โพสต์นี้ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์ทำงานพาร์ทไทม์ในตำแหน่งบาริสต้าที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยบทเรียนที่หนูได้รับ ทั้งนี้หวังว่าประสบการณ์ของหนูจะเป็นประโยชน์และช่วยเตือนใจผู้ที่กำลังมองหางานพาร์ทไทม์ให้คำนึงถึงปัจจัยต่างๆก่อนตัดสินใจเลือกงาน
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้หนูไม่เคยทำงานเป็นบาริสต้าเลย แต่มีประสบการณ์ในงานบริการอื่นๆ เช่น เสิร์ฟ แคชเชียร์ และธุรกิจของที่บ้านมาแล้ว ซึ่งทำให้หนูตัดสินใจหางานพาร์ทไทม์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและหาประสบการณ์ในด้านนี้ เพราะชอบงานบริการและคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต
โชคดีที่ได้พบร้านนี้ที่เปิดรับสมัครบาริสต้า จึงตัดสินใจสมัคร เพราะคิดว่าจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ถึงแม้จะไม่มีเพื่อนร่วมงานที่รู้จักในร้าน แต่หนูพร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้จากทุกคน แต่หลังจากทำงานที่ร้านมาได้ประมาณ 3 อาทิตย์ ก็พบกับปัญหาหลายอย่างจนต้องยุติการทำงาน ซึ่งปัญหาหลักๆที่พบมีดังนี้ค่ะ
1. การเรียนรู้งาน
แม้หนูจะมีประสบการณ์ในงานบริการ แต่การที่ได้รับโอกาสทำงานจริงๆในการเปิดร้านหรือทำเครื่องดื่มไม่มากเท่าที่ควร ทำให้การเรียนรู้ทักษะในตำแหน่งนี้ไม่เต็มที่ และทำให้ถูกมองว่าไม่ตั้งใจเรียนรู้ ทั้งที่หนูไม่ได้รับโอกาสเรียนรู้ในตำแหน่งงานบาริสต้าเท่าที่ควร
2. การทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน
เนื่องจากหนูไม่ได้รู้จักใครในร้านมาก่อน และหนูก็เป็นคนพูดน้อย บางครั้งหนูถูกมองว่าไม่พยายามเข้ากับเพื่อนร่วมงาน แม้หนูจะพยายามถามและร่วมมือกับเพื่อนร่วมงาน แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้รับโอกาสในการทำงานร่วมกับพวกเขามากนัก ซึ่งหนูเข้าใจว่าในบางครั้งการทำงานร่วมกันในทีมอาจมีอุปสรรคได้ แต่หลายครั้งก็พบว่าเกิดความเข้าใจผิดหรือการโยนความผิดให้กับหนู ซึ่งทำให้บรรยากาศการทำงานไม่ค่อยสบายใจนัก
3. การทำงานกับเจ้าของร้าน
หนูไม่เคยคิดว่าจะมีปัญหากับเจ้าของร้าน แต่พบว่าเจ้าของร้านเริ่มมีท่าทีที่ไม่ค่อยดีต่อหนู ซึ่งทำให้บรรยากาศในการทำงานค่อนข้างอึดอัดและกดดัน บางครั้งหนูก็รู้สึกว่ามีข้อจำกัดในการเรียนรู้จากเจ้าของร้านที่ควรจะให้คำแนะนำมากกว่า เจ้าของร้านยังคงกดดันให้หนูเรียนรู้งานภายในหนึ่งสัปดาห์ทั้งๆที่หนูไม่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้งานตามที่คาดหวัง และบางครั้งก็ตำหนิในความผิดที่หนูไม่ได้ทำ นอกจากนี้ตอนชี้แจงรายละเอียดงานแจ้งว่ามีการทดลองงานและรู้ผลภายใน 3 วัน แต่กลับอ้างเหตุผลในการเลิกจ้างว่าหนูไม่ผ่านการทดลองงานและไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานทั้งๆที่ทำงานมาจะร่วมเดือนแล้ว
4. หน้าที่การทำงานและค่าจ้าง
หนูได้รับหน้าที่หลายอย่างแต่ไม่ค่อยได้ทำหน้าที่หลักที่เกี่ยวข้องกับการเป็นบาริสต้า ซึ่งทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับการฝึกฝนในทักษะที่ต้องการเรียนรู้ ค่าจ้างที่ได้รับยังคงไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ต้องรับ เช่น การส่งออเดอร์นอกสถานที่ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานโดยไม่มีการคำนึงถึงความพร้อมหรือความปลอดภัยเลย
5. เวลางาน
เวลาทำงานที่นี่ยาวนานเกิน 10 ชั่วโมง และการทำงานโดยไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งที่หนูรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น หนูมาถึงร้านก่อนเวลาแต่มักจะไม่สามารถเริ่มงานได้ตามเวลาที่กำหนดเนื่องจากไม่มีเจ้าของร้านหรือพนักงานที่มีกุญแจให้เปิดร้านก่อนเวลา
สุดท้ายนี้ หนูไม่ได้ตั้งใจตำหนิใครหรือกล่าวหาใดๆ เพียงแต่ต้องการแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังมองหางานพาร์ทไทม์ โดยเฉพาะเรื่องการเลือกงานที่ต้องคำนึงถึงการได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ทั้งในแง่ของการเรียนรู้หน้าที่ การทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และการได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของร้านหรือผู้ว่าจ้าง รวมถึงบรรยากาศและวัฒนธรรมในที่ทำงาน สิ่งเหล่านี้มีผลต่อประสบการณ์การทำงานและความสุขในการทำงานมากกว่าที่คิด🥲
แชร์ประสบการณ์จากการทำงานพาร์ทไทม์ บทเรียนที่ได้จากประสบการณ์จริง🥲
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้หนูไม่เคยทำงานเป็นบาริสต้าเลย แต่มีประสบการณ์ในงานบริการอื่นๆ เช่น เสิร์ฟ แคชเชียร์ และธุรกิจของที่บ้านมาแล้ว ซึ่งทำให้หนูตัดสินใจหางานพาร์ทไทม์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและหาประสบการณ์ในด้านนี้ เพราะชอบงานบริการและคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต
โชคดีที่ได้พบร้านนี้ที่เปิดรับสมัครบาริสต้า จึงตัดสินใจสมัคร เพราะคิดว่าจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ถึงแม้จะไม่มีเพื่อนร่วมงานที่รู้จักในร้าน แต่หนูพร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้จากทุกคน แต่หลังจากทำงานที่ร้านมาได้ประมาณ 3 อาทิตย์ ก็พบกับปัญหาหลายอย่างจนต้องยุติการทำงาน ซึ่งปัญหาหลักๆที่พบมีดังนี้ค่ะ
1. การเรียนรู้งาน
แม้หนูจะมีประสบการณ์ในงานบริการ แต่การที่ได้รับโอกาสทำงานจริงๆในการเปิดร้านหรือทำเครื่องดื่มไม่มากเท่าที่ควร ทำให้การเรียนรู้ทักษะในตำแหน่งนี้ไม่เต็มที่ และทำให้ถูกมองว่าไม่ตั้งใจเรียนรู้ ทั้งที่หนูไม่ได้รับโอกาสเรียนรู้ในตำแหน่งงานบาริสต้าเท่าที่ควร
2. การทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน
เนื่องจากหนูไม่ได้รู้จักใครในร้านมาก่อน และหนูก็เป็นคนพูดน้อย บางครั้งหนูถูกมองว่าไม่พยายามเข้ากับเพื่อนร่วมงาน แม้หนูจะพยายามถามและร่วมมือกับเพื่อนร่วมงาน แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้รับโอกาสในการทำงานร่วมกับพวกเขามากนัก ซึ่งหนูเข้าใจว่าในบางครั้งการทำงานร่วมกันในทีมอาจมีอุปสรรคได้ แต่หลายครั้งก็พบว่าเกิดความเข้าใจผิดหรือการโยนความผิดให้กับหนู ซึ่งทำให้บรรยากาศการทำงานไม่ค่อยสบายใจนัก
3. การทำงานกับเจ้าของร้าน
หนูไม่เคยคิดว่าจะมีปัญหากับเจ้าของร้าน แต่พบว่าเจ้าของร้านเริ่มมีท่าทีที่ไม่ค่อยดีต่อหนู ซึ่งทำให้บรรยากาศในการทำงานค่อนข้างอึดอัดและกดดัน บางครั้งหนูก็รู้สึกว่ามีข้อจำกัดในการเรียนรู้จากเจ้าของร้านที่ควรจะให้คำแนะนำมากกว่า เจ้าของร้านยังคงกดดันให้หนูเรียนรู้งานภายในหนึ่งสัปดาห์ทั้งๆที่หนูไม่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้งานตามที่คาดหวัง และบางครั้งก็ตำหนิในความผิดที่หนูไม่ได้ทำ นอกจากนี้ตอนชี้แจงรายละเอียดงานแจ้งว่ามีการทดลองงานและรู้ผลภายใน 3 วัน แต่กลับอ้างเหตุผลในการเลิกจ้างว่าหนูไม่ผ่านการทดลองงานและไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานทั้งๆที่ทำงานมาจะร่วมเดือนแล้ว
4. หน้าที่การทำงานและค่าจ้าง
หนูได้รับหน้าที่หลายอย่างแต่ไม่ค่อยได้ทำหน้าที่หลักที่เกี่ยวข้องกับการเป็นบาริสต้า ซึ่งทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับการฝึกฝนในทักษะที่ต้องการเรียนรู้ ค่าจ้างที่ได้รับยังคงไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ต้องรับ เช่น การส่งออเดอร์นอกสถานที่ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานโดยไม่มีการคำนึงถึงความพร้อมหรือความปลอดภัยเลย
5. เวลางาน
เวลาทำงานที่นี่ยาวนานเกิน 10 ชั่วโมง และการทำงานโดยไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งที่หนูรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น หนูมาถึงร้านก่อนเวลาแต่มักจะไม่สามารถเริ่มงานได้ตามเวลาที่กำหนดเนื่องจากไม่มีเจ้าของร้านหรือพนักงานที่มีกุญแจให้เปิดร้านก่อนเวลา
สุดท้ายนี้ หนูไม่ได้ตั้งใจตำหนิใครหรือกล่าวหาใดๆ เพียงแต่ต้องการแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังมองหางานพาร์ทไทม์ โดยเฉพาะเรื่องการเลือกงานที่ต้องคำนึงถึงการได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ทั้งในแง่ของการเรียนรู้หน้าที่ การทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และการได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของร้านหรือผู้ว่าจ้าง รวมถึงบรรยากาศและวัฒนธรรมในที่ทำงาน สิ่งเหล่านี้มีผลต่อประสบการณ์การทำงานและความสุขในการทำงานมากกว่าที่คิด🥲