สิ้นปีใหม่ที่ผ่านมา ได้รวมวงสังสรรค์กับน้องๆที่ห่างหายกันไปนาน
ดื่มไปคุยมา น้องๆก็เริ่มลามไปถึงเรื่องผีๆสางๆ เล่าเอามันส์ไม่ได้มีมูล หรือพยานในเหตุการณ์
เล่าวนไปสักพักก็เริ่มหยุดไม่ได้แล้ว ผมเลยจำใจต้องเปิดเรื่องนี้ขึ้นมา
จำบ้าน เอส (นามสมมุติ)ได้มั้ย
บางส่วนหน้าถอดสี เพราะเป็นกลุ่มที่เคยเจอด้วยกัน ส่วนหลายๆคนก็ตาเป็นประกายพร้อมกับตั้งใจฟังสุดๆ
"เอาจริงหรอพี่ อยู่หลังซอยนี่เองนะ" หนึ่งในคนสนิทของผมเอ่ยปาก
ทุกอย่างมันเริ่มเอสหนึ่งในน้องคนสนิทของผม เสียขีวิตด้วยอุบัติเหตุไปตั้งแต่ปี 53 ช่วงเวลาใกล้ๆสิ้นปีนี่แหละ
แน่นอนว่าบางส่วนผมเล่าเพื่ออยากรำลึกความหลังกับเหตุการณ์นั้น และให้เป็นเรื่องสอนใจว่า ให้เรามีสติตลอดเวลา
เอส เป็นลูกคนเดียวของบ้าน เอสมีแค่แม่อยู่ที่บ้านคอยเลี้ยงดูมาคนเดียว หลายๆครั้งสถานที่สังสรรค์มักจะเป็นบ้านของน้องชายสุดที่รักคนนี้
ในเวลาที่แม่ของเอสออกไปทำงาน น้องก็มักจะชวนแก๊งค์นี้ไปหาบ่อยๆ
แต่มีอยู่วันหนึ่งพวกผมมาที่บ้านของเอส มาเตรียมของรอเพื่อจะตั้งวง นั่งรวมตัวอยู่สักพัก
'แม่เอสกลับบมาบ้าน' ผมก็คิดแล้วล่ะว่าวันนี้งานคงต้องยกเลิก เพราะเกรงใจผู้ใหญ่เขาจะพักผ่อน
แต่สิ่งที่ผมทำประหลาดใจคือแม่เอสกลับพูดออกมาว่า "อยู่เป็นเพื่อนเอสก่อนสิ เดี๋ยวพวกเทอค่อยกลับ"
ผมตอบรับไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง จากนั้นเอสก็กลับมาพร้อมกับมิ๊กเซอร์ทั้งหลาย พร้อมกับตกใจที่เห็นแม่
และเอ่ยปากถาม "ไหนบอกว่าวันนี้ไม่มีแสดงให้ท่านดูไง"
แม่เอสหันมายิ้มให้และตอบกลับ "เขาคงอยากให้คนมากันเยอะๆ"
ผมเกิดความสงสัยมากมายเต็มไปหมด แต่หลายๆคนเริ่มออกอาการและบ่ายเบี่ยงให้ผมว่าเปลี่ยนวันเถอะ
เพราะกลัวว่าจะทำให้อึดอัดกันเปล่า บรรยากาศตอนนั้นก็เริ่มแปลกๆ ทุกคนเริ่มพูดน้อยลง
แม้แต่เป็นตัวโจ๊กประจำแก๊งค์ก็ดูลุกลี้ลุกลนยังไงชอบกล แต่ทำไงได้ของครบ คนพร้อมก็ต้องไปกันให้ถึงฝั่งฝัน
เริ่มเปิดหัวตั้ง 1ทุ่มกว่าๆกับข้าว เครื่องดื่ม บรรยากาศ พอเริ่มแล้วหลายๆอย่างก็เบาใจลงกินไปสักพักผมก็เกิดคำถามก่อนหน้านี้
"เห้ยเมื่อกี้พูดไรกับแม่วะ สดงแสดงอะไรวะ" ผมยิงถามใส่เอส
"แม่ผมเขาจะเล่นดนตรีครับเสธ(ชื่อที่น้องๆใช้เรียกผม) ไม่มีไรหรอก" เอสตอบกลับ
"แม่เป็นมือเบสด็อกเตอร์ฟูหรอวะ ฮ่าๆ" ผมพูดแซวเอสกลัวบรรยากาศมันจะเงียบเกิน
"เดี๋ยวเสธลองฟังก็ได้นะครับ"
สองทุ่มตรงเป็นช่วงเวลาที่ตอนนั้นกำลังได้ที่ในระดับหนึ่งแล้ว การพูดคุยเริ่มใช้สติน้อยลงและเริ่มเสียงดังกันมากขึ้น
วิทยุคลื่นไหนสักคลื่นนี้แหละเฮียHugo บรรเลง 99 problems กำลังโยกตัวมันส์ๆ
จู่ๆ เสียงที่แทรกเข้ามาดังมาจากด้านบน เป็นเสียงดนตรีไทยกำลังบรรเลงจังหวะเนิบๆ ทุกคนเงียบหยุดทุกกิริยา
มองหน้ากัน น้องที่อยู่ใกล้รีบปิดวิทยุ (สงสัยจะเป็นพวกเราวะที่เป็น problems ฮ่าๆ)
"เสธลองฟังดูครับเผื่อจะชอบดนตรีแนวนี้" เอสพูดขึ้นมาแบบติดตลกแต่ตอนนั้น
"อ ส" คือสิ่งที่ผมตอบมันตอนนั้นทุกคนหน้าเสียไม่น่าเชื่อว่าชายฉกรรจ์ราวๆสิบกว่าชีวิตจะจับมือกันแน่น บางคนตัวสั่นยังกับว่าอากาศหนาวฉฉับพลัน
บทเพลงบรรเลงไปอยู่นานสองนาน ราวกับว่ามันไม่มีทางจะจบง่ายๆ 10นาทีผ่านไปราวกับ1ชม. นั้นคือระยะเวลาทั้งหมดที่เสียงดนตรีนั้นบรรเลง
ส่วนคนประพันธ์นั้นไม่ต้องถามก็ได้ ไม่ได้อยากรู้อะไรเลย ณ ตอนนั้น
เมื่อทุกอย่างจบลงผมหันไปถามเอสอีกครั้ง
"แม่เล่นดนตรีทำไมเวลานี้วะ" ถามแบบกระซิบกระซาบ
"เขาเล่นให้แม่ตะเคียนฟังครับ"
พอถึงประโยคนี้ทุกคนราวกับว่าไม่ได้มีสารมึนเมาใดๆอยู่ในร่างกาย กลับกลายเป็นคนปกติรีบชวนกันกลับทั้งๆทียังไม่ใช่เวลาเลิกราโดยปกติ
ผมที่เป็นแก่นนำของน้องๆ ทำใจดีสู้เสือโดยเอ่ยปากไปว่า "เห้ยจะกลัวทำไม เราไม่ได้ลบหลู่อะไรเขาสักหน่อย"
แต่น้องคนหนึ่งพูดสวนมาว่า "แต่ผมเพิ่งเยี่ยวใส่หน้าบ้านมันพี่"
"ชห. ที่เยอะแยะ" พร้อมลั่นกระโหลกไปหนึ่งครั้งเพื่อเตือนว่าออย่าหาทำอีก
พอทุกอย่างกลับเหมือนจะเป็นปกติ ก็ได้เวลาเร่งรอบเพื่อให้งานนี้มันจบไวขึ้น แต่ของที่เราตุนกันมามันดันเยอะจนเกินกำลังคน
ดื่มไปคุยไปเสียงโมโนโทนในตอนแรกก็หายกลายเป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าวแบบเดิม ตามด้วยความมึนที่มันทวีคูณ
จนกระทั่งไอ้น้องคนที่ฉี่ใส่หน้าบ้านเอส ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำในบ้าน ที่มันไม่อยากไปเพราะมันขี้เกียจเดิน
หายเข้าไปสักพัก มันเดินกลับออกมาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
"ปกติแม่นอนดึกหรอวะ"
"ก็ไม่นะอาจจะไม่ค่อยอยากนอนก็ได้ช่วงนี้ แกติดละครหลังข่าว มีไรป่าวล่ะ"
"เปล่าไม่มีไรหรอก" จบบทสนทนาไปแบบน่าสงสัย
พอเข้าสู่ช่วงกลางดึก เสบียงทุกอย่างหมดลงนั้นแปลว่าได้เวลาเลิกราทุกคนต่างทยอยออกมาก่อนบ้างบางส่วน
ยังเหลือผมกับน้องที่ยิงกระต่ายหน้าบ้านเพื่อนที่ตามออกมาที่หลัง ในระหว่างทางที่กำลังเดินออกมา
น้องมันเดินมากระซิบข้างๆว่า "เสธ! ผมมีไรจะเล่าไว้ไปรวมกันข้างนอก"
"มีไรก็เล่ามาก่อนเลย"
"ตอนผมไปเข้าห้องน้ำขากลับออกมา ผมเห็นเหมือนคนกำลังเดินลงจากบรรได ผมเลยถามไป 'แม่เอสยังไม่นอนหรอครับ'
เสธผมไมได้ตาฝาดนะเว้ย ผมเห็นแค่ขาเดินถอยย้อนกลับขึ้นไปบนบ้าน"
พอจบประโยคนี้ผมรีบเช็คอาการของมันก่อนเลยว่า ระดับแอลอยู่ขั้นไหนพูดเพ้อเจ้อหรือป่าว แต่ดูจากสีหน้ามันแล้วดูถ้าจะจริงจังบวกกับที่มันไปห้องน้ำตรงโถงทางเดิน และผมก็ห้ามมันว่าอย่าเพิ่งไปเล่าอะไรแบบนี้ให้คนอื่นฟัง เพราะกลัวว่าจะไม่มีใครกล้ามา พร้อมกับปลอบใจไปว่า อาจจะภาพหลอนจากการที่เอ็งซัดหลายกษัตริย์เกินไป
และวันถัดเอสก็ได้โทรมาหาผมพร้อมกับพูดว่า
"เสธครับ แม่ผมชวนพวกเรากินข้าวตอนเย็นนี้ครับ"...
รวบรวมไว้เท่านี้ก่อนครับ เดี๋ยวพิมพ์ไปแก้คำผิดเอาไว้ในโน้ตแล้วจะมาแปะเพิ่มให้ครับ
เรื่องนี้จะคอยเตือนใจผมในทุกๆปี
ดื่มไปคุยมา น้องๆก็เริ่มลามไปถึงเรื่องผีๆสางๆ เล่าเอามันส์ไม่ได้มีมูล หรือพยานในเหตุการณ์
เล่าวนไปสักพักก็เริ่มหยุดไม่ได้แล้ว ผมเลยจำใจต้องเปิดเรื่องนี้ขึ้นมา
จำบ้าน เอส (นามสมมุติ)ได้มั้ย
บางส่วนหน้าถอดสี เพราะเป็นกลุ่มที่เคยเจอด้วยกัน ส่วนหลายๆคนก็ตาเป็นประกายพร้อมกับตั้งใจฟังสุดๆ
"เอาจริงหรอพี่ อยู่หลังซอยนี่เองนะ" หนึ่งในคนสนิทของผมเอ่ยปาก
ทุกอย่างมันเริ่มเอสหนึ่งในน้องคนสนิทของผม เสียขีวิตด้วยอุบัติเหตุไปตั้งแต่ปี 53 ช่วงเวลาใกล้ๆสิ้นปีนี่แหละ
แน่นอนว่าบางส่วนผมเล่าเพื่ออยากรำลึกความหลังกับเหตุการณ์นั้น และให้เป็นเรื่องสอนใจว่า ให้เรามีสติตลอดเวลา
เอส เป็นลูกคนเดียวของบ้าน เอสมีแค่แม่อยู่ที่บ้านคอยเลี้ยงดูมาคนเดียว หลายๆครั้งสถานที่สังสรรค์มักจะเป็นบ้านของน้องชายสุดที่รักคนนี้
ในเวลาที่แม่ของเอสออกไปทำงาน น้องก็มักจะชวนแก๊งค์นี้ไปหาบ่อยๆ
แต่มีอยู่วันหนึ่งพวกผมมาที่บ้านของเอส มาเตรียมของรอเพื่อจะตั้งวง นั่งรวมตัวอยู่สักพัก
'แม่เอสกลับบมาบ้าน' ผมก็คิดแล้วล่ะว่าวันนี้งานคงต้องยกเลิก เพราะเกรงใจผู้ใหญ่เขาจะพักผ่อน
แต่สิ่งที่ผมทำประหลาดใจคือแม่เอสกลับพูดออกมาว่า "อยู่เป็นเพื่อนเอสก่อนสิ เดี๋ยวพวกเทอค่อยกลับ"
ผมตอบรับไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง จากนั้นเอสก็กลับมาพร้อมกับมิ๊กเซอร์ทั้งหลาย พร้อมกับตกใจที่เห็นแม่
และเอ่ยปากถาม "ไหนบอกว่าวันนี้ไม่มีแสดงให้ท่านดูไง"
แม่เอสหันมายิ้มให้และตอบกลับ "เขาคงอยากให้คนมากันเยอะๆ"
ผมเกิดความสงสัยมากมายเต็มไปหมด แต่หลายๆคนเริ่มออกอาการและบ่ายเบี่ยงให้ผมว่าเปลี่ยนวันเถอะ
เพราะกลัวว่าจะทำให้อึดอัดกันเปล่า บรรยากาศตอนนั้นก็เริ่มแปลกๆ ทุกคนเริ่มพูดน้อยลง
แม้แต่เป็นตัวโจ๊กประจำแก๊งค์ก็ดูลุกลี้ลุกลนยังไงชอบกล แต่ทำไงได้ของครบ คนพร้อมก็ต้องไปกันให้ถึงฝั่งฝัน
เริ่มเปิดหัวตั้ง 1ทุ่มกว่าๆกับข้าว เครื่องดื่ม บรรยากาศ พอเริ่มแล้วหลายๆอย่างก็เบาใจลงกินไปสักพักผมก็เกิดคำถามก่อนหน้านี้
"เห้ยเมื่อกี้พูดไรกับแม่วะ สดงแสดงอะไรวะ" ผมยิงถามใส่เอส
"แม่ผมเขาจะเล่นดนตรีครับเสธ(ชื่อที่น้องๆใช้เรียกผม) ไม่มีไรหรอก" เอสตอบกลับ
"แม่เป็นมือเบสด็อกเตอร์ฟูหรอวะ ฮ่าๆ" ผมพูดแซวเอสกลัวบรรยากาศมันจะเงียบเกิน
"เดี๋ยวเสธลองฟังก็ได้นะครับ"
สองทุ่มตรงเป็นช่วงเวลาที่ตอนนั้นกำลังได้ที่ในระดับหนึ่งแล้ว การพูดคุยเริ่มใช้สติน้อยลงและเริ่มเสียงดังกันมากขึ้น
วิทยุคลื่นไหนสักคลื่นนี้แหละเฮียHugo บรรเลง 99 problems กำลังโยกตัวมันส์ๆ
จู่ๆ เสียงที่แทรกเข้ามาดังมาจากด้านบน เป็นเสียงดนตรีไทยกำลังบรรเลงจังหวะเนิบๆ ทุกคนเงียบหยุดทุกกิริยา
มองหน้ากัน น้องที่อยู่ใกล้รีบปิดวิทยุ (สงสัยจะเป็นพวกเราวะที่เป็น problems ฮ่าๆ)
"เสธลองฟังดูครับเผื่อจะชอบดนตรีแนวนี้" เอสพูดขึ้นมาแบบติดตลกแต่ตอนนั้น
"อ ส" คือสิ่งที่ผมตอบมันตอนนั้นทุกคนหน้าเสียไม่น่าเชื่อว่าชายฉกรรจ์ราวๆสิบกว่าชีวิตจะจับมือกันแน่น บางคนตัวสั่นยังกับว่าอากาศหนาวฉฉับพลัน
บทเพลงบรรเลงไปอยู่นานสองนาน ราวกับว่ามันไม่มีทางจะจบง่ายๆ 10นาทีผ่านไปราวกับ1ชม. นั้นคือระยะเวลาทั้งหมดที่เสียงดนตรีนั้นบรรเลง
ส่วนคนประพันธ์นั้นไม่ต้องถามก็ได้ ไม่ได้อยากรู้อะไรเลย ณ ตอนนั้น
เมื่อทุกอย่างจบลงผมหันไปถามเอสอีกครั้ง
"แม่เล่นดนตรีทำไมเวลานี้วะ" ถามแบบกระซิบกระซาบ
"เขาเล่นให้แม่ตะเคียนฟังครับ"
พอถึงประโยคนี้ทุกคนราวกับว่าไม่ได้มีสารมึนเมาใดๆอยู่ในร่างกาย กลับกลายเป็นคนปกติรีบชวนกันกลับทั้งๆทียังไม่ใช่เวลาเลิกราโดยปกติ
ผมที่เป็นแก่นนำของน้องๆ ทำใจดีสู้เสือโดยเอ่ยปากไปว่า "เห้ยจะกลัวทำไม เราไม่ได้ลบหลู่อะไรเขาสักหน่อย"
แต่น้องคนหนึ่งพูดสวนมาว่า "แต่ผมเพิ่งเยี่ยวใส่หน้าบ้านมันพี่"
"ชห. ที่เยอะแยะ" พร้อมลั่นกระโหลกไปหนึ่งครั้งเพื่อเตือนว่าออย่าหาทำอีก
พอทุกอย่างกลับเหมือนจะเป็นปกติ ก็ได้เวลาเร่งรอบเพื่อให้งานนี้มันจบไวขึ้น แต่ของที่เราตุนกันมามันดันเยอะจนเกินกำลังคน
ดื่มไปคุยไปเสียงโมโนโทนในตอนแรกก็หายกลายเป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าวแบบเดิม ตามด้วยความมึนที่มันทวีคูณ
จนกระทั่งไอ้น้องคนที่ฉี่ใส่หน้าบ้านเอส ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำในบ้าน ที่มันไม่อยากไปเพราะมันขี้เกียจเดิน
หายเข้าไปสักพัก มันเดินกลับออกมาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
"ปกติแม่นอนดึกหรอวะ"
"ก็ไม่นะอาจจะไม่ค่อยอยากนอนก็ได้ช่วงนี้ แกติดละครหลังข่าว มีไรป่าวล่ะ"
"เปล่าไม่มีไรหรอก" จบบทสนทนาไปแบบน่าสงสัย
พอเข้าสู่ช่วงกลางดึก เสบียงทุกอย่างหมดลงนั้นแปลว่าได้เวลาเลิกราทุกคนต่างทยอยออกมาก่อนบ้างบางส่วน
ยังเหลือผมกับน้องที่ยิงกระต่ายหน้าบ้านเพื่อนที่ตามออกมาที่หลัง ในระหว่างทางที่กำลังเดินออกมา
น้องมันเดินมากระซิบข้างๆว่า "เสธ! ผมมีไรจะเล่าไว้ไปรวมกันข้างนอก"
"มีไรก็เล่ามาก่อนเลย"
"ตอนผมไปเข้าห้องน้ำขากลับออกมา ผมเห็นเหมือนคนกำลังเดินลงจากบรรได ผมเลยถามไป 'แม่เอสยังไม่นอนหรอครับ'
เสธผมไมได้ตาฝาดนะเว้ย ผมเห็นแค่ขาเดินถอยย้อนกลับขึ้นไปบนบ้าน"
พอจบประโยคนี้ผมรีบเช็คอาการของมันก่อนเลยว่า ระดับแอลอยู่ขั้นไหนพูดเพ้อเจ้อหรือป่าว แต่ดูจากสีหน้ามันแล้วดูถ้าจะจริงจังบวกกับที่มันไปห้องน้ำตรงโถงทางเดิน และผมก็ห้ามมันว่าอย่าเพิ่งไปเล่าอะไรแบบนี้ให้คนอื่นฟัง เพราะกลัวว่าจะไม่มีใครกล้ามา พร้อมกับปลอบใจไปว่า อาจจะภาพหลอนจากการที่เอ็งซัดหลายกษัตริย์เกินไป
และวันถัดเอสก็ได้โทรมาหาผมพร้อมกับพูดว่า
"เสธครับ แม่ผมชวนพวกเรากินข้าวตอนเย็นนี้ครับ"...
รวบรวมไว้เท่านี้ก่อนครับ เดี๋ยวพิมพ์ไปแก้คำผิดเอาไว้ในโน้ตแล้วจะมาแปะเพิ่มให้ครับ