ทำไมผมต้องเป็นเกย์

กระทู้สนทนา
ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นเกย์ อยากมีครอบครัวและอยากมีลูก อยากมีอนาคตที่มั่นคงและแน่นอน ผมไม่ได้อยากชอบผู้ชาย แต่ที่ผ่านมาผมก็แอบหลงรักและชอบผู้ชายมาตลอด จนบ่อยครั้งทำให้ผมสูญเสียเพื่อนที่ดีไป จากความกล้า ความมั่น ที่อยากจะพูดออกไป แต่ตอนจบ ก็ทำให้ผมเจ็บมาตลอด ผมขอพูดถึงคนล่าสุดในปัจจุบันนี้นะครับ เพราะผมรู้สึกว่า เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเจ็บมากที่สุด
ผมได้เข้ามาสมัครงานในที่ที่หนึ่ง ซึ่งในตอนสมัคร ผมเข้ามาสมัครพร้อมกับเขา แว๊ปแรกที่ผมมองเขา เขาเป็นคนที่ขาว โดยส่วนตัวแล้วผมก็ชอบคนที่ขาวอยู่แล้ว แต่กับคนนี้ ไม่ได้ตรงตามสเปคของผมเลย หน้าก็เป็นสิว เป็นหลุม หน้าตาก็ไม่ได้ดูดีขนาดนั้น ตอนนั้นผมก็พูดออกมาเบาๆว่ามันก็มีดีแค่ขาวแค่นั้น หลังจากนั้นผมก็ไปสัมภาษณ์งาน แล้วได้ลงประจำจุดงาน ระยะเวลาผ่านไป 2-3 วัน ผมก็เพิ่งได้เห็นเขาก็ลงประจำจุดงานอยู่ใกล้ๆผม ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึก ต่อมาวันเวลาผ่านไปสักพัก เราก็เริ่มได้รู้จักกัน แล้วได้อยู่กะเดียวกัน จึงทำให้เราได้สนิทกันมากขึ้น สนิทถึงขั้นที่ไปกินข้าวด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอด วันหยุดก็ไปเที่ยวด้วยกัน จนทำให้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มชอบเขาแล้วจริงๆ แต่ผมก็บอกกับตัวเองว่าอย่าคิดเกินเพื่อน ผมก็คิดแบบนั้นมาตลอด พูดกับตัวเองแบบนั้นมาตลอด แต่เหตุการณ์มาวันหนึ่ง โดยปกติแล้วผมจะไม่พกเงินสด ส่วนใหญ่ก็ใช้ app ธนาคารสแกนจ่ายอย่างเดียว แต่วันนั้นแอพธนาคารใช้งานไม่ได้ ผมก็สงสัยว่าเป็นแค่ของผมหรือเปล่า ผมก็เลยลองทักไปถามเขา เขาก็บอกว่าของเขาก็เข้าไม่ได้ เขารู้นะครับ ว่าผมเป็นคนจำพวกที่ไม่พกเงินสด เขาจึงทักถามว่าผมมีเงินติดตัวหรือเปล่า ผมก็ตอบว่าไม่มีแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าผมไม่อยากจะเป็นภาระเขา อีกอย่างเราก็เพิ่งรู้จักกัน ผมคงไม่กล้าที่จะไปยืมเงินเขาหรอกครับ สักพักเขาก็โทรมา น้ำเสียงและคำพูดของเขา มันแสดงออกให้ผมรู้ได้เลยว่าเขาเป็นห่วงมาก เขาดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผม ระยะทางระหว่างห้องของเขาและห้องของผมมันไกลพอสมควร แต่เขาก็เลือกที่จะยอมขับรถมาเพื่อเอาเงินมาให้ผมไว้ใช้ ทั้งๆที่ผมปฏิเสธแล้ว แต่เขาก็ยังจะดื้อที่จะมาช่วยผม คงเป็นเหตุการณ์นั้นมั้งครับ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมชอบเขามากๆ ความรู้สึกซาบซึ้งและรู้สึกถึงความจริงใจมากๆ แต่ตอนนั้นผมก็ลืมคิดไป ความจริงใจในนั้นมาจากความเป็นเพื่อน นี่แหละครับเหตุการณ์เริ่มต้นที่ทำให้ผมตกม้าตาย555
หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมตัดสินใจว่าชอบเขาและอยากได้เข้ามาเป็นแฟนผมมากๆ หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมกับเขาสนิทกันมากกว่าเดิม  
เวลาผ่านไปนานพอสมควร ทางโรงงานที่ผมทำเกิดวิกฤต ทำให้โรงงานหยุด ก็หยุดไปนานพอสมควร ช่วงนั้นผมโคตรคิดถึงเขาเลย รู้สึกอยากเจอหน้า อยากพูดคุย อยากได้ยินเสียง ก่อนหน้านี้ผมกับเขาไม่ได้ทักคุยกันตลอดเวลาไม่ได้ทักคุยกันทุกวันขนาดนั้น เพราะว่าส่วนใหญ่เราก็เจอกันทุกวันอยู่แล้ว หลังจากที่โรงงานหยุดผมก็เริ่มทักหาเขา ทักหาเขาทุกวัน เขาส่งข้อความมาเมื่อไหร่ผมเห็นเมื่อไหร่ผมก็จะตอบทันที นิสัยของผมเวลาได้คุยกับคนที่ชอบก็ไม่อยากให้บทสนทนานั้นจบไป แต่เขาคงไม่ได้รู้สึกกับผมแบบนั้น ไม่สิเขาไม่ได้รู้สึกกับผมแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ จนมีประโยคหนึ่งที่เขาพูดมา ทำให้ผมสตั้นไป ถึงขั้นชาเลยก็ว่าได้ กับประโยคที่ว่า "เราจะคุยกันตลอดเวลาเลยหรอ ไม่ต้องคุยกันตลอดเวลาเลยก็ได้มั้ง" เออนั่นสิ คนเป็นเพื่อนถึงจะสนิทกันแค่ไหนคบกันมานานแค่ไหนเขาก็ไม่ได้คุยกันตลอดเวลาขนาดนั้น ด้วยความคิดในตอนนั้นผมคิดว่า ไหนๆก็หยุดยาวแล้ว ไม่ได้เจอหน้ากัน ทำให้ผมรู้สึกอยากสารภาพรักกับเขาไป เพราะผมมีความคิดที่ว่า ถ้าเราพูดคุยกันผ่านแชทสารภาพรักผ่านแชท กดส่งไปแล้วก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมก็เลยสารภาพรักกับเขาไป คำตอบแรกเลย "อย่าๆๆ มันบาป กูฆ่าสัตว์มาหลาย" ตอนนั้นผมทั้งงง ทั้งอึ้ง ทั้งเจ็บ ผมเองก็เป็นผู้ชาย ก็รู้สึกโกรธ เพราะในหัวตอนนั้นกับคำว่า "กูฆ่าสัตว์มาหลาย" ของผมนั้นหมายถึง ถ้าการที่เขารู้ว่าผมชอบเขา เขาจะทำอะไรผม จนเขาส่งมาอีกคำถาม มันเป็นคำถามที่ผมโคตรไม่ชอบตั้งแต่ในแต่ไรอยู่แล้ว กับคำถามที่ว่า "แบบไหนนิ่" และ "เป็นบ่นิ่" ผมรู้สึกจุกในอกทำอะไรไม่ถูก ผมก็เลยตอบไปว่า "ถ้าสมมุติกูเป็นแล้วกูชอบ จะเลิกคบกับกูเลยใช่ป่ะ" เขาก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ แล้วก็เบี่ยงเบนเปลี่ยนคำถามพูดคุย หลังจากนั้นเราได้กลับไปทำงานตามปกติ เหตุการณ์ก็ปกติ ปกติถึงขั้นที่ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ เขาจะไม่คิดอะไรเลยจริงๆหรอ อย่างเช่นตอนไปกินข้าว งานของผมยังไม่เสร็จเขายังมายืนรอ ตอนกลับบ้านก็ยังมายืนรอเพื่อจะกลับบ้านพร้อมกันเหมือนเดิม ขณะที่ตอนทำงานผมจะชอบหันมองทางเขาเขาก็จะหันมองมาทางผม เวลาที่เราสบตากันเราก็จะยิ้มให้กัน มันเป็นความรู้สึกที่แบบ มันไม่เหมือนใคร มันดูพิเศษ แต่ก็นะ นั่นมันในความคิดของผม โรงงานผมมันจะชอบให้หยุดแล้วก็มาทำงานแล้วก็หยุดอีก ซึ่งหลังจากวันนั้นก็ได้หยุดอีก ผมก็เลยทักไปบอกเขาสารภาพกับเขาตามตรง ก็ผมชอบเขา ชอบเขามากๆ แต่เขาก็ตอบกลับมาบอกว่า เป็นแค่เพื่อนแหละดีแล้ว ซึ่งในความคิดผมตอนนั้นคือ กูสารภาพรักกับ ซึ่งหมายความว่ากูไม่ได้คิดกับแค่เพื่อน ถ้าหลังจากที่กูสารภาพรักกับ และให้กูกลับไปคิดกับแค่เพื่อน กูทำไม่ได้ ผมก็บอกกับมันตามความหมายที่ผมคิด เลิกต่อด้วยข้อความที่ว่า "ถ้าตอนนี้ยังไม่ชอบกู กูขออยู่ชอบแบบนี้ได้ไหม กูขออย่างเดียวอย่าเพิ่งมีใครก็พอ" เขาก็ตอบว่าได้ เขายังไม่มีใครหรอก มันเหมือนให้ความหวังป่ะ มันเหมือนว่าอนาคตกูกับได้คบกันแน่ๆ ฝันหวานน่ะดิช่วงนั้นน่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่เคยตามรั้งใคร เคยตามยื้อใคร ไม่เคยทำแบบนั้นกับใครเลยสักคน แต่กับคนนี้ผมอยากลองที่จะยื้อและรั้งเขาดูสักครั้ง เพื่อความพยายามทั้งหมดที่ผมทำไปมันจะส่งผลความสำเร็จมาให้กับผม หลังจากวันนั้นผมก็แสดงออกให้รู้ให้ชัดไปเลยว่าผมชอบเขา แต่ก็นะ ความรักมันบังตา ถึงเขาจะแสดงออกแค่ไหนว่าเขาไม่ได้สนใจ เพราะเขารู้สึกรำคาญ ขอร้องให้เขากลับมาอยู่ตลอด ตอนนั้นก็รู้สึกว่าโคตรด้อยค่าตัวเองเลย ช่วงหลังๆนี้ ผมกับเขาเริ่มตีตัวกันห่างมากขึ้น ผมรู้สึกเศร้าไปหมด เศร้าถึงขนาดที่ไม่อยากพูดกับใคร ไม่อยากไปไหนมาไหน กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนแบบร่างกายผมดูแย่ไปหมด จากปกติน้ำหนักผมอยู่ที่ 56 57 ตอนนั้นยังปัจจุบันนี้ผมเหลือ 52 โคตรน่าสมเพชเลยว่าป่ะ เป็นแบบนั้นมานานมาก ถึงขนาดที่ผมพูดไปว่า"ทำไมต้องเมินแชทกัน" เขาก็ตอบว่าไม่ได้เมิน ทั้งๆที่ออน "ทำไมถึงอ่านไม่ตอบ" เขาก็บอกว่าเขานอนเล่น จนผมพูดว่า ถ้ารำคาญกัน ถ้าคิดที่ไม่อยากจะสนกัน งั้นผมจะเป็นคนไปเอง จะไม่มายุ่งอีกแล้ว เชื่อป่ะหลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ทักไปหาเขาอีก เพราะตอนนั้นผมโคตรคิดถึงเขาเลย คิดถึงจนถึงขั้นนอนร้องไห้ทุกวัน ว่าทำไมถึงเขาไม่มาง้อบ้าง ว่าทำไมถึงเขาไม่ใส่ใจบ้าง ตลกร้ายเนอะว่าป่ะ แล้วก็เป็นอยู่แบบนี้มาตั้ง 4-5 รอบเลย ด้วยความผมชอบเขามากๆและอยากได้เขามากๆ ผมลองหน้าด้านเปลี่ยนสีแชทเป็นสีชมพู รอบแรกเขาเปลี่ยนกลับเป็นสีอื่น แต่ผมก็ขอเขาก่อนนะที่จะเปลี่ยน ผมพูดอ้อน วิงวอน ขอเปลี่ยนสีแชท เขาถามผมนะว่าทำไมถึงอยากเปลี่ยนสีแชท กูก็ให้เหตุผลที่ว่า "อยากให้แชทของพิเศษกว่าของใครในห้องแชทกู" เขาก็อนุญาตเขาก็บอกว่าตามใจ แต่เขาก็เปลี่ยนกลับเป็นสีส้ม อันนี้ก็เข้าใจได้ เวลาผ่านไปสักพัก เหตุการณ์มันก็วนเวียนอยู่แบบนี้แหละครับ เมินแชทผม ตอบช้าบ้าง ขนาดเขาตอบมาไม่กี่วินาทีผมตอบกลับเลยทันที แต่เขาก็ทิ้งระยะเวลาในการตอบแชทผมนานมาก ผมทำตัวงี่เง่าใส่เขา ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าผลสรุปจะเป็นยังไง แล้วผมก็เปลี่ยนสีแชทไปเป็นสีชมพู แต่แปลกแฮะรอบนี้เขาไม่เปลี่ยนกลับ ผมเลยรู้สึกโคตรดีใจ และคิดไปเองดีกว่าเอาละเขาคงเปิดใจให้กูแล้วนิดนึงละมั้ง เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ มีเวลาเราก็ไปเที่ยวด้วยกันเหมือนเดิม ขนาดวันลอยกระทงเรายังเป็นลอยกระทงด้วยกันเลย โคตรจะโรแมนติก โคตรเกือบจะได้เข้าได้เข้าเข็ม555 แล้วที่ผ่านมาเขาไม่เคยปฏิเสธแบบตรงๆเลยนะ ถ้าเอาจริงๆถ้าผมไม่มัวแต่หน้ามืดตามัวกับความรัก กับการที่ผมหลงรักเขา ที่ผ่านมามันก็ชัดอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมและออกไปทางที่จะเริ่มรำคาญแล้ว จึงอยู่มาวันหนึ่งเราคุยกัน แล้วก็ได้ประโยคเดิมกลับคืนมาที่ว่า จะคุยกันตลอดเวลาเลยหรอ มันเกินไปไหม ไม่ต้องคุยกันทั้งวันขนาดนั้นก็ได้ เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก ต่างคนต่างอยู่ก็จบแล้ว แล้วเขาก็เปลี่ยนสีแชทไปเป็นสีน้ำเงินสีคลาสสิคเหมือนเดิม ครั้งนี้ผมคงรู้สึกว่าผมเพิ่งจะมาตาสว่างเพิ่งจะมาคิดได้เพิ่งจะมามีสมอง ถึงจะรักเขามากแค่ไหนเขาไม่ได้รู้สึกกับเราเลยสักนิด ผมคิดว่าผมควรปล่อยเขาไปเถอะ อยู่แบบนี้ไปคนที่ทรมานไม่ใช่เขาแต่มันเป็นผม ผมก็เลยเลือกที่จะจบความสัมพันธ์แบบนั้น ไปลบเฟซเขาทิ้งไป ปิดกันทุกอย่าง แล้วยอมถอยออกมา เอาจริงๆนะครับ เหตุการณ์ที่ลบเฟซเขา บล็อกเฟซเขา ปิดกั้นเฟสเขา ผมก็ทำมาบ่อยแล้ว สุดท้ายก็เป็นผมที่กลับไปหาเขาเอง เพราะก่อนหน้านี้ผมคิดแค่ว่า เขาต้องมาง้อผม แต่สุดท้ายก็ไม่ แต่รอบนี้คงจะไปกับถาวรเลยแหละ ผมไม่ได้บล็อกเฟซเขาแต่ผมลบเฟซเขา ผมไม่อยากเห็นเขาออน ผมไม่อยากเห็นการเคลื่อนไหวของเขา แล้วผมเลือกที่จะไปทั้งๆที่ผมยังรักเขาอยู่ แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันล่ะครับแล้วต้องหันมารักตัวเองก่อน มันเจ็บนะครับ แต่ก็ต้องยอมรับมันให้ได้ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ แล้วเรื่องทั้งหมดเนี่ยมันจะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ถ้าให้ผมเล่าแบบละเอียด มันจะดูโง่เกินไป ดูตลกเกินไป555 แต่เอาจริงๆนะครับ ถึงเรื่องมันจะมาขนาดนี้ ถึงเขาจะแสดงออกชัดเจนมาขนาดนี้ แต่ผมก็ยังหวังให้เขากลับมา แต่ผมก็จะไม่วิ่งตามเขาอีกแล้ว แต่ถ้าถึงสุดท้าย เขาไม่กลับมาจริงๆ ไม่หรอกเขาคงจะไม่กลับมาเลย คุณก็หวังให้เขาเจอคนดีๆ แล้วไม่ให้เขาเจอคนแบบผมอีก
แล้วการที่ผมไม่ชอบผู้ชายมันก็เป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วว่าต้องเจอกับความผิดหวังสูง จะให้กี่มาสมหวังกับผู้ชายมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่พบเจอในซีรีย์ที่เคยดูกันมา นี่มันเป็นชีวิตจริงแล้วก็ต้องยอมรับมัน ผมไม่อยากจะมาชอบผู้ชายอีกแล้ว ผมไม่อยากกลับมาอยู่ในเหตุการณ์เดิมๆซ้ำๆ ผมก็อยากเกิดมาเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเหมือนกับผู้ชายทั่วไป มีลูกมีครอบครัว พอเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นมาไม่รู้แต่กี่ครั้งแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่