รีวิวสู้กับโรคซึมเศร้าด้วยตัวเองในปีที่ 4

ขอเกริ่นก่อนนะครับ ตอนนี้ผมอายุ 20 โดยผมเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองมีอาการซึมเศร้าตอน 16 ครับ ด้วยปัจจัยหลายอย่างในช่วงเวลานั้นทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาการเข้าสังคมใหม่ๆ ปัญหาการเรียน ความรัก ทุกอย่างมันล็อคอินเข้าพอดีและทำให้ผมเริ่มกลายเป็นคนมัวหมองและที่สำคัญคือผมในตอนนั้นไม่มีที่พึ่งทางใจเลยด้วย ทุกอย่างรวมกันทำให้ผมเริ่มเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า และด้วยตอนนั้นเข้าช่วงโควิดพอดี ผมที่ต้องอยู่แต่บ้านก็มีปัญหากับพ่อของตัวเองบ่อยขึ้น โดยที่คนในบ้านเวลานั้นก็ไม่ได้ช่วยผมเลย แต่ผมก็ยังรักพ่อผมนะครับ แต่แค่ผมเสียใจเหลือเกินที่แกไม่เคยจะเข้าใจผมเลย พักเรื่องเกริ่นละกลับเข้ารีวิว โดยในปีแรกมันเป็นอะไรที่สับสนมากๆ ทั้งสับสนกับเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาในชีวิต ทั้งสับสนกับตัวเอง เริ่มต้องการจะหาที่พึ่งทางใจแต่เวลานั้นหันไปหาใครก็ไม่มีใครเข้าใจผมเลยสักคน อาจจะเพราะผมเคยเป็นคนที่เพอร์เฟ็คและเป็นคนง่ายๆ ทุกคนเลยไม่เข้าใจว่าผมต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่เป็นไร ผมไม่คิดจะโทษใครอยู่แล้วเพราะผมทำตัวเอง ผมกลายเป็นคนเกลียดโลก เกลียดผู้คนที่ใจร้ายกับผม สาปแช่งทุกอย่างรอบตัว โดยผมสับสนมึนงงอยู่อย่างนั้นจนเข้าปีที่ 2 ที่เริ่มชินชากับการสับสนและเริ่มเข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ในปีนี้เองที่ทางบ้านก็มีปัญหาขึ้นมาอีกรอบเนื่องจากพ่อผมมีชู้ ทำให้บ้านเกือบแตก และผมที่ในตอนนั้นดิ่งๆอยู่อาการก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ผมทำร้ายตัวเองด้วยวิธีต่างๆนาๆ กลายเป็นคนเกลียดและกลัวพ่อตัวเอง(ในช่วงเวลานั้น) คิดอยากจะฆ่าตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่กล้าพอ ตลกดีไหมครับ ปีที่สองเป็นปีที่แย่ที่สุดจริงๆแต่ก็ทำให้ผมได้ทุบมายเซ็ตและวิธีการมองโลกเก่าๆของตัวเองทิ้งไปและเริ่มมองโลกในมุมใหม่ๆ มองด้วยมุมมองของคนอื่นจนตกผลึกได้ว่าจริงๆแล้วโลกใบนี้นั้นสวยงาม ผู้คนก็มีดีแย่ปะปน แต่สิ่งที่มันแย่จริงๆคือตัวผมเองที่เปรียบเสมือนมลพิษต่อโลกใบนี้ เมื่อคิดแบบนั้นแล้วผมจึงได้เริ่มกลายมาเป็นคนที่เกลียดตัวเองและรักทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างแทน เมื่อโควิดเริ่มเบาบางและสามารถกลับไปเรียนได้ ผมในช่วงม.6 ผมในตอนนั้นกลายเป็นคนหมดความมั่นใจในตัวเอง พูดติดๆขัดๆในบางทีและมีอาการหายใจลำบากตอนอยู่ในสถานที่ๆมีคนเยอะ ทำให้ใช้ชีวิตได้ลำบากเลยครับ แต่อาการก็เริ่มดีขี้นเนื่องจากได้กลับมาเจอผู้คน ไม่ต้องอยู่บ้านเจอหน้าพ่อตลอดเวลา แต่อาการมันก็ยังลุ่มๆดอนๆ อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งดข้าปีที่สาม ผมได้ขึ้นปี 1 โดยตัวผมได้เข้าเรียนในมหาลัย ได้อยู่หอพักไกลจากบ้านทำให้ผมมีความหวังที่ว่าอาการเหล่านี้มันจะหายไป แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังอยู่กับผมไม่หายไปไหน ทำให้ผมแทบจะไม่ได้นอนในตอนกลางคืน และตอนเช้าก็ต้องไปหลับต่อในคาบเรียน วนอยู่อย่างนั้นเป็นปี จนเข้าปีที่ 4 ปัจจุบันนี่เองครับ ผมอยู่ปีสองแล้วแต่ตอนนี้อาการมันหนักขึ้นมากว่าเดิมโดยสาเหตุที่กำเริบก็มาจากปัญหาชีวิตกับครอบครัวอีกแล้วนี่แหละคร้บ ผมนอนไม่หลับมาเดือนนึงแล้ว ตอนที่พิมอยู่นี่ก็เพิ่งตื่นจากนอนได้แค่ 3 ชมทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นผมไม่นอนเลย 31 ชม.ติดกัน ก็ผมแค่อยากจะเล่าเฉยๆเผื่อในวันนึงที่ผมไม่อยู่แล้วจะได้ให้สิ่งนี้มันบันทึกช่วงไทม์ไลน์อาการซึมเศร้าของคนๆนึง ผมรู้ดีว่าการตายของผมมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ซ้ำยังทำให้คนรอบข้างเสียใจมากไปอีก แต่จริงๆผมกลับไม่เคยได้รับการช่วยเหลือเลยในเวลาที่ผมต้องการ คนรอบข้างจริงๆก็ไม่ได้ใจร้ายหรอกนะ แต่ผมเองนี่แหละที่เล่ามันออกไปไม่ได้เพราะเหนื่อยกับการเล่าเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมาแล้ว ใครที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์แบบเดียวกับผมก็ขอให้เข้มแข็งไว้นะครับ เข้มแข็งให้มากขึ้นทุกวัน เพื่อให้ตัวเราในตอนเด็กตอนที่ชีวิตยังมีความสุข เพื่อให้เด็กคนนั้นไม่เสียใจ สู้ไปพร้อมกับผมนะครับ ผมรักทุกคน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่