ขอคำปรึกษาหน่อยนะคะ ตอนนี้ทุกข์ใจมากจริงๆ
ยาวและรายละเอียดเยอะมากนะคะ
ตอนนี้เป็น ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลนะคะ เริ่มงานวันที่ 22 กันยายน 2567 แล้วมีเคสเลิกจ้างไม่เป็นธรรมวันที่ 2 ตุลาคม 2567 กับผู้บริหาร โดยส่วนตัวไม่ได้อยู่ในการสอบสวนด้วย แต่ได้รับแจ้งให้เตรียมเอกสารเป็นสองกรณี คือพนักงานเขียนใบลาออกและรับเงินช่วยเหลือ กับเลิกจ้างไม่จ่ายค่าชดเชย
ซึ่งพนักงานท่านดังกล่าวเลือกจะถูกเลิกจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยแล้วไปเจอกันที่ศาลเพื่อพิสูจน์ความผิดกัน
หมายศาลมาถึงบริษัทเมื่อเดือนที่ผ่านมา มีกำหนดต้องไปศาลนัดไกล่เกลี่ยครั้งแรก แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องในกระบวนการดังกล่าว เนื่องจากขั้นตอนทั้งหมดถูกรับผิดชอบโดย HR อีกทีมนึงที่ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่
ทีนี้ เมื่อสิ้นเดือนพ.ย. มีจดหมายมาถึงจากสำนักงานใหญ่ ส่งมาแจ้งให้ทำหนังสืออธิบายความผิด ภายใน 7 วัน เนื่องจากมีการระบุในหนังสือรับรองการทำงานขอพนักงานที่เลิกจ้างว่า พนักงานคนดังกล่าว ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมีความขยันหมั่นเพียร มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เรียนรู้รวดเร็วและมีความประพฤติดี ซึ่งเป็นข้อความตามแบบมาตรฐานที่ใช้ตั้งแต่ปี 2017 ตามแบบฟอร์มมาตรฐานของบริษัท ในชุดเอกสารที่ใช้เลิกจ้างพนักงาน
หนังสือตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยที่มีจุดประสงค์เพื่อจะลงโทษดำเนินการทางวินัยกับตัวของเราเนื่องจาก จงใจช่วยเหลือพนักงาน ใส่ข้อความที่ไม่สอดคล้องกับหนังสือเลิกจ้างทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าพนักงานถูกเลิกจ้างเนื่องจากกระทำความผิด ซึ่งหนังสือเลิกจ้างถูกเตรียมโดยทีมจากสำนักงานใหญ่ เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
โดยข้อเท็จจริงแล้ว:
1. เราไม่ได้รู้จักกับพนักงานเป็นการส่วนตัวมาก่อน เราเพิ่งมาเริ่มงานได้ไม่กี่วัน ผู้บริหารท่านนั้นก็ถูกพักงานเพื่อสอบสวนแล้ว
2. ชุดเอกสารถูกจัดเตรียมตาม standard การเลิกจ้างปกติ โดยทีมงาน ซึ่งเรามีการถามย้ำกับคนที่เตรียมมาแล้วว่าเป็นชุดที่ใช้ตามปกติใช่ไหม และนำไปให้หัวหน้าทีมที่ทำการเลิกจ้างตรวจสอบดูแล้วก่อนที่จะจัดเข้าชุด
3. เรื่องของการเตรียมเอกสาร เราได้รับคำสั่ง1 วันก่อนการดำเนินการเลิกจ้าง ให้ปริ้นเอกสารตามอีเมล 2 ชุด คือ
3.1 ชุดที่เป็นหนังสือลาออกปกติและบริษัทเสนอเงินช่วยเหลือ
3.2 ชุดที่เป็นการเลิกจ้างแบบไม่จ่ายค่าชดเชย
ในอีเมลที่แนบมา ไม่มีหนังสือรับรองการทำงานแนบมาด้วย เราจึงแจ้งกับหัวหน้าทีมเลิกจ้างว่าตามมาตรฐานเราจะต้องให้หนังสือรับรองการทำงานในวันที่งานวันสุดท้ายตามฎีกาที่เราเคยเรียนมา และเป็นแนวปฏิบัติปกติของบริษัทนี้อยู่แล้ว หัวหน้าทีมเลิกจ้างรับเอกสารไปดูแล้วก็ถามคอนเฟิร์มกับเราว่ามีมาตรฐานแบบเดียวใช่ไหม ซึ่งเราเช็คกับทีมงานแล้วว่าเป็นชุดมาตรฐาน
ตอนนั้นเรายังลองถามดูว่าเคสนี้มีแน้วโน้มจะจบอย่างไร ฝ่ายที่เกี่ยวข้องแจ้งว่าน่าจะเป็นลาออกปกติเพราะน่าจะคุยกันได้
4. ในวันที่กระทำการเลิกจ้าง เราไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ไม่ได้เป็นคนยื่นเอกสารให้กับพนักงาน แต่พยายานที่อยู่ในเหตุการณ์แจ้งว่าหัวหน้าทีมเลิกจ้างเป็นคนจัดชุดเอกสารและยื่นให้พนักงานเอง โดยที่ CEO ได้ถามย้ำว่าต้องให้เอกสารทั้งหมดนี้ไหม และเค้าได้ตอบว่าเป็นชุดเอกสารที่ถูกต้อง
5. เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีหมายศาลกรณีเลิกจ้างไม่เป็นธรรมมาที่บริษัท และมีเอกสารชุดเลิกจ้างแนบมาด้วย ซึ่งหนังสือเลิกจ้างลงนามด้วย CEO และหนังสือรับรองการทำงานลงชื่อเรา ทีนี้ เราถูกเรียกไปโดยหัวหน้าทีมเลิกจ้างบอกว่าจะตักเตือเราเป็นวาจาว่าเราประมาทเลินเล่อทำให้บริษัทได้รับความเสียหายจากการออกหนังสือรับรองความประพฤติให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง เราก็ไม่ได้เถียงอะไรเพราะเรายังเป็นพนักงานใหม่อยู่และเราพอมีความรู้อยู่บ้างว่าการเตือนด้วยวาจาไม่มีผลทางกฏหมาย และการกระทำของเราเป็นไปตามระเบียบบริษัท ถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง เราจึงไม่แย้งอะไร
6. เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา หนังจากที่เราได้รับหนังสือให้ชี้แจงความผิด เราเลยปรึกษากับน้องเขยที่เป็นทนาย เค้าเลยช่วยร่างหนังสือตอบกลับที่บอกว่าเราทำตามขั้นตอนมาตรฐานทุกอย่าง และการกระทำของเราเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฏหมาย ไม่ขัดกับระเบียบบริษัท และไม่ได้เป็นการประมาทเลินเล่อ ซึ่งเราเล่าลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าไปประกอบด้วยว่าเอกสารทั้งหมดถูกตรวจสอบจากหัวหน้าทีมเลิกจ้างแล้ว
7. เมื่อวานนี้ตอนกลางคืน หัวหน้าทีมเลิกจ้างโทรหาเราบอกว่าเค้าต้องการให้เราเปลี่ยนข้อความในจดหมายชี้แจง ให้เอาลำดับเหตุการณ์และข้อความที่อ้างถึงเขาออกเพราะเค้ายอมรับว่า "ดูเอกสารจริง แต่เค้าไม่ได้อ่าน" ดังนั้นจะมาอ้างว่าเค้าตรวจสอบเอกสารไม่ได้ เค้าบอกว่าเค้าต้องการให้เราเขียนยอมรับว่าเราประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบข้อมูลก่อนทำหนังสือเลิกจ้าง แล้วจะลดโทษให้จากจงใจช่วยเหลือ เป็นออกหนังสือเตือน อย่างมากก็พักงาน
8.เรายังยืนยันตามเดิมว่าเราจะขออธิบายความจริงในหนังสือชี้แจง การพิจารณาโทษจะเป็นยังไงก็สุดแล้วแต่ผู้บริหาร แต่สำหรับเรา ในเวลาแบบนี้ไม่ควรมาทำร้ายกันเลย เพราะทุกคนรู้ดีแก่ใจว่าเราเป็นพนักงานใหม่ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร และเอกสารที่เราเซ็นต์ก็เป็นหนังสือรับรองการทำงานตามรูปแบบปกติ
9. หัวหน้าทีมเลิกจ้างขู่เราว่า ถ้าเราไม่แก้ไขข้อความ เค้าไม่รับประกันว่าเราจะมีอนาคตแบบไหนต่อไปในองค์กร เพราะแสดงทัศนคติไม่ดี ไม่เห็นแก่ประโยชน์องค์กร อาจจะไม่ผ่านโปรได้ เพราะเค้ารู้จักผู้บริหารระดับบนทุกคน
เรานำเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่ที่เป็น MD ของบริษัทเราแล้ว เค้าบอกเราว่าเค้าเป็นพยานให้ได้ว่าหัวหน้าทีมเลิกจ้างเป็นคนยื่นเอกสารและดำเนินการทั้งหมดจริง และเราไม่ได้อยู่ที่นั้นในวันนั้น
ที่เราอยากปรึกษาและขอกำลังใจคือ
1. ตามกฏหมายแรงงานแล้ว เรามีความผิดจริงไหมคะ เค้าสามารถกล่าวหาว่าเราทำให้บริษัทได้รับความเสียหายได้จริงหรือคะ เพราะตอนนี้ยังไม่มีกระกวนการขึ้นศาลใดๆ เกิดขึ้น มีแค่หมายศาลมาที่บริษัท
2. ถ้าเค้าจะพิจารณาให้เราไม่ผ่านทดลองงานด้วยเรื่องนี้ เค้าสามารถทำได้ไหมคะ เนื่องจากหัวหน้างานและ MD ของเราค่อนข้างจะ Happy กับเรามากๆ พนักงานที่นี่ค่อนข้างจะเปิดใจและรักเรามาก เราก็ผูกพันกับเค้ามากๆเหมือนกันค่ะ
3. เราควรดำเนินการต่อไปยังไงดีคะ เพื่อปกป้องตัวเราเองตามกระบวนการและรักษาสภาพจิตใจ เพราะเราร้องไห้หนักมากตั้งแต่เกิดเรื่อง มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เข้าไปนอน รพ มาคืนนึงแล้ว
ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำจากทุกๆคนนะคะ
ถูกดำเนินการทางวินัยเนื่องจากให้หนังสือรับรองการทำงานกับพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง
ยาวและรายละเอียดเยอะมากนะคะ
ตอนนี้เป็น ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลนะคะ เริ่มงานวันที่ 22 กันยายน 2567 แล้วมีเคสเลิกจ้างไม่เป็นธรรมวันที่ 2 ตุลาคม 2567 กับผู้บริหาร โดยส่วนตัวไม่ได้อยู่ในการสอบสวนด้วย แต่ได้รับแจ้งให้เตรียมเอกสารเป็นสองกรณี คือพนักงานเขียนใบลาออกและรับเงินช่วยเหลือ กับเลิกจ้างไม่จ่ายค่าชดเชย
ซึ่งพนักงานท่านดังกล่าวเลือกจะถูกเลิกจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยแล้วไปเจอกันที่ศาลเพื่อพิสูจน์ความผิดกัน
หมายศาลมาถึงบริษัทเมื่อเดือนที่ผ่านมา มีกำหนดต้องไปศาลนัดไกล่เกลี่ยครั้งแรก แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องในกระบวนการดังกล่าว เนื่องจากขั้นตอนทั้งหมดถูกรับผิดชอบโดย HR อีกทีมนึงที่ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่
ทีนี้ เมื่อสิ้นเดือนพ.ย. มีจดหมายมาถึงจากสำนักงานใหญ่ ส่งมาแจ้งให้ทำหนังสืออธิบายความผิด ภายใน 7 วัน เนื่องจากมีการระบุในหนังสือรับรองการทำงานขอพนักงานที่เลิกจ้างว่า พนักงานคนดังกล่าว ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมีความขยันหมั่นเพียร มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เรียนรู้รวดเร็วและมีความประพฤติดี ซึ่งเป็นข้อความตามแบบมาตรฐานที่ใช้ตั้งแต่ปี 2017 ตามแบบฟอร์มมาตรฐานของบริษัท ในชุดเอกสารที่ใช้เลิกจ้างพนักงาน
หนังสือตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยที่มีจุดประสงค์เพื่อจะลงโทษดำเนินการทางวินัยกับตัวของเราเนื่องจาก จงใจช่วยเหลือพนักงาน ใส่ข้อความที่ไม่สอดคล้องกับหนังสือเลิกจ้างทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าพนักงานถูกเลิกจ้างเนื่องจากกระทำความผิด ซึ่งหนังสือเลิกจ้างถูกเตรียมโดยทีมจากสำนักงานใหญ่ เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
โดยข้อเท็จจริงแล้ว:
1. เราไม่ได้รู้จักกับพนักงานเป็นการส่วนตัวมาก่อน เราเพิ่งมาเริ่มงานได้ไม่กี่วัน ผู้บริหารท่านนั้นก็ถูกพักงานเพื่อสอบสวนแล้ว
2. ชุดเอกสารถูกจัดเตรียมตาม standard การเลิกจ้างปกติ โดยทีมงาน ซึ่งเรามีการถามย้ำกับคนที่เตรียมมาแล้วว่าเป็นชุดที่ใช้ตามปกติใช่ไหม และนำไปให้หัวหน้าทีมที่ทำการเลิกจ้างตรวจสอบดูแล้วก่อนที่จะจัดเข้าชุด
3. เรื่องของการเตรียมเอกสาร เราได้รับคำสั่ง1 วันก่อนการดำเนินการเลิกจ้าง ให้ปริ้นเอกสารตามอีเมล 2 ชุด คือ
3.1 ชุดที่เป็นหนังสือลาออกปกติและบริษัทเสนอเงินช่วยเหลือ
3.2 ชุดที่เป็นการเลิกจ้างแบบไม่จ่ายค่าชดเชย
ในอีเมลที่แนบมา ไม่มีหนังสือรับรองการทำงานแนบมาด้วย เราจึงแจ้งกับหัวหน้าทีมเลิกจ้างว่าตามมาตรฐานเราจะต้องให้หนังสือรับรองการทำงานในวันที่งานวันสุดท้ายตามฎีกาที่เราเคยเรียนมา และเป็นแนวปฏิบัติปกติของบริษัทนี้อยู่แล้ว หัวหน้าทีมเลิกจ้างรับเอกสารไปดูแล้วก็ถามคอนเฟิร์มกับเราว่ามีมาตรฐานแบบเดียวใช่ไหม ซึ่งเราเช็คกับทีมงานแล้วว่าเป็นชุดมาตรฐาน
ตอนนั้นเรายังลองถามดูว่าเคสนี้มีแน้วโน้มจะจบอย่างไร ฝ่ายที่เกี่ยวข้องแจ้งว่าน่าจะเป็นลาออกปกติเพราะน่าจะคุยกันได้
4. ในวันที่กระทำการเลิกจ้าง เราไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ไม่ได้เป็นคนยื่นเอกสารให้กับพนักงาน แต่พยายานที่อยู่ในเหตุการณ์แจ้งว่าหัวหน้าทีมเลิกจ้างเป็นคนจัดชุดเอกสารและยื่นให้พนักงานเอง โดยที่ CEO ได้ถามย้ำว่าต้องให้เอกสารทั้งหมดนี้ไหม และเค้าได้ตอบว่าเป็นชุดเอกสารที่ถูกต้อง
5. เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีหมายศาลกรณีเลิกจ้างไม่เป็นธรรมมาที่บริษัท และมีเอกสารชุดเลิกจ้างแนบมาด้วย ซึ่งหนังสือเลิกจ้างลงนามด้วย CEO และหนังสือรับรองการทำงานลงชื่อเรา ทีนี้ เราถูกเรียกไปโดยหัวหน้าทีมเลิกจ้างบอกว่าจะตักเตือเราเป็นวาจาว่าเราประมาทเลินเล่อทำให้บริษัทได้รับความเสียหายจากการออกหนังสือรับรองความประพฤติให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง เราก็ไม่ได้เถียงอะไรเพราะเรายังเป็นพนักงานใหม่อยู่และเราพอมีความรู้อยู่บ้างว่าการเตือนด้วยวาจาไม่มีผลทางกฏหมาย และการกระทำของเราเป็นไปตามระเบียบบริษัท ถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง เราจึงไม่แย้งอะไร
6. เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา หนังจากที่เราได้รับหนังสือให้ชี้แจงความผิด เราเลยปรึกษากับน้องเขยที่เป็นทนาย เค้าเลยช่วยร่างหนังสือตอบกลับที่บอกว่าเราทำตามขั้นตอนมาตรฐานทุกอย่าง และการกระทำของเราเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฏหมาย ไม่ขัดกับระเบียบบริษัท และไม่ได้เป็นการประมาทเลินเล่อ ซึ่งเราเล่าลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าไปประกอบด้วยว่าเอกสารทั้งหมดถูกตรวจสอบจากหัวหน้าทีมเลิกจ้างแล้ว
7. เมื่อวานนี้ตอนกลางคืน หัวหน้าทีมเลิกจ้างโทรหาเราบอกว่าเค้าต้องการให้เราเปลี่ยนข้อความในจดหมายชี้แจง ให้เอาลำดับเหตุการณ์และข้อความที่อ้างถึงเขาออกเพราะเค้ายอมรับว่า "ดูเอกสารจริง แต่เค้าไม่ได้อ่าน" ดังนั้นจะมาอ้างว่าเค้าตรวจสอบเอกสารไม่ได้ เค้าบอกว่าเค้าต้องการให้เราเขียนยอมรับว่าเราประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสอบข้อมูลก่อนทำหนังสือเลิกจ้าง แล้วจะลดโทษให้จากจงใจช่วยเหลือ เป็นออกหนังสือเตือน อย่างมากก็พักงาน
8.เรายังยืนยันตามเดิมว่าเราจะขออธิบายความจริงในหนังสือชี้แจง การพิจารณาโทษจะเป็นยังไงก็สุดแล้วแต่ผู้บริหาร แต่สำหรับเรา ในเวลาแบบนี้ไม่ควรมาทำร้ายกันเลย เพราะทุกคนรู้ดีแก่ใจว่าเราเป็นพนักงานใหม่ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร และเอกสารที่เราเซ็นต์ก็เป็นหนังสือรับรองการทำงานตามรูปแบบปกติ
9. หัวหน้าทีมเลิกจ้างขู่เราว่า ถ้าเราไม่แก้ไขข้อความ เค้าไม่รับประกันว่าเราจะมีอนาคตแบบไหนต่อไปในองค์กร เพราะแสดงทัศนคติไม่ดี ไม่เห็นแก่ประโยชน์องค์กร อาจจะไม่ผ่านโปรได้ เพราะเค้ารู้จักผู้บริหารระดับบนทุกคน
เรานำเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่ที่เป็น MD ของบริษัทเราแล้ว เค้าบอกเราว่าเค้าเป็นพยานให้ได้ว่าหัวหน้าทีมเลิกจ้างเป็นคนยื่นเอกสารและดำเนินการทั้งหมดจริง และเราไม่ได้อยู่ที่นั้นในวันนั้น
ที่เราอยากปรึกษาและขอกำลังใจคือ
1. ตามกฏหมายแรงงานแล้ว เรามีความผิดจริงไหมคะ เค้าสามารถกล่าวหาว่าเราทำให้บริษัทได้รับความเสียหายได้จริงหรือคะ เพราะตอนนี้ยังไม่มีกระกวนการขึ้นศาลใดๆ เกิดขึ้น มีแค่หมายศาลมาที่บริษัท
2. ถ้าเค้าจะพิจารณาให้เราไม่ผ่านทดลองงานด้วยเรื่องนี้ เค้าสามารถทำได้ไหมคะ เนื่องจากหัวหน้างานและ MD ของเราค่อนข้างจะ Happy กับเรามากๆ พนักงานที่นี่ค่อนข้างจะเปิดใจและรักเรามาก เราก็ผูกพันกับเค้ามากๆเหมือนกันค่ะ
3. เราควรดำเนินการต่อไปยังไงดีคะ เพื่อปกป้องตัวเราเองตามกระบวนการและรักษาสภาพจิตใจ เพราะเราร้องไห้หนักมากตั้งแต่เกิดเรื่อง มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เข้าไปนอน รพ มาคืนนึงแล้ว
ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำจากทุกๆคนนะคะ