คนเราสามารถ "ผ่าตัดดึงหน้า" ได้กี่ครั้ง ?
การผ่าตัดดึงหน้า หรือการศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า (Face lift) เป็นการผ่าตัด แก้ไขความหย่อนคล้อยของใบหน้าให้กลับว่าอ่อนเยาว์อีกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยง โดยมีการพิจารณาหลักๆ คือ
1. ความเหมาะสมของผู้ป่วย
อายุและสุขภาพ : ผู้ที่เหมาะสมกับการทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้ามักเป็นผู้ที่อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ปัญหาผิวหนัง : หากมีปัญหาผิวหนังที่หย่อนคล้อยอย่างมาก การทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้ามักช่วยได้ดี แต่หากมีปัญหาผิวที่บางเกินไป หรือผิวมีแผลเป็นจากการผ่าตัดครั้งก่อน อาจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
2. ขั้นตอนการผ่าตัด
การยกกระชับกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง : ขั้นตอนสำคัญคือการดึงกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น โดยไม่เพียงแค่ดึงผิวหนังเท่านั้น
การตัดเย็บแผล : การเลือกตำแหน่งและเทคนิคในการทำแผลให้ถูกต้องสำคัญมาก เพื่อให้แผลหายเร็วและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่เห็นชัด
การใช้เทคนิคที่เหมาะสม: เช่น เทคนิคที่เรียกว่า " SMAS Facelift " (
หมอขออนุญาตคุยเรื่องนี้อีกครั้งนะครับ ) ซึ่งจะยกกระชับทั้งกล้ามเนื้อและผิวหนังในครั้งเดียว
3. ผลลัพธ์และระยะเวลา
ผลลัพธ์ที่ยาวนาน : การดึงหน้าจะช่วยลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอย แต่ผลลัพธ์จะไม่คงที่ถาวร เนื่องจากการแก่ชราเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถหยุดได้
ระยะเวลาในการทำหลายครั้ง : โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น การดูแลตัวเองและการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของร่างกาย
การทำหลายครั้ง : การดึงหน้าสามารถทำซ้ำได้หลายครั้งในชีวิต แต่การทำหลายครั้งจะต้องระมัดระวังผลกระทบจากการผ่าตัดครั้งก่อน และควรมีระยะห่างในการทำเพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นที่มากเกินไป
4. ข้อจำกัดของการทำหลายครั้ง
การเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น : การดึงหน้าหลายครั้งอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ผิวหนังบางหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดแผลเป็นได้ง่าย
ผลกระทบจากการทำหลายครั้ง : หากทำการดึงหน้าหลายครั้ง อาจทำให้ผิวหนังบางลง และอาจเสี่ยงต่อความยืดหยุ่นของผิวที่ลดลง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เหมือนกับครั้งแรก
5. การดูแลหลังการผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัดอย่างถูกต้อง : การดูแลผิวหนังหลังการดึงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนัก, การทายารักษาแผล, และการพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
การปรึกษาหมอ : ควรมีการติดตามผลกับแพทย์หลังการผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาภายหลัง
6. การเลือกเทคนิคที่เหมาะสม
เทคนิคการดึงหน้าหลายประเภท : เช่น Mini Facelift (การดึงหน้าบางส่วน) หรือ Full Facelift (การดึงหน้าเต็มรูปแบบ) โดยแต่ละประเภทจะเหมาะกับปัญหาผิวที่ต่างกัน
7. ความคาดหวังของผู้ป่วย
ความคาดหวังในผลลัพธ์ : ข้อนี้ถือว่าสำคัญมากครับ ผู้ที่ต้องการทำการดึงหน้าในระยะยาวควรมีการตั้งความคาดหวังที่เหมาะสมและคุยกับแพทย์เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เป็นไปได้
การดึงหน้าหรือการศัลยกรรมยกกระชับใบหน้าเป็นกระบวนการที่สามารถทำได้หลายครั้ง
แต่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดทั้งจากมุมมองของสุขภาพและผลกระทบจากการทำซ้ำ
การปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ
อ.นพ.คณิต วิทยาวนิชชัย
คนเราสามารถ "ผ่าตัดดึงหน้า" ได้กี่ครั้ง ?
1. ความเหมาะสมของผู้ป่วย
อายุและสุขภาพ : ผู้ที่เหมาะสมกับการทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้ามักเป็นผู้ที่อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ปัญหาผิวหนัง : หากมีปัญหาผิวหนังที่หย่อนคล้อยอย่างมาก การทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้ามักช่วยได้ดี แต่หากมีปัญหาผิวที่บางเกินไป หรือผิวมีแผลเป็นจากการผ่าตัดครั้งก่อน อาจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
2. ขั้นตอนการผ่าตัด
การยกกระชับกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง : ขั้นตอนสำคัญคือการดึงกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น โดยไม่เพียงแค่ดึงผิวหนังเท่านั้น
การตัดเย็บแผล : การเลือกตำแหน่งและเทคนิคในการทำแผลให้ถูกต้องสำคัญมาก เพื่อให้แผลหายเร็วและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่เห็นชัด
การใช้เทคนิคที่เหมาะสม: เช่น เทคนิคที่เรียกว่า " SMAS Facelift " ( หมอขออนุญาตคุยเรื่องนี้อีกครั้งนะครับ ) ซึ่งจะยกกระชับทั้งกล้ามเนื้อและผิวหนังในครั้งเดียว
3. ผลลัพธ์และระยะเวลา
ผลลัพธ์ที่ยาวนาน : การดึงหน้าจะช่วยลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอย แต่ผลลัพธ์จะไม่คงที่ถาวร เนื่องจากการแก่ชราเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถหยุดได้
ระยะเวลาในการทำหลายครั้ง : โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น การดูแลตัวเองและการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของร่างกาย
การทำหลายครั้ง : การดึงหน้าสามารถทำซ้ำได้หลายครั้งในชีวิต แต่การทำหลายครั้งจะต้องระมัดระวังผลกระทบจากการผ่าตัดครั้งก่อน และควรมีระยะห่างในการทำเพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นที่มากเกินไป
4. ข้อจำกัดของการทำหลายครั้ง
การเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น : การดึงหน้าหลายครั้งอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ผิวหนังบางหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดแผลเป็นได้ง่าย
ผลกระทบจากการทำหลายครั้ง : หากทำการดึงหน้าหลายครั้ง อาจทำให้ผิวหนังบางลง และอาจเสี่ยงต่อความยืดหยุ่นของผิวที่ลดลง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เหมือนกับครั้งแรก
5. การดูแลหลังการผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัดอย่างถูกต้อง : การดูแลผิวหนังหลังการดึงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนัก, การทายารักษาแผล, และการพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
การปรึกษาหมอ : ควรมีการติดตามผลกับแพทย์หลังการผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาภายหลัง
6. การเลือกเทคนิคที่เหมาะสม
เทคนิคการดึงหน้าหลายประเภท : เช่น Mini Facelift (การดึงหน้าบางส่วน) หรือ Full Facelift (การดึงหน้าเต็มรูปแบบ) โดยแต่ละประเภทจะเหมาะกับปัญหาผิวที่ต่างกัน
7. ความคาดหวังของผู้ป่วย
ความคาดหวังในผลลัพธ์ : ข้อนี้ถือว่าสำคัญมากครับ ผู้ที่ต้องการทำการดึงหน้าในระยะยาวควรมีการตั้งความคาดหวังที่เหมาะสมและคุยกับแพทย์เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เป็นไปได้
อ.นพ.คณิต วิทยาวนิชชัย