ใส่ใจคนใกล้ตัว ก่อนจะสายเกินไป

ใส่ใจคนใกล้ตัว ก่อนจะสายเกินไป

ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ผู้คนต่างมีโลกของตัวเองอยู่ในจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ โลกออนไลน์ได้กลายเป็นที่หลบภัยและที่พักพิงทางอารมณ์ของใครหลายคน บางคนพบมิตรภาพใหม่ๆ หรือได้รับกำลังใจผ่านคอมเมนต์และยอดไลก์ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็อาจเผลอลืมใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างเราในชีวิตจริง

ความสำคัญที่หายไปในความสะดวกสบาย
หลายคนชอบถามเพื่อนในเฟซบุ๊กว่า “กินข้าวรึยัง” แต่กลับลืมมองไปที่สมาชิกในครอบครัวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ว่าเขาได้กินหรือยัง? เรามักโหยหาความอบอุ่นจากคนที่อยู่ไกล แต่กลับมองข้ามความอบอุ่นที่อยู่ใกล้ตัวแค่เพียงเอื้อมมือถึง เวลาที่เราใช้สนทนาออนไลน์เพื่อแก้ปัญหาหรือความขัดแย้ง อาจไม่ช่วยให้ปัญหาจบลงได้อย่างแท้จริง เพราะตัวหนังสือไม่สามารถแทนความรู้สึกหรือการสัมผัสที่อบอุ่นได้

ชีวิตคนไม่เหมือนแบตมือถือ
มือถือ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หากแบตหมด เราก็แค่ชาร์จไฟให้กลับมาใช้งานได้ตามเดิม แต่กับ “คน” หากเขาหมดความอดทน หรือหมดเวลาในชีวิต เขาไม่ได้มีปุ่มรีเซ็ตให้เรากดเริ่มต้นใหม่ บางครั้งเมื่อเรารู้สึกอยากใส่ใจเขาขึ้นมา มันอาจสายเกินไปแล้ว

อย่ารอให้สายไป
การใส่ใจคนใกล้ตัวไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใหญ่โต เพียงแค่ถามไถ่ว่า “เหนื่อยไหม?” หรือ “วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขารู้สึกว่าเขามีความสำคัญในชีวิตเรา การใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างจริงจังโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เทคโนโลยีมาเป็นตัวกลาง อาจทำให้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งและอบอุ่นยิ่งขึ้น

จงใส่ใจและให้เวลา
อย่าปล่อยให้โลกออนไลน์แย่งเวลาที่มีค่ากับคนใกล้ตัวไป จงมองหน้าคนที่อยู่กับเราตอนนี้ให้มากขึ้น ให้พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะ ได้รับรอยยิ้ม และสัมผัสถึงความรักที่มาจากใจจริง อย่ารอจนถึงวันที่เขาไม่อยู่ตรงนั้น แล้วคุณถึงจะรู้ว่าคุณได้สูญเสียอะไรไป

เวลาที่ให้คนสำคัญในชีวิตนั้นไม่สามารถย้อนกลับได้ จงใช้มันอย่างคุ้มค่าก่อนจะสายเกินไป”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่