเนสส์ 0.0) ในมุมของ Diageo การเซ็นสัญญาครั้งนี้ ได้ประโยชน์กับแบรนด์ เพราะสามารถเอาเบียร์ของตัวเองไปขายได้ทั้ง 20 สนามในพรีเมียร์ลีก รวมถึงเวลาฟุตบอลแข่งอยู่ ก็สามารถขึ้นแบนเนอร์โฆษณาของเบียร์ได้ตลอดทางโทรทัศน์ 

สัญญาที่กินเนสส์เซ็น คือ Global Partnership หมายความว่า คนทั่วโลกที่ดูพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน ก็ต้องเห็นแบรนด์กินเนสส์ไปด้วย ในวันที่เซ็นสัญญา สตีเฟ่น โอ เคลลี่ ผู้บริหารของกินเนสส์กล่าวว่า "นี่คือการจับมือกันของสองแบรนด์ระดับโลกที่ผู้คนทั่วโลกหลงรัก" พรีเมียร์ลีก คือ ลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ส่วนกินเนสส์คือหนึ่งในเบียร์ขายดีที่สุดในโลก และมีอายุยาวนานมากกว่า 260 ปี

ในวันนี้เมื่อกินเนสส์ มาจับมือกับพรีเมียร์ลีก พวกเขาก็ย่อมต้องการหาช่องทางจะโปรโมทเรื่องนี้ ให้ทุกคนได้รู้ นั่นคือเหตุผลที่ กินเนสส์ วางแผนทำกิจกรรมพิเศษ ในเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ ระหว่างอาร์เซน่อล กับสเปอร์ส ในวันที่ 15 มกราคม 2025 โดยในกิจกรรมพิเศษนี้ พรีเมียร์ลีกจะอนุญาตให้กินเนสส์ นำพรีเซ็นเตอร์หนึ่งคน เดินลงสู่สนาม เพื่อทำการโยนเหรียญก่อนเกม จริงอยู่ กินเนสส์จะเอาผู้บริหารของตัวเองลงไปโยนเหรียญก็ได้ หรือจะเอาพรีเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโดยตรง อย่างอลัน เชียเรอร์ ไปโยนก็ได้

แต่พวกเขาตัดสินใจว่า ขอไป "คอลแล็บ" กับคนอื่นดีกว่า และสุดท้ายก็เลือกลิซ่าในโปรเจ็กต์นี้ ทางกินเนสส์ ไม่ได้เปิดเผยว่าทำไมเลือกลิซ่าที่ดูไม่เกี่ยวข้องกับโลกกีฬา แต่ถ้าให้เราวิเคราะห์ ก็คงพอจะตอบได้ว่า ในมุมของแบรนด์ ลิซ่ามีความ "Global"  เป็นเซเล็บระดับโลก ที่เคมีตรงกับกินเนสส์ และ พรีเมียร์ลีกพอดี

- ปัจจุบัน ลิซ่าคือ ศิลปินเคป๊อป ที่มีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากที่สุด ด้วยจำนวน 105 ล้านฟอลโลเวอร์ แปลว่า ใครๆ ก็ชอบเธอ เหมือนกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ใครๆ ก็ชอบดู
- ลิซ่า มีความ Diversity สูงมาก เธอเป็นคนไทยที่ดังในเกาหลีใต้ก็จริง แต่เธอพูดได้หลายภาษา นอกจากนั้นยังร่วมงานกับคนทุกๆ ทวีป 
เธอสนิทสนมกับไทล่า (ทวีปแอฟริกา), ร้องเพลง Feat.กับโรซาเลีย (ทวีปยุโรป), ตอนอยู่ Blackpink เธอมีซิงเกิ้ลร่วมกับ เซเลน่า โกเมซ (ทวีปอเมริกาเหนือ) 
ดูแล้วคาแรคเตอร์ที่เปิดรับความหลากหลายของลิซ่า ก็คล้ายๆ กับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่พร้อมให้โอกาสนักเตะจากทั่วทุกมุมโลก 
- ลิซ่ามีความผูกพันกับกินเนสส์เบาๆ ในแง่ว่า เธอเป็นเจ้าของสถิติโลก Guinness World Records 9 อย่าง 
เช่น เป็นศิลปินเคป็อปประเภทเดี่ยวคนแรก ที่มียอดฟังใน Spotify มากถึง 1 พันล้านครั้ง (ในเพลง Money) และ เป็นศิลปินเคป๊อป ที่มียอดฟอลโลเวอร์ผ่านหลักล้านเร็วที่สุดใน TikTok โดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงกับอีก 18 นาที 

Guinness World Records กับเบียร์ Guinness ก็มีจุดเริ่มต้นใกล้ๆ กัน เพราะคนแรกที่เริ่มบันทึกสถิติโลกในเล่มนั้น ก็คือผู้บริหารของเบียร์กินเนสส์นั่นเอง

แน่นอน ฝั่งกินเนสส์ ต้องคำนวณมาแล้ว ว่าลิซ่าคือเซเล็บในเลเวลระดับโลก เป็นคนที่คุณการันตีได้เลยว่า ต่อให้โผล่หน้ามาแค่ 1-2 นาที ก็จะถูกพูดถึงมากมาย ไม่แปลกที่ทางกินเนสส์จะชวนเธอมาร่วมงานกัน ในโปรเจ็กต์พรีเมียร์ลีกเมื่อคืนนี้

นอกเหนือจากประเด็นที่ลิซ่าดังระดับโลกแล้ว อีกเหตุผลที่ผมคิดว่าเกี่ยวกันที่ทำให้กินเนสส์สนใจเธอ นั่นเพราะลิซ่า ไม่ได้มีภาพลักษณ์เป็นศิลปินแบบใสซื่อ แต่เธอมีความ All Around จะหวานก็ได้ จะเข้มก็ได้ รับโฆษณาได้ทุกแบบ

เอาจริงๆ คาแรคเตอร์ของลิซ่า สามารถเป็นตัวแทนของคนหนุ่ม-สาว ที่ดื่มแอลกฮอล์ในชีวิตประจำวันได้เลย อย่าลืมว่าปีที่แล้ว ลิซ่าก็โฆษณาเหล้าชีวาส รีกัล ซึ่งก็เป็นของมึนเมาเช่นกัน เอาเป็นว่าบุคลิกเธอดูเข้ากับสินค้าประเภทนี้เหมือนกัน ไม่ได้ดูขัดเขิน รวมถึงอีกมุมหนึ่ง ที่ผมคิดเองว่า อาจจะเกี่ยวนิดๆ คือกินเนสส์เป็น "เบียร์ดำ" เวลาคนอังกฤษดื่มกันก็จะใส่ในแก้วเบียร์ ที่เรียกว่า ไพน์ท (Pint) บางครั้ง คนอังกฤษก็เรียกกินเนสส์ว่า Black Pint ซึ่งมันก็ดูพอเหมาะพอเจาะ กับวงของลิซ่า ที่ชื่อว่า Blackpink พอดี 

15 มกราคม 2025 ก่อนเกมระหว่างอาร์เซน่อล กับ สเปอร์ส ลิซ่าเดินลงสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ไปหาผู้ตัดสินไซม่อน ฮูเปอร์ และมาร์ติน โอเดการ์ด กับ ซน ฮึง-มิน กัปตันของทั้งสองทีม

จริงๆ ตามหลัก เซเล็บต้องโยนเหรียญด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมลิซ่า ไม่ทำแบบนั้น เธออาจจะไม่อยากเป็นจุดสนใจเกินไป หรือไม่ก็บรีฟกันมาแบบนี้
ลิซ่าจึงแค่มอบเหรียญ ให้ไซม่อน ฮูเปอร์ และเธอก็หยุดอยู่กลางสนาม เมื่อผู้ตัดสินทำทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็เดินมาขอบคุณเธอ ก่อนจะปล่อยให้ลิซ่าที่เสร็จภารกิจแล้ว เดินออกจากสนามไป

เรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาทีก็จบกระบวนการ แต่ช่วงเวลาไม่ถึง 2 นาทีตรงนั้น ก็ต้องบอกว่า กินเนสส์ได้กระแสเยอะทีเดียว ในโลกออนไลน์  เพราะผู้คนก็สงสัยว่า เฮ้ย ลิซ่าไปไงมาไง ถึงมาสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมได้นะ เมื่อสงสัยก็พยายามไปหาคำตอบ แล้วก็ได้รู้ว่า อ๋อ ลิซ่ามาคอลแล็บกับเบียร์กินเนสส์นั่นเอง 

หลายๆ คนก็เพิ่งได้รู้วันนี้นี่แหละ ว่าเบียร์กินเนสส์ เป็นออฟฟิเชียลเบียร์ของพรีเมียร์ลีก แทนที่บัดไวเซอร์ไปแล้ว 

ดังนั้น การเชิญลิซ่า ให้มาทำกิจกรรมครั้งนี้ ถือว่าได้กระแสข่าวเยอะ มีคนเอาไปรีทวีต เอาไปพูดถึงอีกเป็นหมื่น เป็นแสน คือในมุมการตลาด ดูแล้วคุ้มค่ากว่าเอาอลัน เชียเรอร์ ลงมาโยนเหรียญเองแน่ๆ 

หลังจากลิซ่าทำหน้าที่เรียบร้อย ผมแอบคิดในใจว่า ฟีดแบ็กเรื่องนี้จะเป็นยังไงนะ จะมีคนอังกฤษสงสัยไหมว่าลิซ่าคือใคร หรือ จะมีคนด่าลิซ่าไหมว่า ศิลปินบันเทิงจะไปอยู่ในสนามบอลทำไม  

แต่จากที่เช็กฟีดแบ็กในโลกออนไลน์ ก็เป็นแง่บวกเต็มๆ ครับ มีคนคอมเมนต์ดีๆ หลายอย่าง เช่น
- ว้าว ลิซ่าเป็นพาร์ทเนอร์กับกินเนสส์หรอ เธอน่าจะมาที่ไอร์แลนด์บ้านเกิดของกินเนสส์แล้วเข้าไปเยี่ยมชมโรงกลั่นเบียร์นะ
- เฮ้ย ลิซ่ามาดูเกมดาร์บี้ด้วย นี่คือเกมนอร์ธลอนดอนดาร์บี้ครั้งแรกของผม แถมยังมีลิซ่ามาอยู่ในสนามอีก อะไรจะสุดยอดขนาดนี้
- ลิซ่าไล่เก็บ Side Quest ระหว่างที่รอทำงานดนตรี ก่อนหน้านี้ เธอไปโบกธงใน F1 แล้ววันนี้มาเชิญเหรียญในเกมฟุตบอล ไม่แปลกใจเลย ถ้าในอนาคตเธอจะได้ลงสนามเบสบอลไปขว้าง First Throw ก่อนเกมเริ่ม!

เรื่องของลิซ่า กับการเดินลงสู่สนามก่อนเกมพรีเมียร์ลีก ก็จบลงเท่านี้ครับ ในฐานะคนดูฟุตบอล ก็เป็นภาพที่แปลกดีเหมือนกัน ฟีลว่า มาไงเนี่ยะ!  
คิดแล้วก็ตลกดี ที่คนไทยคนแรกที่ได้ลงสนามในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ นักฟุตบอล แต่เป็นลิซ่าแทนซะงั้น

สำหรับข่าวของลิซ่ากับการเชิญเหรียญ ในฐานะตัวแทนกินเนสส์ครั้งนี้ อาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที แต่ผมคิดว่า ก็เป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จของเธอครับ ลลิษา มโนบาล ตอนนี้ไปไกลกว่าแค่นักร้องแล้ว เธอรันไปทุกวงการ ทำงานได้ทุกแบบ รับโฆษณาได้ทุกสไตล์ และไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก 

ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน ก็คงบอกได้แค่ว่า ภูมิใจมากจริงๆ ที่ได้เห็นคนไทยสักคน ถูกยอมรับจากสังคมโลกมากมายขนาดนี้ครับ



เครดิต วิเคราะห์บอลจริงจัง
https://www.facebook.com/100044455838548/posts/1206761174149066/?mibextid=WC7FNe&rdid=0wDvrcUuyuCUx7l1#
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่