9 เต็ม 10 ค่ะ
รอชมเรื่องถัดไปของ ทีมงาน ผู้กำกับ นักเขียนบท นักแสดง
ทุกคน irreplaceable... หาคนอื่นมาสวมบทบาทแทน ก็คงไม่ดีเท่า
ตัวละคร และ บทละคร คาดเดาได้ยาก
แนวทางห่างจากคำว่า conservative
ฉลาดในทุกลูกเล่น
ตอนจบดีมาก ซึ้ง สะเทือนใจ
หนึ่งคะแนนที่หัก รู้สึกว่า ดำเนินเรื่องมา ใส่โทนแรง ชัดไปนิดนึง ซึ่งก็จำเป็น
สำหรับเรื่องนี้ ที่หยิบมาเล่า โดยเอาตัวแม่สองคนมาเจอกัน
ลองเพิ่มความ feminine เข้าไปอีกนิด เพื่อให้
เราสามารถรักตัวละครได้ด้วย ในช่วงดำเนินเรื่อง
หรือ บางที อาจเป็นเสน่ห์เบาๆ ที่ไม่ต้องขีดเส้นหนาทุกบรรทัด
เข้าใจว่า ส่วนหนึ่งก็เป็นสไตล์ของงานแนวนี้ ผลงานไม่หลุดตีม
แต่อีกด้าน ก็คือ การทำให้เรื่องมีชั้นเชิงมากขึ้น เข้าใจคนดูมากขึ้น
ในฐานะคนดู เรารู้สึกเหมือนถูกสาดกระสุนตลอดเวลาแบบไม่พัก
ด้วยมุมมอง ถ้อยคำ สภาพสังคม และความสัมพันธ์
อยากให้เพิ่มความอ่อนโยน ขยี้ layer ความเปราะบาง
ในตัวมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ มีโมเม้นที่ซึ้ง แบบไม่ต้องพูดตรง
แม้สไตล์งานจะเป็นแบบตะวันตก เช่น กล้าตั้งประเด็นที่ท้าทาย
แต่วิธีถ่ายทอดดูสะอาดกว่า แต่ครบครันกว่าในแง่อรรถรสและปรัชญา
ไมกี้ --ดูแล้ว รู้สึกคล้ายๆ ณเดช เรื่องแรกๆ ผู้ชายคนนี้ born to be the actor
และได้เจอกับโค้ช ที่สร้างเขาให้เป็นนักแสดงที่มีมิติ
แม้คธา จะพูดจาเอาแต่ได้ ฉายธรรมชาติของเด็กหนุ่ม แต่ดูไม่เบื่อเลย
พี่ดอม -- ชอบและใช่ทุกตอน ความเจ้าชู้ ซุกซน และเป็นมืออาชีพในทางธุรกิจ
เคท -- ผกามาลิน ได้นักแสดงที่ชีวิตจริงของเขา
ช่วยให้เขาสามารถประยุกต์บางแง่ของชีวิตในการถ่ายทอดความรู้สึก
ฉลาดเลือก
จีน่า - สวย ฉลาด การสร้างตัวละครตัวนี้ คือหมากตัวหนึ่งที่ได้โทนสีกลางๆ
แต่ไม่ใช่ศูนย์กลาง และเชื่อไหมว่า การย้อมสีผ้าให้ออกมากลางๆ
อาจยากกว่าให้เป็นสีใดที่ชัดไปเลย
เราได้เห็นความเข้มแข็ง จริยธรรมพองาม ความทะเยอทะยานก็ต้องสละความอ่อนแอ
ตัวละครแนวนี้ ขาดไม่ได้ ในทุกเรื่องที่เล่าถึงสังคมชิงไหวชิงพริบ
คุณแม่ LGBTQ เป็นสติให้กับทุกคน
แต่ก็น่าจะให้เห็นปัญหา เพราะเราเชื่อว่า ทุกความสัมพันธ์ ไม่ง่าย
โดยเฉพาะการอยู่กับคนที่มีเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดเวลา
เราเห็นภาพตัวละครตัวนี้ เพียงแต่อยากเห็นการหั่น ว่า ไม่มีเพศใดที่ดีกว่าเพศใด
ความรักของพ่อแม่บุญธรรมของลี ก็น่าจะแกะประเด็นได้ แบบไม่ยืดเย้อ
ซึ่งก็มีตอนคุณพ่อเล่าที่หาดทราย แต่น่าจะมีพื้นที่ให้เล่นกับประเด็นคู่นี้อีกหน่อย
ลี และ อังเดร เสน่ห์กระจาย
แม้จะ ดูทุกตอน
แต่รู้สึกอยากชื่นชมอย่างเป็นทางการ
เมื่อได้ชมตอนสุดท้ายซึ่งทำออกมาได้มีพลัง
อีพีสุดท้าย สำหรับเรา ให้ 10 เต็ม ทั้งแนวทาง สไตล์ อารมณ์
ในที่สุด แต่ละส่วนของเรื่อง สามารถต่อกันได้อย่างลงตัว
ในจุดสมดุลย์ใหม่
และยากที่ในความสัมพันธ์ จะไม่มีผิดหวังและเจ็บปวด
เพราะการที่คนหนึ่งคน จะผูกมัดกับอีกคน ในทุกๆ ด้าน
เป็นเรื่องยากจะเป็นไปได้ ดังนั้น เมื่อความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะวิกฤต
อาจมีเหตุ ปัจจัย ที่ต้องตัดสินใจ อยู่ หรือ จาก หรือ ผสานกันใหม่
ตอนจบ รู้สึกอิ่ม
บนความเข้าใจ นี่แหละ ความสัมพันธ์ที่เป็นไป
ซึ่งเราควรเข้าใจผู้อื่น มากกว่า ตัดสิน
ในโลกยุคใหม่ ที่ชีวิตถูกนิยามให้แตกต่าง
-- บางทีความสุขกับความมั่นคง สวนทางกัน
ความสัมพันธ์ ไม่จำเป็นต้องถาวร
เพียงเข้าใจการจบบทตอนของชีวิตแต่ละช่วง
-- ในอนาคต ด้วยสัดส่วนประชากรที่เปลี่ยนไป
เด็กคนหนึ่ง อาจเติบโตมา ในสังคมอุดมคติ อย่างที่เพลโต้ว่าไว้
พ่อแม่หลายคนช่วยกันเลี้ยงดูเด็กๆ อย่างชีวิตของลี
-- ชีวิตแต่งงาน มีไว้ให้วิเคราะห์ มากกว่า ยอมรับโดยทันที
ซึ่งไม่ใช่ไม่ดี แต่อาจไม่เหมาะกับทุกคน
และในอนาคต ความสัมพันธ์ อาจเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้น
มีแฟนหรือยัง ถามไม่ได้ในที่สาธารณะ เหมือนถามว่า
คุณมีเงินในแบงค์กี่บาท เพราะในอนาคต อาจจะมีคนเพียงกลุ่มเดียว
ที่ใช้คู่สมรส สร้างตัวตนในสังคม และมีคนอีกจำนวนมาก ที่รู้สึกว่า
ความสัมพันธ์ คือ เรื่องส่วนตัวที่ไม่ต้องโชว์ใคร
-- ตัวละครแต่ละตัว ผ่านการวิจัยมาอย่างดี
เช่น เจ้าชู้แนวไหน ปัญหาของแต่ละคน แต่ละอาชีพ แต่ละเพศ แต่ละวัย
แต่ละรูปแบบความสัมพันธ์ เชื่อว่า ผ่านการอภิปราย ถกเถียง ก่อนนำเสนอ
-- สิ่งแวดล้อมทางสังคมยุคใหม่ที่ทุกคนพึ่งพาตัวเองได้ กำลังกระตุ้นให้มนุษย์
แสวงหาความสัมพันธ์ รูปแบบใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี
ค่านิยมที่เปลี่ยนไป
ภาพรวม มองว่า ซีรีย์เรื่องนี้ มีคุณภาพในกระบวนการนำเสนอ
ในแง่แยกคนดูออกจากบรรทัดฐาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
เพราะการไม่ปรับบรรทัดฐานกันเลย อาจน่ากลัวยิ่งกว่า
ในยุคสมัยหนึ่ง มีบรรทัดฐานว่า ผู้หญิงต้องอยู่บ้าน มีหน้าที่ดำรงพันธุ์
เลี้ยงประชากรรุ่นใหม่ให้เติบโต
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ผู้หญิงที่ทำงานนอกบ้าน ไม่ใช่คนที่ดูแปลก
และประชากรรุ่นใหม่ก็อาจไม่จำเป็นเท่าเอไอ
ละครเรื่องนี้ ปลดล็อคความคิด แต่ไม่ได้พยายามยัดเยียดคำตอบ
ขณะเดียวกัน ก็ชี้ให้เรากล้ายอมรับความจริงกันมากขึ้น
พวกเราควรจะกล้าเปิดไพ่ทุกใบ ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะหยิบไพ่ใบไหน
ตรงข้ามกับในอดีต ที่บางความสัมพันธ์ คือ ไพ่ ที่เราเลือกที่จะคว่ำ
ไม่กล้าเปิดดู
ตอนจบ
คำว่า ต้องห้าม คือ ที่ลับ ความสนุก บนความสุ่มเสี่ยงต่อบรรทัดฐานทางสังคม
และคู่แต่งงาน อาจไม่ได้มีแต่รอยยิ้ม --- มันคือ ความจริงที่ควรเข้าใจ
แต่ใครจะทำ เอาอย่างตัวละครหรือไม่ ซีรีย์เรื่องนี้
ไม่ดูถูกคนดู
เพราะคนดูย่อมมีดุลยพินิจ เอาไปคิดเอง (แต่อย่าลืมดูแลชีวิตตัวเอง)
หวานรักต้องห้าม
เป็นซีรีย์ ในความทรงจำอีกเรื่องหนึ่ง ของปี 2024
แม้ว่า ความน่าติดตาม ในแต่ละตอน อาจจะไม่ลุ้นมาก
แต่รู้สึกว่า ควรค่าที่จะเปิดดูทุกตอน
ตอนจบ รู้สึกบริบูรณ์แบบที่ไม่ต้องบริบูรณ์
เพราะมันคือสไตล์ ของการทำงานแบบโยนคำถามปลายเปิด
เรื่องนี้ นับว่า ปิดเกมส์ได้อย่างเฉียบคม
ชื่นชมหวานรักต้องห้าม ไปได้สุดทุกความสัมพันธ์
รอชมเรื่องถัดไปของ ทีมงาน ผู้กำกับ นักเขียนบท นักแสดง
ทุกคน irreplaceable... หาคนอื่นมาสวมบทบาทแทน ก็คงไม่ดีเท่า
ตัวละคร และ บทละคร คาดเดาได้ยาก
แนวทางห่างจากคำว่า conservative
ฉลาดในทุกลูกเล่น
ตอนจบดีมาก ซึ้ง สะเทือนใจ
หนึ่งคะแนนที่หัก รู้สึกว่า ดำเนินเรื่องมา ใส่โทนแรง ชัดไปนิดนึง ซึ่งก็จำเป็น
สำหรับเรื่องนี้ ที่หยิบมาเล่า โดยเอาตัวแม่สองคนมาเจอกัน
ลองเพิ่มความ feminine เข้าไปอีกนิด เพื่อให้
เราสามารถรักตัวละครได้ด้วย ในช่วงดำเนินเรื่อง
หรือ บางที อาจเป็นเสน่ห์เบาๆ ที่ไม่ต้องขีดเส้นหนาทุกบรรทัด
เข้าใจว่า ส่วนหนึ่งก็เป็นสไตล์ของงานแนวนี้ ผลงานไม่หลุดตีม
แต่อีกด้าน ก็คือ การทำให้เรื่องมีชั้นเชิงมากขึ้น เข้าใจคนดูมากขึ้น
ในฐานะคนดู เรารู้สึกเหมือนถูกสาดกระสุนตลอดเวลาแบบไม่พัก
ด้วยมุมมอง ถ้อยคำ สภาพสังคม และความสัมพันธ์
อยากให้เพิ่มความอ่อนโยน ขยี้ layer ความเปราะบาง
ในตัวมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ มีโมเม้นที่ซึ้ง แบบไม่ต้องพูดตรง
แม้สไตล์งานจะเป็นแบบตะวันตก เช่น กล้าตั้งประเด็นที่ท้าทาย
แต่วิธีถ่ายทอดดูสะอาดกว่า แต่ครบครันกว่าในแง่อรรถรสและปรัชญา
ไมกี้ --ดูแล้ว รู้สึกคล้ายๆ ณเดช เรื่องแรกๆ ผู้ชายคนนี้ born to be the actor
และได้เจอกับโค้ช ที่สร้างเขาให้เป็นนักแสดงที่มีมิติ
แม้คธา จะพูดจาเอาแต่ได้ ฉายธรรมชาติของเด็กหนุ่ม แต่ดูไม่เบื่อเลย
พี่ดอม -- ชอบและใช่ทุกตอน ความเจ้าชู้ ซุกซน และเป็นมืออาชีพในทางธุรกิจ
เคท -- ผกามาลิน ได้นักแสดงที่ชีวิตจริงของเขา
ช่วยให้เขาสามารถประยุกต์บางแง่ของชีวิตในการถ่ายทอดความรู้สึก
ฉลาดเลือก
จีน่า - สวย ฉลาด การสร้างตัวละครตัวนี้ คือหมากตัวหนึ่งที่ได้โทนสีกลางๆ
แต่ไม่ใช่ศูนย์กลาง และเชื่อไหมว่า การย้อมสีผ้าให้ออกมากลางๆ
อาจยากกว่าให้เป็นสีใดที่ชัดไปเลย
เราได้เห็นความเข้มแข็ง จริยธรรมพองาม ความทะเยอทะยานก็ต้องสละความอ่อนแอ
ตัวละครแนวนี้ ขาดไม่ได้ ในทุกเรื่องที่เล่าถึงสังคมชิงไหวชิงพริบ
คุณแม่ LGBTQ เป็นสติให้กับทุกคน
แต่ก็น่าจะให้เห็นปัญหา เพราะเราเชื่อว่า ทุกความสัมพันธ์ ไม่ง่าย
โดยเฉพาะการอยู่กับคนที่มีเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดเวลา
เราเห็นภาพตัวละครตัวนี้ เพียงแต่อยากเห็นการหั่น ว่า ไม่มีเพศใดที่ดีกว่าเพศใด
ความรักของพ่อแม่บุญธรรมของลี ก็น่าจะแกะประเด็นได้ แบบไม่ยืดเย้อ
ซึ่งก็มีตอนคุณพ่อเล่าที่หาดทราย แต่น่าจะมีพื้นที่ให้เล่นกับประเด็นคู่นี้อีกหน่อย
ลี และ อังเดร เสน่ห์กระจาย
แม้จะ ดูทุกตอน
แต่รู้สึกอยากชื่นชมอย่างเป็นทางการ
เมื่อได้ชมตอนสุดท้ายซึ่งทำออกมาได้มีพลัง
อีพีสุดท้าย สำหรับเรา ให้ 10 เต็ม ทั้งแนวทาง สไตล์ อารมณ์
ในที่สุด แต่ละส่วนของเรื่อง สามารถต่อกันได้อย่างลงตัว
ในจุดสมดุลย์ใหม่
และยากที่ในความสัมพันธ์ จะไม่มีผิดหวังและเจ็บปวด
เพราะการที่คนหนึ่งคน จะผูกมัดกับอีกคน ในทุกๆ ด้าน
เป็นเรื่องยากจะเป็นไปได้ ดังนั้น เมื่อความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะวิกฤต
อาจมีเหตุ ปัจจัย ที่ต้องตัดสินใจ อยู่ หรือ จาก หรือ ผสานกันใหม่
ตอนจบ รู้สึกอิ่ม
บนความเข้าใจ นี่แหละ ความสัมพันธ์ที่เป็นไป
ซึ่งเราควรเข้าใจผู้อื่น มากกว่า ตัดสิน
ในโลกยุคใหม่ ที่ชีวิตถูกนิยามให้แตกต่าง
-- บางทีความสุขกับความมั่นคง สวนทางกัน
ความสัมพันธ์ ไม่จำเป็นต้องถาวร
เพียงเข้าใจการจบบทตอนของชีวิตแต่ละช่วง
-- ในอนาคต ด้วยสัดส่วนประชากรที่เปลี่ยนไป
เด็กคนหนึ่ง อาจเติบโตมา ในสังคมอุดมคติ อย่างที่เพลโต้ว่าไว้
พ่อแม่หลายคนช่วยกันเลี้ยงดูเด็กๆ อย่างชีวิตของลี
-- ชีวิตแต่งงาน มีไว้ให้วิเคราะห์ มากกว่า ยอมรับโดยทันที
ซึ่งไม่ใช่ไม่ดี แต่อาจไม่เหมาะกับทุกคน
และในอนาคต ความสัมพันธ์ อาจเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้น
มีแฟนหรือยัง ถามไม่ได้ในที่สาธารณะ เหมือนถามว่า
คุณมีเงินในแบงค์กี่บาท เพราะในอนาคต อาจจะมีคนเพียงกลุ่มเดียว
ที่ใช้คู่สมรส สร้างตัวตนในสังคม และมีคนอีกจำนวนมาก ที่รู้สึกว่า
ความสัมพันธ์ คือ เรื่องส่วนตัวที่ไม่ต้องโชว์ใคร
-- ตัวละครแต่ละตัว ผ่านการวิจัยมาอย่างดี
เช่น เจ้าชู้แนวไหน ปัญหาของแต่ละคน แต่ละอาชีพ แต่ละเพศ แต่ละวัย
แต่ละรูปแบบความสัมพันธ์ เชื่อว่า ผ่านการอภิปราย ถกเถียง ก่อนนำเสนอ
-- สิ่งแวดล้อมทางสังคมยุคใหม่ที่ทุกคนพึ่งพาตัวเองได้ กำลังกระตุ้นให้มนุษย์
แสวงหาความสัมพันธ์ รูปแบบใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี
ค่านิยมที่เปลี่ยนไป
ภาพรวม มองว่า ซีรีย์เรื่องนี้ มีคุณภาพในกระบวนการนำเสนอ
ในแง่แยกคนดูออกจากบรรทัดฐาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
เพราะการไม่ปรับบรรทัดฐานกันเลย อาจน่ากลัวยิ่งกว่า
ในยุคสมัยหนึ่ง มีบรรทัดฐานว่า ผู้หญิงต้องอยู่บ้าน มีหน้าที่ดำรงพันธุ์
เลี้ยงประชากรรุ่นใหม่ให้เติบโต
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ผู้หญิงที่ทำงานนอกบ้าน ไม่ใช่คนที่ดูแปลก
และประชากรรุ่นใหม่ก็อาจไม่จำเป็นเท่าเอไอ
ละครเรื่องนี้ ปลดล็อคความคิด แต่ไม่ได้พยายามยัดเยียดคำตอบ
ขณะเดียวกัน ก็ชี้ให้เรากล้ายอมรับความจริงกันมากขึ้น
พวกเราควรจะกล้าเปิดไพ่ทุกใบ ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะหยิบไพ่ใบไหน
ตรงข้ามกับในอดีต ที่บางความสัมพันธ์ คือ ไพ่ ที่เราเลือกที่จะคว่ำ
ไม่กล้าเปิดดู
ตอนจบ
คำว่า ต้องห้าม คือ ที่ลับ ความสนุก บนความสุ่มเสี่ยงต่อบรรทัดฐานทางสังคม
และคู่แต่งงาน อาจไม่ได้มีแต่รอยยิ้ม --- มันคือ ความจริงที่ควรเข้าใจ
แต่ใครจะทำ เอาอย่างตัวละครหรือไม่ ซีรีย์เรื่องนี้ ไม่ดูถูกคนดู
เพราะคนดูย่อมมีดุลยพินิจ เอาไปคิดเอง (แต่อย่าลืมดูแลชีวิตตัวเอง)
หวานรักต้องห้าม
เป็นซีรีย์ ในความทรงจำอีกเรื่องหนึ่ง ของปี 2024
แม้ว่า ความน่าติดตาม ในแต่ละตอน อาจจะไม่ลุ้นมาก
แต่รู้สึกว่า ควรค่าที่จะเปิดดูทุกตอน
ตอนจบ รู้สึกบริบูรณ์แบบที่ไม่ต้องบริบูรณ์
เพราะมันคือสไตล์ ของการทำงานแบบโยนคำถามปลายเปิด
เรื่องนี้ นับว่า ปิดเกมส์ได้อย่างเฉียบคม