"บิ๊กเต่า" เผยคดีรีสอร์ตหรูรุกที่ ส.ป.ก.เป็นอำนาจ ป.ป.ช. เชื่อมีผู้กระทำผิดหลายคน หาก ป.ป.ช.มอบอำนาจให้ทำคดีพร้อมทำหน้าที่ตามกฎหมาย
"ปธ.บริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ" โต้ปมเงิน 10 ล้านโยง "หวานใจบิ๊กการเมือง" แจงเป็นการโอนชำระหุ้นกู้ครบชำระไถ่ถอน
ทั้งหมด 459 รายการ รวม 1,450 ล้านบาท ขู่เอาผิดคนมีเจตนาไม่ดีทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง ตร.กองปราบเตรียมแจ้งข้อหากรรโชกทรัพย์ "สามารถ” เพิ่มอีก 1 คดี แนะไปสู้กันในศาลไม่ใช่อดข้าวประท้วง
ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) วันที่ 2 ธันวาคม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก.ในพื้นที่ จ.นครราชสีมาและ จ.สระบุรีว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี และพบว่าน่าจะมีการออกเอกสารสิทธิถือครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบ และเมื่อมีการตรวจสอบแล้ว ป.ป.ช.จึงเป็นผู้ถือสำนวนในการสืบสวนโดยร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ และได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมี ป.ป.ช., ป.ป.ท, บก.ปปป.และ ปปง.ในการตรวจสอบโครงการดังกล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า จากข้อมูลของการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีจำนวน 50-60 ไร่ และถูกบุกรุกในปี 58 มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 4 คน โดยศาลสั่งจำคุก 1 คน และอีก 3 คนรอลงอาญา ต่อมาก็มีการออกเอกสารสิทธิคืนที่ดิน ส.ป.ก.ให้แก่จังหวัด จากนั้นก็มีบริษัทภูนับดาวมาทำการเช่าและทำเป็นที่ท่องเที่ยว เป็นสถานที่คล้ายรีสอร์ตที่เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวไว้นอนดูดาว โดยมีประธานบริษัทแห่งหนึ่งเป็นประธานกรรมการผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการพื้นที่ตรงนี้ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มีไว้เพื่อการเกษตร การนำมาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจึงเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์
เมื่อถามถึงเรื่องเส้นเงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงไปถึงคนสนิทของบิ๊กนักการเมือง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในการตั้งคณะทำงานคดีนี้ทุกหน่วยงานต้องส่งข้อมูลไปที่ ป.ป.ช. โดย ป.ป.ช.จัดส่งเพียงหลักฐานบางอย่างเพื่อให้แต่ละหน่วยงานสืบสวนต่อเท่านั้น ซึ่งในส่วนของ บก.ปปป.จะทำการสืบสวนเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องเอกสารและพื้นที่ที่ได้มาโดยไม่ชอบ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินจะเป็นการดำเนินการของ ปปง. ซึ่งในส่วนของเงิน 10 ล้านนี้ บก.ปปป.ได้เพียงข้อมูลมา แต่ในส่วนของรายละเอียดว่าเส้นทางการเงินมีที่มาอย่างไร เชื่อมโยงต่อไปที่ไหน บก.ปปป.ไม่ได้ทำการสืบสวน และตนก็ไม่มีอำนาจที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ ทั้งหมดจะอยู่ที่ ป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จากข้อมูลพบผู้กระทำผิดประมาณกี่คน พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้ บก.ปปป.เคยเข้าไปค้นที่ภูนับดาวมา และก็ขอรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ที่เป็นเอกสารสิทธิตัวจริง แต่บริษัทก็ยังไม่ยอมมอบให้ หากต่อไป ป.ป.ช.มีการมอบหมายให้ทำคดีนี้เองก็พร้อมทำหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เชื่อมั่นในทีมงานของตำรวจบช.ก.ในเรื่องของความเป็นตำรวจมืออาชีพ ตำรวจไม่ได้มีหน้าที่ไปช่วยใครให้พ้นผิด แต่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง
เงิน 10 ล้านชำระหุ้นกู้
ขณะที่นายฉัตรชัย แก้วบุตตา ประธานกรรมการบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ออกหนังสือชี้แจงว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับนางสาว ช, คุณวิชิต พยุหนาวีชัย เรื่องแกะรอย 5 เส้นเงิน 10 ล้าน บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
ข้อ 1 คุณวิชิต พยุหนาวีชัย ดำรงตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และเป็นกรรมการของบริษัทฯ
ข้อ 2 บริษัทฯ ขอแจ้งว่า การโอนเงินตามที่ถูกกล่าวหา เป็นการโอนเงินเพื่อชำระคืนหุ้นกู้เมื่อครบกำหนดชำระของหุ้นกู้รุ่น SAWAD236C ซึ่งเสนอขายต่อนักลงทุนประเภทสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่จำนวน 1,450 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ครบกำหนดชำระวันที่ 13 มิถุนายน 2566
ข้อ 3 การชำระคืนหุ้นกู้นี้เป็นหน้าที่ปกติตามกฎหมายที่บริษัทฯ จะต้องไถ่ถอนหรือชำระให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทุกรายเมื่อถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน หากไม่ชำระตามกำหนดจะถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้
ข้อ 4 บริษัทฯ ได้ดำเนินการชำระคืนเงินต้น ต้นและดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดดังกล่าวทั้งหมด 459 รายการ จำนวนรวม 1,450 ล้านบาท ผ่านบัญชีเงินฝากของบริษัทที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นนายทะเบียนและตัวแทนชำระเงิน โดยการชำระเงินเป็นไปตามขั้นตอนปกติของการชำระคืนเงินหุ้นกู้
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีทางกฎหมายแก่คนที่มีเจตนาไม่ดี และทำให้บริษัทฯ เสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งในทางตรงและทางอ้อม
ส่วนความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบพบเส้นเงินประมาณ 4-5 แสนบาทที่เข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ จึงได้เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำ ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความฐานกรรโชกทรัพย์ไว้แล้ว ทำให้ตอนนี้นายสามารถต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 1 คดี โดยให้กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบ
"ผู้เสียหายรายนี้เป็นผู้ประกอบการเปิดบริษัทเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งได้มีเอกสารยืนยันการทำธุรกิจอย่างถูกต้องมาตลอด แต่ปรากฏว่านายสามารถได้ติดต่อไปข่มขู่ว่า บริษัทมีจุดหมิ่นเหม่ที่จะผิดกฎหมาย ทางบริษัทพยายามจะชี้แจง แต่นายสามารถก็ไม่รับฟังและเรียกรับเงิน โดยตอนแรกเรียกเดือนละ 5 หมื่นบาท ผู้เสียหายจึงต่อเหลือเดือนละ 2 หมื่นบาท ซึ่งมีการจ่ายมาหลายเดือน รวมเป็นเงินประมาณ 4-5 แสนบาท ลักษณะแผนประทุษกรรมจะคล้ายกับกรณีของนางสาวกฤษอนงค์ ที่อ้างว่าตัวเองมีความรู้แล้วเข้าไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย"
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ส่วนเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่นายสามารถในเรือนจำได้ในเร็วๆ นี้หรือไม่นั้น ตอนนี้พนักงานสอบสวนกำลังสอบสวนอยู่ แต่มีเส้นเงิน และชัดเจนแล้วว่ามีการบังคับขู่เข็ญ ทำให้ผู้เสียหายต้องยอมจ่ายเงินจำนวนนี้ และยังพบเส้นเงินอีกเกือบ 2 ล้านบาทที่เชื่อมโยงไปยังบุคคลใกล้ชิดของนายสามารถ โดยเป็นเงินที่บอสพอลและบอสปีเตอร์โอนมาให้ ซึ่งเรื่องนี้ได้เรียกบุคคลใกล้ชิดคนดังกล่าวมาสอบปากคำแล้ว พบว่าให้การเป็นประโยชน์ แต่คดีหลักตอนนี้อยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งคาดว่าดีเอสไอจะต้องไปสอบสวนเพิ่มเติมเพราะยังไม่มีข้อมูลเรื่องเส้นเงินนี้
'สามารถ' อดข้าวไร้ประโยชน์
“ส่วนที่นายสามารถประท้วงอดอาหารจนมีอาการป่วย อย่าทำแบบนี้เลย ถ้ามีความผิดศาลก็จะต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่ว่าจะผูกคอตาย หรืออดอาหารตายแล้วศาลจะให้ประกันตัว ไม่งั้นก็ได้ประกันกันหมดแล้ว กระบวนการยุติธรรมมีหลักเกณฑ์ พิจารณาเป็นกรณีไป ดังนั้นอย่าทำเพื่อจะได้รับการประกันตัว ให้ไปสู้กันในชั้นศาล” รอง ผบช.ก.กล่าว
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือเคนโด้ แลนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ร่วมกันแถลงถึงขบวนการของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัทเครือข่ายขายซิมดัง และเปิดหลักฐานใหม่ ขอให้ดีเอสไอตรวจสอบที่มาของรถประจำตำแหน่งเป็นชื่อของใคร เชื่อมโยงร่วมกันฟอกเงินหรือไม่
โดยนายเกรียงไกรมาศกล่าวว่า จากกรณีที่ดีเอสไอมีหมายจับศาลต่อนายสามารถและมารดา และดีเอสไอได้มีการยึดรถจำนวนประมาณ 15 คัน อาทิ รถยนต์หรูยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีดำ แต่ที่น่าสงสัยคือมีการตรวจยึดรถของนายสามารถ แต่เมื่อพวกตนไปตรวจสอบ ตอนแรกคาดว่าจะเป็นชื่อของนายสามารถ แต่เมื่อตรวจสอบทะเบียนรถกลับไม่ใช่รถของนายสามารถ แต่เป็นรถของบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (K4 Communication Company Limited) ที่มีการจำหน่ายซิมเติมเงิน อีกทั้งทราบว่าที่ผ่านมา กสทช. ได้มีการชี้แจงถึงการห้ามนำซิมมาทำเป็นธุรกิจขายตรง หรือ MLM ดังนั้นจึงสงสัยว่าใช่บริษัทนี้หรือไม่ เพราะปัจจุบันปรากฏจำนวนผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากบริษัทนี้แล้ว และยังตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทแห่งนี้เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินจำนวนกว่า 100 ล้านบาทกับนายสามารถหรือไม่ สำหรับเงินกว่า 100 ล้านบาทที่แม่ของนายสามารถให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเงินจากการเทรดวันละ 6-7 แสนบาทนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่ จึงอยากให้ดีเอสไอได้ตรวจสอบจากบริษัทแห่งนี้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายสามารถอย่างไรบ้าง
"เรื่องนี้มีเทวดาคุ้มกะลาอยู่หรือไม่ จึงต้องจี้ไปทาง กสทช.ที่ออกใบอนุญาตให้บริษัท ทั้งนี้บริษัทยังมีนักการเมืองรายหนึ่ง ซึ่งเป็นนักการเมืองน้ำดี ขึ้นเวทีของบริษัท (ทำมือท่าเลข 4 พลิกคว่ำลง) ซึ่งเหมือนให้แม่ทีมเอาไปทำการตลาด และเอาไปแอบอ้างกับคนต่างจังหวัด ให้รู้สึกว่าขนาดเป็นนักการเมืองน้ำดียังมาอยู่กับบริษัทนี้ จึงไม่รู้ว่านักการเมืองรายนี้ไปเสียรู้อะไรหรือไม่" นายเกรียงไกร กล่าว
ด้านนายแทนคุณกล่าวว่า ช่วงที่นายสามารถขึ้นตำแหน่งผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งดังกล่าวทางการเมือง หมายรวมถึงเรื่องเทวดาด้วยหรือไม่ เพราะมีการกระทำ 3 พฤติการณ์ที่น่าสงสัย คือ 1.การอ้างผู้ใหญ่ อ้างมีแบ็กดี อ้างมีเทวดาคุ้มครอง 2.อ้างว่าต้องจ่ายเงินค่าดูแล ค่าส่วย หาเงินเซ่นเทวดา 3.มักมีการแสวงหาข้อมูลจากผู้เสียหายที่มาร้องเรียนให้ช่วยเหลือ และนำเอาไปเจรจากับทั้งคนที่ผิดและคนที่กำลังสับสนว่ามีความผิดหรือไม่ แต่พอมีการเรียกร้อง กลับต้องจ่ายเงินต้องดูแลกันไป ดูแลแบบรายเดือน ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักหลายแสนบาทรวมๆ หลายล้านบาท และยังมีการอ้างถึงเรื่องเงินทำบุญยิบย่อยอีกหลายรายการ.
Cr.
https://www.posttoday.com/business/716420
เงิน10ล้านค่าหุ้นกู้ ศรีสวัสดิ์โต้แทนหวานใจบิ๊ก จ่อฟ้องคนทำให้เสียชื่อเสียง
"ปธ.บริษัท ศรีสวัสดิ์ฯ" โต้ปมเงิน 10 ล้านโยง "หวานใจบิ๊กการเมือง" แจงเป็นการโอนชำระหุ้นกู้ครบชำระไถ่ถอน
ทั้งหมด 459 รายการ รวม 1,450 ล้านบาท ขู่เอาผิดคนมีเจตนาไม่ดีทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง ตร.กองปราบเตรียมแจ้งข้อหากรรโชกทรัพย์ "สามารถ” เพิ่มอีก 1 คดี แนะไปสู้กันในศาลไม่ใช่อดข้าวประท้วง
ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) วันที่ 2 ธันวาคม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก.ในพื้นที่ จ.นครราชสีมาและ จ.สระบุรีว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี และพบว่าน่าจะมีการออกเอกสารสิทธิถือครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบ และเมื่อมีการตรวจสอบแล้ว ป.ป.ช.จึงเป็นผู้ถือสำนวนในการสืบสวนโดยร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ และได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมี ป.ป.ช., ป.ป.ท, บก.ปปป.และ ปปง.ในการตรวจสอบโครงการดังกล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า จากข้อมูลของการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีจำนวน 50-60 ไร่ และถูกบุกรุกในปี 58 มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 4 คน โดยศาลสั่งจำคุก 1 คน และอีก 3 คนรอลงอาญา ต่อมาก็มีการออกเอกสารสิทธิคืนที่ดิน ส.ป.ก.ให้แก่จังหวัด จากนั้นก็มีบริษัทภูนับดาวมาทำการเช่าและทำเป็นที่ท่องเที่ยว เป็นสถานที่คล้ายรีสอร์ตที่เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวไว้นอนดูดาว โดยมีประธานบริษัทแห่งหนึ่งเป็นประธานกรรมการผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการพื้นที่ตรงนี้ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มีไว้เพื่อการเกษตร การนำมาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจึงเป็นการทำผิดวัตถุประสงค์
เมื่อถามถึงเรื่องเส้นเงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงไปถึงคนสนิทของบิ๊กนักการเมือง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในการตั้งคณะทำงานคดีนี้ทุกหน่วยงานต้องส่งข้อมูลไปที่ ป.ป.ช. โดย ป.ป.ช.จัดส่งเพียงหลักฐานบางอย่างเพื่อให้แต่ละหน่วยงานสืบสวนต่อเท่านั้น ซึ่งในส่วนของ บก.ปปป.จะทำการสืบสวนเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องเอกสารและพื้นที่ที่ได้มาโดยไม่ชอบ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินจะเป็นการดำเนินการของ ปปง. ซึ่งในส่วนของเงิน 10 ล้านนี้ บก.ปปป.ได้เพียงข้อมูลมา แต่ในส่วนของรายละเอียดว่าเส้นทางการเงินมีที่มาอย่างไร เชื่อมโยงต่อไปที่ไหน บก.ปปป.ไม่ได้ทำการสืบสวน และตนก็ไม่มีอำนาจที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ ทั้งหมดจะอยู่ที่ ป.ป.ช.
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จากข้อมูลพบผู้กระทำผิดประมาณกี่คน พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้ บก.ปปป.เคยเข้าไปค้นที่ภูนับดาวมา และก็ขอรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ที่เป็นเอกสารสิทธิตัวจริง แต่บริษัทก็ยังไม่ยอมมอบให้ หากต่อไป ป.ป.ช.มีการมอบหมายให้ทำคดีนี้เองก็พร้อมทำหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เชื่อมั่นในทีมงานของตำรวจบช.ก.ในเรื่องของความเป็นตำรวจมืออาชีพ ตำรวจไม่ได้มีหน้าที่ไปช่วยใครให้พ้นผิด แต่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง
เงิน 10 ล้านชำระหุ้นกู้
ขณะที่นายฉัตรชัย แก้วบุตตา ประธานกรรมการบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ออกหนังสือชี้แจงว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับนางสาว ช, คุณวิชิต พยุหนาวีชัย เรื่องแกะรอย 5 เส้นเงิน 10 ล้าน บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
ข้อ 1 คุณวิชิต พยุหนาวีชัย ดำรงตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และเป็นกรรมการของบริษัทฯ
ข้อ 2 บริษัทฯ ขอแจ้งว่า การโอนเงินตามที่ถูกกล่าวหา เป็นการโอนเงินเพื่อชำระคืนหุ้นกู้เมื่อครบกำหนดชำระของหุ้นกู้รุ่น SAWAD236C ซึ่งเสนอขายต่อนักลงทุนประเภทสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่จำนวน 1,450 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ครบกำหนดชำระวันที่ 13 มิถุนายน 2566
ข้อ 3 การชำระคืนหุ้นกู้นี้เป็นหน้าที่ปกติตามกฎหมายที่บริษัทฯ จะต้องไถ่ถอนหรือชำระให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทุกรายเมื่อถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน หากไม่ชำระตามกำหนดจะถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้
ข้อ 4 บริษัทฯ ได้ดำเนินการชำระคืนเงินต้น ต้นและดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดดังกล่าวทั้งหมด 459 รายการ จำนวนรวม 1,450 ล้านบาท ผ่านบัญชีเงินฝากของบริษัทที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นนายทะเบียนและตัวแทนชำระเงิน โดยการชำระเงินเป็นไปตามขั้นตอนปกติของการชำระคืนเงินหุ้นกู้
บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีทางกฎหมายแก่คนที่มีเจตนาไม่ดี และทำให้บริษัทฯ เสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งในทางตรงและทางอ้อม
ส่วนความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบพบเส้นเงินประมาณ 4-5 แสนบาทที่เข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ จึงได้เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำ ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความฐานกรรโชกทรัพย์ไว้แล้ว ทำให้ตอนนี้นายสามารถต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 1 คดี โดยให้กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบ
"ผู้เสียหายรายนี้เป็นผู้ประกอบการเปิดบริษัทเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งได้มีเอกสารยืนยันการทำธุรกิจอย่างถูกต้องมาตลอด แต่ปรากฏว่านายสามารถได้ติดต่อไปข่มขู่ว่า บริษัทมีจุดหมิ่นเหม่ที่จะผิดกฎหมาย ทางบริษัทพยายามจะชี้แจง แต่นายสามารถก็ไม่รับฟังและเรียกรับเงิน โดยตอนแรกเรียกเดือนละ 5 หมื่นบาท ผู้เสียหายจึงต่อเหลือเดือนละ 2 หมื่นบาท ซึ่งมีการจ่ายมาหลายเดือน รวมเป็นเงินประมาณ 4-5 แสนบาท ลักษณะแผนประทุษกรรมจะคล้ายกับกรณีของนางสาวกฤษอนงค์ ที่อ้างว่าตัวเองมีความรู้แล้วเข้าไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย"
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ส่วนเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่นายสามารถในเรือนจำได้ในเร็วๆ นี้หรือไม่นั้น ตอนนี้พนักงานสอบสวนกำลังสอบสวนอยู่ แต่มีเส้นเงิน และชัดเจนแล้วว่ามีการบังคับขู่เข็ญ ทำให้ผู้เสียหายต้องยอมจ่ายเงินจำนวนนี้ และยังพบเส้นเงินอีกเกือบ 2 ล้านบาทที่เชื่อมโยงไปยังบุคคลใกล้ชิดของนายสามารถ โดยเป็นเงินที่บอสพอลและบอสปีเตอร์โอนมาให้ ซึ่งเรื่องนี้ได้เรียกบุคคลใกล้ชิดคนดังกล่าวมาสอบปากคำแล้ว พบว่าให้การเป็นประโยชน์ แต่คดีหลักตอนนี้อยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งคาดว่าดีเอสไอจะต้องไปสอบสวนเพิ่มเติมเพราะยังไม่มีข้อมูลเรื่องเส้นเงินนี้
'สามารถ' อดข้าวไร้ประโยชน์
“ส่วนที่นายสามารถประท้วงอดอาหารจนมีอาการป่วย อย่าทำแบบนี้เลย ถ้ามีความผิดศาลก็จะต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่ว่าจะผูกคอตาย หรืออดอาหารตายแล้วศาลจะให้ประกันตัว ไม่งั้นก็ได้ประกันกันหมดแล้ว กระบวนการยุติธรรมมีหลักเกณฑ์ พิจารณาเป็นกรณีไป ดังนั้นอย่าทำเพื่อจะได้รับการประกันตัว ให้ไปสู้กันในชั้นศาล” รอง ผบช.ก.กล่าว
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือเคนโด้ แลนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ร่วมกันแถลงถึงขบวนการของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัทเครือข่ายขายซิมดัง และเปิดหลักฐานใหม่ ขอให้ดีเอสไอตรวจสอบที่มาของรถประจำตำแหน่งเป็นชื่อของใคร เชื่อมโยงร่วมกันฟอกเงินหรือไม่
โดยนายเกรียงไกรมาศกล่าวว่า จากกรณีที่ดีเอสไอมีหมายจับศาลต่อนายสามารถและมารดา และดีเอสไอได้มีการยึดรถจำนวนประมาณ 15 คัน อาทิ รถยนต์หรูยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีดำ แต่ที่น่าสงสัยคือมีการตรวจยึดรถของนายสามารถ แต่เมื่อพวกตนไปตรวจสอบ ตอนแรกคาดว่าจะเป็นชื่อของนายสามารถ แต่เมื่อตรวจสอบทะเบียนรถกลับไม่ใช่รถของนายสามารถ แต่เป็นรถของบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (K4 Communication Company Limited) ที่มีการจำหน่ายซิมเติมเงิน อีกทั้งทราบว่าที่ผ่านมา กสทช. ได้มีการชี้แจงถึงการห้ามนำซิมมาทำเป็นธุรกิจขายตรง หรือ MLM ดังนั้นจึงสงสัยว่าใช่บริษัทนี้หรือไม่ เพราะปัจจุบันปรากฏจำนวนผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากบริษัทนี้แล้ว และยังตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทแห่งนี้เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินจำนวนกว่า 100 ล้านบาทกับนายสามารถหรือไม่ สำหรับเงินกว่า 100 ล้านบาทที่แม่ของนายสามารถให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเงินจากการเทรดวันละ 6-7 แสนบาทนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่ จึงอยากให้ดีเอสไอได้ตรวจสอบจากบริษัทแห่งนี้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายสามารถอย่างไรบ้าง
"เรื่องนี้มีเทวดาคุ้มกะลาอยู่หรือไม่ จึงต้องจี้ไปทาง กสทช.ที่ออกใบอนุญาตให้บริษัท ทั้งนี้บริษัทยังมีนักการเมืองรายหนึ่ง ซึ่งเป็นนักการเมืองน้ำดี ขึ้นเวทีของบริษัท (ทำมือท่าเลข 4 พลิกคว่ำลง) ซึ่งเหมือนให้แม่ทีมเอาไปทำการตลาด และเอาไปแอบอ้างกับคนต่างจังหวัด ให้รู้สึกว่าขนาดเป็นนักการเมืองน้ำดียังมาอยู่กับบริษัทนี้ จึงไม่รู้ว่านักการเมืองรายนี้ไปเสียรู้อะไรหรือไม่" นายเกรียงไกร กล่าว
ด้านนายแทนคุณกล่าวว่า ช่วงที่นายสามารถขึ้นตำแหน่งผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งดังกล่าวทางการเมือง หมายรวมถึงเรื่องเทวดาด้วยหรือไม่ เพราะมีการกระทำ 3 พฤติการณ์ที่น่าสงสัย คือ 1.การอ้างผู้ใหญ่ อ้างมีแบ็กดี อ้างมีเทวดาคุ้มครอง 2.อ้างว่าต้องจ่ายเงินค่าดูแล ค่าส่วย หาเงินเซ่นเทวดา 3.มักมีการแสวงหาข้อมูลจากผู้เสียหายที่มาร้องเรียนให้ช่วยเหลือ และนำเอาไปเจรจากับทั้งคนที่ผิดและคนที่กำลังสับสนว่ามีความผิดหรือไม่ แต่พอมีการเรียกร้อง กลับต้องจ่ายเงินต้องดูแลกันไป ดูแลแบบรายเดือน ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักหลายแสนบาทรวมๆ หลายล้านบาท และยังมีการอ้างถึงเรื่องเงินทำบุญยิบย่อยอีกหลายรายการ.
Cr. https://www.posttoday.com/business/716420