ปกติไม่ค่อยจะตั้งกระทู้อะไรเท่าไร แต่ครั้งนี้มันอึดอัดหัวใจ จนไม่รู้จะไปพูดกับใคร จึงตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา...
เนื่องจากป่วยมาหลายปี จนทำให้ไม่สามารถทำงานได้...
เงินที่มีก็ใช้รักษาตัวเองไปจนหมด และเคยคิดจะ
"การุณยฆาต" หลายครั้ง แต่ไม่เคยทำ เพราะยังมีห่วง และมีสติคิดได้
แต่จนครั้งล่าสุดได้ลงมือแล้ว แต่ว่าไม่ประสบผลสำเร็จ
มีเหตุให้คนมาช่วยเหลือ
หลังจากวันนั้น...จึงคิดว่าจะลองกลับมาสู้อีกครั้งนึง...
เมื่อพยายามรักษาตัวเองด้วยความตั้งใจสุดท้าย อาการก็เริ่มดีขึ้น จนสามารถจะกลับมาทำงานได้
แต่...พอจะเริ่มทำงาน ก็ไม่มีสตังค์เพียงพอที่จะไปทำงาน แม้แต่เงินกินข้าวก็ยังไม่มี...
เลยคิดจะการุณฆาตอีกครั้ง เพราะคิดว่าไม่อยากที่จะไปหยิบยืมใคร แต่...ก็คิดได้อีกว่า เคยมีคนกล่าวเอาไว้...
"เราเป็นคนที่มีญาติ ไม่ใช่คนตัวเปล่าไร้ญาติเสียเมื่อไร คนเราก็ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา อ่อนแอบ้าง
ขอความช่วยเหลือคนอื่นบ้างก็ได้..."
จึงรู้สึกว่า
"เรามีสิทธิ์ที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างใช่หรือไม่?" (ถามกับตัวเองในใจ)...
เลยรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง และลองรวบรวมความกล้า ไปขอความช่วยเหลือจากญาติ
ซึ่งก็ได้รับคำพูดที่ห่วงใย และบอกว่าจะให้เงินค่าอาหาร แต่...สุดท้าย...ก็ไม่ได้ให้ มีแต่..."คำพูดเลื่อนลอย"...
ผ่านไป 1 สัปดาห์ รออย่างมีความหวังว่าญาติจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
จนหิวข้าวแทบทนไม่ไหว จึงได้โพสต์กลอนที่ไปพบด้วยความบังเอิญ และตรงกับความรู้สึกในช่วงเวลานี้ว่า...
"ยามมั่งมี อยู่ที่ไหน ใครก็รัก...
ยามเสียหลัก ไปทางไหน ใครก็หนี...
ยามเฟืองฟู ใครเอ่ยปาก ให้ทุกที...
ยามไม่มี เอ่ยปากใคร ได้แค่ลม"
เมื่อญาติได้เห็นโพสต์นี้ จึงเกิดสำนึกที่อยากจะช่วยเหลือขึ้นมา และได้โอนเงินค่าอาหารที่เคยรับปากจะช่วยเหลือมาให้ !?
ถ้าถามว่าดีใจไหม?
ก็ตอบได้ว่า...เพียงครึ่งเดียว...
เพราะ...เขาช่วยเหลือก็จริง แต่มันไม่ได้เกิดจากความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลืออย่างแท้จริง...
ถ้าไม่เห็นโพสต์ของเรา ก็คงจะไม่ช่วยเหลือใช่หรือไม่?...
แต่อย่างไรก็ตาม...ก็พยายามคิดว่าเขาช่วยเหลือก็ดีแล้ว ก็พยายามตั้งใจหางานทำ ใช้จ่ายอย่างประหยัด
กินข้าวบ้าง อดข้าวบ้าง จนร่างกายน้ำหนักลดลง เพราะอดอาหาร จนเงินที่ช่วยเหลือหมดลง...
หิวข้าวจนทนไม่ไหว คิดว่าจะไปขอข้าวที่วัดกิน เพราะเกรงใจญาติถ้าจะไปขอความช่วยเหลืออีก...
แต่...ก็ยังคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าญาติเขาคงมีเมตตาช่วยเหลือเรา เพราะเราเป็นญาติกัน ตอนแรกก็ยังช่วยเลย อย่าได้ทำตัวเหมือนคนไร้ญาติ
จึงบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากญาติอีกครั้ง...
แต่ครั้งนี้...เหมือนโดนตบจนหน้าชา...เขาก็ลำเลิกบุญคุณครั้งก่อนที่เคยช่วยเหลือไป และไล่ให้เราไปขอข้าววัดกิน...
รู้สึกเสียใจมาก...ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปาก
"ญาติของตัวเอง" ถ้าเป็นคนอื่นพูดก็คงจะเจ็บน้อยกว่า...
สำนวนไทยสำนวนนี้ลอยผุดขึ้นมาในใจ เป็นสำนวนที่ว่า
“เลือดข้นกว่าน้ำ”
หมายความว่า...
"ญาติพี่น้องย่อมดีกว่าคนอื่น หรือสายเลือดเดียวกันสำคัญกว่าเสมอ"...นั้น..."มันไม่จริง"...
ตอนนี้กำลังใจมันหมดลงเยอะมาก...จากที่คิดจะทำงาน และกลับมายืนให้ได้ใหม่อีกครั้ง ก็คงไม่มีกำลังใจจะทำแล้ว...
จึงคิดอยากกรุณยฆาต ไม่อยากเป็นภาระของใครอีกต่อไป...
เลยอยากจะขอความอนุเคราะห์ครั้งสุดท้ายของชีวิตจาก
"คนที่ไม่รู้จัก" "คนที่ไม่ใช่ญาติ" แต่มี
"จิตเมตตาจริงๆ"
อยากบริจาคค่าอาหารมื้อสุดท้ายให้ไปอยากสงบ...จะซาบซึ้งและขอบพระคุณเป็นอย่างสูง...
มีใครอยากทำบุญเลี้ยงอาหารมื้อสุดท้ายให้ บุคคลที่กำลังจะ "การุณยฆาต" บ้างหรือไม่?...
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะเนื่องจากป่วยมาหลายปี จนทำให้ไม่สามารถทำงานได้...
เงินที่มีก็ใช้รักษาตัวเองไปจนหมด และเคยคิดจะ "การุณยฆาต" หลายครั้ง แต่ไม่เคยทำ เพราะยังมีห่วง และมีสติคิดได้
แต่จนครั้งล่าสุดได้ลงมือแล้ว แต่ว่าไม่ประสบผลสำเร็จ
มีเหตุให้คนมาช่วยเหลือ
หลังจากวันนั้น...จึงคิดว่าจะลองกลับมาสู้อีกครั้งนึง...
เมื่อพยายามรักษาตัวเองด้วยความตั้งใจสุดท้าย อาการก็เริ่มดีขึ้น จนสามารถจะกลับมาทำงานได้
แต่...พอจะเริ่มทำงาน ก็ไม่มีสตังค์เพียงพอที่จะไปทำงาน แม้แต่เงินกินข้าวก็ยังไม่มี...
เลยคิดจะการุณฆาตอีกครั้ง เพราะคิดว่าไม่อยากที่จะไปหยิบยืมใคร แต่...ก็คิดได้อีกว่า เคยมีคนกล่าวเอาไว้...
"เราเป็นคนที่มีญาติ ไม่ใช่คนตัวเปล่าไร้ญาติเสียเมื่อไร คนเราก็ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา อ่อนแอบ้าง
ขอความช่วยเหลือคนอื่นบ้างก็ได้..."
จึงรู้สึกว่า "เรามีสิทธิ์ที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างใช่หรือไม่?" (ถามกับตัวเองในใจ)...
เลยรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง และลองรวบรวมความกล้า ไปขอความช่วยเหลือจากญาติ
ซึ่งก็ได้รับคำพูดที่ห่วงใย และบอกว่าจะให้เงินค่าอาหาร แต่...สุดท้าย...ก็ไม่ได้ให้ มีแต่..."คำพูดเลื่อนลอย"...
ผ่านไป 1 สัปดาห์ รออย่างมีความหวังว่าญาติจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
จนหิวข้าวแทบทนไม่ไหว จึงได้โพสต์กลอนที่ไปพบด้วยความบังเอิญ และตรงกับความรู้สึกในช่วงเวลานี้ว่า...
"ยามมั่งมี อยู่ที่ไหน ใครก็รัก...
ยามเสียหลัก ไปทางไหน ใครก็หนี...
ยามเฟืองฟู ใครเอ่ยปาก ให้ทุกที...
ยามไม่มี เอ่ยปากใคร ได้แค่ลม"
เมื่อญาติได้เห็นโพสต์นี้ จึงเกิดสำนึกที่อยากจะช่วยเหลือขึ้นมา และได้โอนเงินค่าอาหารที่เคยรับปากจะช่วยเหลือมาให้ !?
ถ้าถามว่าดีใจไหม?
ก็ตอบได้ว่า...เพียงครึ่งเดียว...
เพราะ...เขาช่วยเหลือก็จริง แต่มันไม่ได้เกิดจากความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลืออย่างแท้จริง...
ถ้าไม่เห็นโพสต์ของเรา ก็คงจะไม่ช่วยเหลือใช่หรือไม่?...
แต่อย่างไรก็ตาม...ก็พยายามคิดว่าเขาช่วยเหลือก็ดีแล้ว ก็พยายามตั้งใจหางานทำ ใช้จ่ายอย่างประหยัด
กินข้าวบ้าง อดข้าวบ้าง จนร่างกายน้ำหนักลดลง เพราะอดอาหาร จนเงินที่ช่วยเหลือหมดลง...
หิวข้าวจนทนไม่ไหว คิดว่าจะไปขอข้าวที่วัดกิน เพราะเกรงใจญาติถ้าจะไปขอความช่วยเหลืออีก...
แต่...ก็ยังคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าญาติเขาคงมีเมตตาช่วยเหลือเรา เพราะเราเป็นญาติกัน ตอนแรกก็ยังช่วยเลย อย่าได้ทำตัวเหมือนคนไร้ญาติ
จึงบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากญาติอีกครั้ง...
แต่ครั้งนี้...เหมือนโดนตบจนหน้าชา...เขาก็ลำเลิกบุญคุณครั้งก่อนที่เคยช่วยเหลือไป และไล่ให้เราไปขอข้าววัดกิน...
รู้สึกเสียใจมาก...ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปาก "ญาติของตัวเอง" ถ้าเป็นคนอื่นพูดก็คงจะเจ็บน้อยกว่า...
สำนวนไทยสำนวนนี้ลอยผุดขึ้นมาในใจ เป็นสำนวนที่ว่า “เลือดข้นกว่าน้ำ”
หมายความว่า..."ญาติพี่น้องย่อมดีกว่าคนอื่น หรือสายเลือดเดียวกันสำคัญกว่าเสมอ"...นั้น..."มันไม่จริง"...
ตอนนี้กำลังใจมันหมดลงเยอะมาก...จากที่คิดจะทำงาน และกลับมายืนให้ได้ใหม่อีกครั้ง ก็คงไม่มีกำลังใจจะทำแล้ว...
จึงคิดอยากกรุณยฆาต ไม่อยากเป็นภาระของใครอีกต่อไป...
เลยอยากจะขอความอนุเคราะห์ครั้งสุดท้ายของชีวิตจาก "คนที่ไม่รู้จัก" "คนที่ไม่ใช่ญาติ" แต่มี "จิตเมตตาจริงๆ"
อยากบริจาคค่าอาหารมื้อสุดท้ายให้ไปอยากสงบ...จะซาบซึ้งและขอบพระคุณเป็นอย่างสูง...