สวัสดีค่ะ เราขอมาแชร์ประสบการณ์และหาวิธีแก้ไขต่อไปนะคะ
เราคบกับแฟนมาได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ทะเลาะกันบ้างตามประสาคู่รัก จนมาพักหลัง (5ปีหลัง) แฟนเริ่มมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเราที่รุนแรง แต่ไม่บ่อย ทำให้เรามีแผลทางกาย แต่ทุกครั้งเราก็ผ่านมาได้ จากที่เคลียร์ปัญหากันสองคนเคัาขอโทษเรา จนเมื่อ1-2ปีที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าพฤติกรรมด้านนี้ไม่มีแล้ว แฟนดูใจเย็นขึ้นมาก มีการคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้นและจบปัญหาง่าย และเมื่อไม่นานมานี้แฟนได้ขอเราแต่งงาน จนเราซื้อบ้านด้วยกัน แฟนก็ได้พาพ่อแม่เค้าเข้ามาอยู่ด้วยในบ้าน เพื่อมาช่วยดูแลชีวิตประจำวันของเราทั้งคู่ เหมือนทุกอย่างจะดีใช่มั้ยคะ จนเมื่อวานเรามีปากเสียงกับแฟน แล้วอยู่ๆแฟนก็โมโหบีบคอเรา จนแม่เค้าลงมาเห็น เราตะโกนเรียกให้แม่เค้าช่วย และแฟนก็มีเตะเราเข้าที่ท้องต่อหน้าแม่เค้าเต็มๆอีกที หลังจากนั้นแม่เค้าก็เข้ามาแยกและดึงเราไปนั่งคุยกับเค้า โดยที่แฟนเราไปนั่งอีกห้อง // ในฝั่งของเรา แม่แฟนพยายามจะอธิบายว่าปกติลูกเค้าไม่ใช่คนแบบนี้ เราไปทำอะไรให้แฟนฟิวส์ขาดมั้ย คือจังหวะนั้นเราพยายามฮึบพูดกับแม่เค้าว่าถึงจะโมโหยังไงแต่การทำร้ายร่างกายกันมันก็เกินกว่าเหตุมั้ย แต่สิ่งที่เราได้คำตอบกลับมาก็คือเค้าบอกเราว่าอดทนมาขนาดนี้แล้ว ก็ช่าง
บ้างก็ได้นะ แล้วก็เลี่ยงไปพูดว่าอย่าไปเซ้าซี้หรือจู้จี้แฟนเรามาก แต่ก็พูดว่าเค้าเป็นกลางนะ แต่เค้าไม่มีการถามเราเลยว่าเจ็บมั้ย ไหวมั้ย ซึ่งจากที่เรารู้สึกบ้านนี้มา 10 ปีอ่ะ เราพูดไม่ออกเลย แม่ก็เข้าข้างลูกอยู่แล้ว หลังจากนั้นแม่เค้าก็พยายามดึงเรื่องอื่นๆมาพูด เหมือนให้เรามองว่าการกระทำแบบนี้มันปกติ เราบอกว่าเราอยากได้เหตุผลแฟนว่าทำแบบนั้นใส่เรา คิดอะไรอยู่ แต่แม่จะสวนกลับมาว่าอย่าไปหาเหตุผล เลิกตั้งคำถามสักที อดทน ช่าง
เท่านั้น นี่คือสิ่งที่เค้าบอกกับเรา และเค้าก็พูดเรื่องเลิกกันแล้วแบ่งเรื่องบ้าน ทั้งๆที่เรายังไม่เคยหลุดปากตอนนั้นว่าจะเลิกจะแบ่งบ้านอะไรเลย หลังจากนั้นเราเงียบฟังเค้าอย่างเดียวเลย เพราะคิกว่าพูดไปก็เหนื่อย พูดไปก็ไม่มีน้ำหนักที่จะปรับความคิดอะไรตรงนั้นได้ เค้าบอกเราว่าเดี๋ยวเค้าจะคุยกับแฟนให้ เค้าไม่ชอบหรอกการทำร้ายร่างกายแบบนี้ เค้าบอกให้เราเวทความดีความชั่ว อะไรมองข้ามได้ก็ทำแบบนี้ เราฟังแล้วก็หมดคำจะพูด เราเลยเดินขึ้นห้องไปนอน และแม่แฟนก็ได้ไปคุยกับแฟนในห้องทำงาน ซึ่งในห้องทำงานมีกล้องวงจรเล็กๆที่บ้านเราจะติดไว้ดูคอกกระต่ายในนั้น เราเลยเปิดฟังเสียง สิ่งที่แม่บอกเราว่าจะไปคุยให้ สำหรับเราที่ฟังจนจบ ไม่ใช่การห้ามปรามลูกชายในการกระทำที่ทำลงไปเลย แต่เป็นการพูดถึงเราว่าเราจู้จี้ เซ้าซี้ พูดในเชิงว่าเราเริ่มสร้างความรำคาญใส่แฟน แฟนเลยทำแบบนั้น มีพูดกับแฟนแค่ว่าทีหลังก็อย่าไปทำร้ายร่างกายเค้า ไม่เอา เดี๋ยวพ่อแม่เค้ารู้เค้าจะมาว่าและเอาเราไปพูดลับหลังเสียๆได้ (เราไม่เคยบอกที่บ้านเลย เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ คิดมาก เราอยากให้เค้าสบายใจกับเรา และเราก็ไม่เคยให้พ่อแม่เห็นภาพแฟนในมุมที่แย่เลย) ส่วนแฟนให้เหตุผลกับแม่ตัวเองว่าที่ทำร้ายเรา เพราะแค่อยากรู้ว่าถ้าได้ยินเสียงแม่เดินลงมา เราจะยังสู้กลับหรือตะโกนให้คนช่วย แบบจริงๆไม่ได้อยากทำแต่อยากดูวิธีจัดการของเรา (เรางงมากกับเหตุผลนี้) พอเราฟังทั้งหมด เรายิ่งรู้สึกว่าบ้านนี้
ไม่ใช่บ้านเราเลย เราไม่เหลือใครที่เป็นห่วงเราจริงๆ เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ทั้งๆที่กรรมสิทธิ์บ้านเป็นชื่อเราอยู่ตอนนี้ บ้านควรปลอดภัย สบายใจที่จะอยู่รึเปล่า ไม่ใช่เป็นแบบนี้
ตอนนี้เราเลยไม่รู้จะทำตัวยังไงต่อ โดยเฉพาะปัญหาที่ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่มีแม่แฟนเข้ามาแทรก เราจะคุยกับแฟนทีแม่ก็เข้ามาขั้น เราพูดตรงๆว่ายังคิดหาทางออกไม่ได้ บ้านก็กำลังทำ หน้าที่การงานก็กำลังเติบโดไปได้ดี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจะแก้กันยังไงต่อในระยะยาว ส่วนตัวเราอยากเคลียร์แค่กับแฟน แต่แยกแม่เค้าไม่ได้เลย บ้านเราแท้ๆแต่ตอนนี้เรายังไม่กล้าลงไปข้างล่างเลย เรารับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ถูกค่ะ พอจะมีคำแนะนำ หรือมุมมองอื่นๆแชร์ให้เราได้บ้างมั้ยคะ
ขอบคุณมากค่ะ
ถูกแฟนทำร้ายร่างกายในบ้านตัวเอง
เราคบกับแฟนมาได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ทะเลาะกันบ้างตามประสาคู่รัก จนมาพักหลัง (5ปีหลัง) แฟนเริ่มมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเราที่รุนแรง แต่ไม่บ่อย ทำให้เรามีแผลทางกาย แต่ทุกครั้งเราก็ผ่านมาได้ จากที่เคลียร์ปัญหากันสองคนเคัาขอโทษเรา จนเมื่อ1-2ปีที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าพฤติกรรมด้านนี้ไม่มีแล้ว แฟนดูใจเย็นขึ้นมาก มีการคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้นและจบปัญหาง่าย และเมื่อไม่นานมานี้แฟนได้ขอเราแต่งงาน จนเราซื้อบ้านด้วยกัน แฟนก็ได้พาพ่อแม่เค้าเข้ามาอยู่ด้วยในบ้าน เพื่อมาช่วยดูแลชีวิตประจำวันของเราทั้งคู่ เหมือนทุกอย่างจะดีใช่มั้ยคะ จนเมื่อวานเรามีปากเสียงกับแฟน แล้วอยู่ๆแฟนก็โมโหบีบคอเรา จนแม่เค้าลงมาเห็น เราตะโกนเรียกให้แม่เค้าช่วย และแฟนก็มีเตะเราเข้าที่ท้องต่อหน้าแม่เค้าเต็มๆอีกที หลังจากนั้นแม่เค้าก็เข้ามาแยกและดึงเราไปนั่งคุยกับเค้า โดยที่แฟนเราไปนั่งอีกห้อง // ในฝั่งของเรา แม่แฟนพยายามจะอธิบายว่าปกติลูกเค้าไม่ใช่คนแบบนี้ เราไปทำอะไรให้แฟนฟิวส์ขาดมั้ย คือจังหวะนั้นเราพยายามฮึบพูดกับแม่เค้าว่าถึงจะโมโหยังไงแต่การทำร้ายร่างกายกันมันก็เกินกว่าเหตุมั้ย แต่สิ่งที่เราได้คำตอบกลับมาก็คือเค้าบอกเราว่าอดทนมาขนาดนี้แล้ว ก็ช่างบ้างก็ได้นะ แล้วก็เลี่ยงไปพูดว่าอย่าไปเซ้าซี้หรือจู้จี้แฟนเรามาก แต่ก็พูดว่าเค้าเป็นกลางนะ แต่เค้าไม่มีการถามเราเลยว่าเจ็บมั้ย ไหวมั้ย ซึ่งจากที่เรารู้สึกบ้านนี้มา 10 ปีอ่ะ เราพูดไม่ออกเลย แม่ก็เข้าข้างลูกอยู่แล้ว หลังจากนั้นแม่เค้าก็พยายามดึงเรื่องอื่นๆมาพูด เหมือนให้เรามองว่าการกระทำแบบนี้มันปกติ เราบอกว่าเราอยากได้เหตุผลแฟนว่าทำแบบนั้นใส่เรา คิดอะไรอยู่ แต่แม่จะสวนกลับมาว่าอย่าไปหาเหตุผล เลิกตั้งคำถามสักที อดทน ช่างเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เค้าบอกกับเรา และเค้าก็พูดเรื่องเลิกกันแล้วแบ่งเรื่องบ้าน ทั้งๆที่เรายังไม่เคยหลุดปากตอนนั้นว่าจะเลิกจะแบ่งบ้านอะไรเลย หลังจากนั้นเราเงียบฟังเค้าอย่างเดียวเลย เพราะคิกว่าพูดไปก็เหนื่อย พูดไปก็ไม่มีน้ำหนักที่จะปรับความคิดอะไรตรงนั้นได้ เค้าบอกเราว่าเดี๋ยวเค้าจะคุยกับแฟนให้ เค้าไม่ชอบหรอกการทำร้ายร่างกายแบบนี้ เค้าบอกให้เราเวทความดีความชั่ว อะไรมองข้ามได้ก็ทำแบบนี้ เราฟังแล้วก็หมดคำจะพูด เราเลยเดินขึ้นห้องไปนอน และแม่แฟนก็ได้ไปคุยกับแฟนในห้องทำงาน ซึ่งในห้องทำงานมีกล้องวงจรเล็กๆที่บ้านเราจะติดไว้ดูคอกกระต่ายในนั้น เราเลยเปิดฟังเสียง สิ่งที่แม่บอกเราว่าจะไปคุยให้ สำหรับเราที่ฟังจนจบ ไม่ใช่การห้ามปรามลูกชายในการกระทำที่ทำลงไปเลย แต่เป็นการพูดถึงเราว่าเราจู้จี้ เซ้าซี้ พูดในเชิงว่าเราเริ่มสร้างความรำคาญใส่แฟน แฟนเลยทำแบบนั้น มีพูดกับแฟนแค่ว่าทีหลังก็อย่าไปทำร้ายร่างกายเค้า ไม่เอา เดี๋ยวพ่อแม่เค้ารู้เค้าจะมาว่าและเอาเราไปพูดลับหลังเสียๆได้ (เราไม่เคยบอกที่บ้านเลย เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ คิดมาก เราอยากให้เค้าสบายใจกับเรา และเราก็ไม่เคยให้พ่อแม่เห็นภาพแฟนในมุมที่แย่เลย) ส่วนแฟนให้เหตุผลกับแม่ตัวเองว่าที่ทำร้ายเรา เพราะแค่อยากรู้ว่าถ้าได้ยินเสียงแม่เดินลงมา เราจะยังสู้กลับหรือตะโกนให้คนช่วย แบบจริงๆไม่ได้อยากทำแต่อยากดูวิธีจัดการของเรา (เรางงมากกับเหตุผลนี้) พอเราฟังทั้งหมด เรายิ่งรู้สึกว่าบ้านนี้ไม่ใช่บ้านเราเลย เราไม่เหลือใครที่เป็นห่วงเราจริงๆ เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ทั้งๆที่กรรมสิทธิ์บ้านเป็นชื่อเราอยู่ตอนนี้ บ้านควรปลอดภัย สบายใจที่จะอยู่รึเปล่า ไม่ใช่เป็นแบบนี้
ตอนนี้เราเลยไม่รู้จะทำตัวยังไงต่อ โดยเฉพาะปัญหาที่ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่มีแม่แฟนเข้ามาแทรก เราจะคุยกับแฟนทีแม่ก็เข้ามาขั้น เราพูดตรงๆว่ายังคิดหาทางออกไม่ได้ บ้านก็กำลังทำ หน้าที่การงานก็กำลังเติบโดไปได้ดี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจะแก้กันยังไงต่อในระยะยาว ส่วนตัวเราอยากเคลียร์แค่กับแฟน แต่แยกแม่เค้าไม่ได้เลย บ้านเราแท้ๆแต่ตอนนี้เรายังไม่กล้าลงไปข้างล่างเลย เรารับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ถูกค่ะ พอจะมีคำแนะนำ หรือมุมมองอื่นๆแชร์ให้เราได้บ้างมั้ยคะ
ขอบคุณมากค่ะ