ก่อนอื่นเลย จะต้องขอบคุณทาง Money Thunder จริงๆ ที่อนุมัติเงินกู้ให้ ด้วยเงินนี้ช่วยเป็นกำลังให้ครอบครัวผมผ่านวิกิต จากการที่ธุรกิจของครอบครัวถูกเลิกจ้างในช่วงระหว่างที่น้องสาวยังเรียนไม่จบมาได้
ผมเองก็เคยกู้ไป 2 ครั้ง ครั้งแรกปิดเรียบร้อย ครั้งที่ 2 นี้ยอดหนี้ 100,000 บาท ทางตัวผมดันอาชีพเสริมไม่มีเงินเข้ามา จึงมีปัญหาในการใช้หนี้จนจะต้องถูกฟ้องขึ้นศาลในครั้งนี้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ
ผมหยุดส่งไปได้ประมาณ 6-8 เดือน ในระหว่างนั้นก็พยายามฟื้นกำลังตัวเอง พยายามหารายได้เสริมใหม่ๆ จนพอจะมีกำลังกลับมาส่งไหวแล้ว ติดต่อกลับหาทางบริษัท ว่าจะขอกลับมาส่งเหมือนเดิม เดือนละ 3,000 บาท พอจะไหวแล้วนะ แต่เหมือนจะช้าไป เริ่มการดำเนินการฟ้องเรียบร้อย ผมก็เข้าใจแล้วเตรียมไปไกล่เกลียตามนั้น
ตรงๆ ว่าผมมีหนี้สินหลายตัวมากๆ เนื่องด้วยพยายามรวมภาระหนี้ของครอบครัวที่ล้มกระแทกปูนจากธุรกิจของครอบครัวที่ถูกเลิกจ้างมา จนในที่สุด........ ผมก็ทำได้ ทั้งปรับโครงสร้างหนี้ กู้รวบหนี้ และทุกๆ หนทาง จัดการหนี้นอกระบบทั้งหมด ให้เหลือแต่หนี้ธนาคาร สหกรณ์ หรืออย่างน้อยก็บัตรกดเงินสดต่างๆ จัดการไปได้ทั้งหมดแล้ว เหลือของ Money Thunder ก็กันเงินไว้ละ 3,000 ต่อเดือน เพื่อจะได้ดูแล จากนี้ชีวิตจะได้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้ซักที.....
แต่วันก่อนขึ้นศาล ทางมีโทรศัพท์เข้ามาจากบริษัทที่กล่าวว่าได้รับมอบอำนาจ เข้าใจว่ารับซื้อหนี้มาติดต่อเข้ามาเจรจาก่อนวันไกล่เกลี่ย โดยทางบริษัทมีเงื่อนไขว่า
"จะต้องปิดหนี้ให้ได้ภายใน 1 ปี หรือ 12 งวด เท่านั้น"
..........ผมนี่นิ่งเลย คือนิ่งไปเลย ขนาด 3,000 ยังไม่มีปัญญาจ่าย จนพอฟื้นตัวกลับมาจ่ายไหว......... อันนี้ ให้จ่ายเดือนละ 12,000 เลยเราะ? นี่มันอะไรกัน?
เจรจาอย่างไรก็ไม่ยอม
พอวันนี้ 28 พ.ย. 67 ผมพึ่งจะกลับมาจากศาลเมื่อครู่ ติดต่อกับทางทนายของทางบริษัทแล้ว ทนายบอกว่าทางบริษัท ไม่ยินยอมให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเลย ยังไงก็จะต้องใน 1 ปี ยอดเท่าไรเอา 12 หาร ตรงๆ ไม่มีอะไรใดๆ ทั้งสิน
ตามตรงครับว่า ผมตั้งใจที่จะใช้หนี้ทุกอัน เพราะหนี้ทุกอัน คือ สิ่งที่มาช่วยเหลือ ให้น้องผมได้เรียน ให้ครอบครัวผมมีข้าวกิน ในวันที่ทุกข์ยาก ช่วยให้นอนหลับได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมาอะไรขว้างทะลุกระจกมา จากพวกทวงหนี้นอกระบบ
ผมเองก็พยายาม ทั้งรับงานนอก ลดข้าวเหลือกินแค่วันละ 1 มื้อ หุ้งข้าวกินเอง เพื่อเอาข้าวไปผสมกับอะไรก็ได้ที่จะได้มาจากที่ทำงานแหล่งต่างๆ ของเพื่อความสุขอย่าง ขนม ชา/กาแฟ ไม่ต้องสืบเลย แค่ให้ได้มี "กับ" มากินกับ "ข้าว" ได้ต่อวัน ก็ถือว่าชีวิตมีความสุขในวันนั้นๆ แล้ว
แต่ผมเจอแบบนี้นี่คือ........... นี่คือ หนี้ตัวสุดท้ายแล้ว ที่ยังจัดการไม่ได้ เหมือนคนกำลังจะปีนขึ้นจากหลุม เหลืออีกแค่ 1 ก้าว ชีวิตจะเดินหน้า จะได้มีแสงสว่างกับเขา กลับเหมือนโดนยิงแสกหน้า ให้ล่วงตกลงไปแล้วรอบ
และเพราะตั้งใจจะใช้หนี้ จึงไม่เคยโดนทรัพย์สินใดๆ ที่เป็นชื่อตนหนีหนี้เลย ที่มี ณ ตอนนี้ก็เหลือที่ดินชื่อตนเอง 1 ไร่ ที่มีราคาขายเกินกว่ายอดหนี้ 100,000 นี้ ประกาศขายมานานแล้ว ยังไม่มีคนรับซื้อ ถ้าจะโดนยึดทรัพย์ก็อาจจะนี้สิ่งนี้แหละ นอกนั้นคือไฟแนนต่างๆ หมด
เลยมีแชร์ประสบการณ์นะครับ ใครที่จะหยุดส่ง Money Thunder ก็ระวังไว้ด้วย เพราะที่ศาลที่ผมไปเจอวันนี้ ผมเจอคนโดนฟ้องคดีเดียวกับผม บริษัททวงหนี้เดียวกัน อีกหลายคน เจอบังคับปิด 1 ปี ไม่มีคุยเหมือนกันทั้งหมด
ทำผมเอากลัวเลยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพวกมิฉาชีพที่โทรฯ มาหลอกเงิน กับบริษัททวงหนี้เหล่านี้ อันไหนน่ากลัวกว่ากัน.............
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านนะครับ, หากท่านใดมีคำชี้แนะ ขอรบกวนชี้ทางสว่างให้ด้วยนะครับ หนี้ทั้งหมดที่ผมแบก เหลือแค่อันนี้อันเดียว ที่เป็นปัญหา นอกจากนจัดการให้อยู่ในขอบเขตเงินรับที่มั่นคงได้ทั้งหมดแล้วครับ............... เหลือแค่อันนี้ แค่ก้าวนี้ ก้าวเดียว จริงๆ
แชร์ประสบการณ์ขึ้นศาลแลก ของการหยุดส่ง Money Thunder
ผมเองก็เคยกู้ไป 2 ครั้ง ครั้งแรกปิดเรียบร้อย ครั้งที่ 2 นี้ยอดหนี้ 100,000 บาท ทางตัวผมดันอาชีพเสริมไม่มีเงินเข้ามา จึงมีปัญหาในการใช้หนี้จนจะต้องถูกฟ้องขึ้นศาลในครั้งนี้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ
ผมหยุดส่งไปได้ประมาณ 6-8 เดือน ในระหว่างนั้นก็พยายามฟื้นกำลังตัวเอง พยายามหารายได้เสริมใหม่ๆ จนพอจะมีกำลังกลับมาส่งไหวแล้ว ติดต่อกลับหาทางบริษัท ว่าจะขอกลับมาส่งเหมือนเดิม เดือนละ 3,000 บาท พอจะไหวแล้วนะ แต่เหมือนจะช้าไป เริ่มการดำเนินการฟ้องเรียบร้อย ผมก็เข้าใจแล้วเตรียมไปไกล่เกลียตามนั้น
ตรงๆ ว่าผมมีหนี้สินหลายตัวมากๆ เนื่องด้วยพยายามรวมภาระหนี้ของครอบครัวที่ล้มกระแทกปูนจากธุรกิจของครอบครัวที่ถูกเลิกจ้างมา จนในที่สุด........ ผมก็ทำได้ ทั้งปรับโครงสร้างหนี้ กู้รวบหนี้ และทุกๆ หนทาง จัดการหนี้นอกระบบทั้งหมด ให้เหลือแต่หนี้ธนาคาร สหกรณ์ หรืออย่างน้อยก็บัตรกดเงินสดต่างๆ จัดการไปได้ทั้งหมดแล้ว เหลือของ Money Thunder ก็กันเงินไว้ละ 3,000 ต่อเดือน เพื่อจะได้ดูแล จากนี้ชีวิตจะได้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้ซักที.....
แต่วันก่อนขึ้นศาล ทางมีโทรศัพท์เข้ามาจากบริษัทที่กล่าวว่าได้รับมอบอำนาจ เข้าใจว่ารับซื้อหนี้มาติดต่อเข้ามาเจรจาก่อนวันไกล่เกลี่ย โดยทางบริษัทมีเงื่อนไขว่า
"จะต้องปิดหนี้ให้ได้ภายใน 1 ปี หรือ 12 งวด เท่านั้น"
..........ผมนี่นิ่งเลย คือนิ่งไปเลย ขนาด 3,000 ยังไม่มีปัญญาจ่าย จนพอฟื้นตัวกลับมาจ่ายไหว......... อันนี้ ให้จ่ายเดือนละ 12,000 เลยเราะ? นี่มันอะไรกัน?
เจรจาอย่างไรก็ไม่ยอม
พอวันนี้ 28 พ.ย. 67 ผมพึ่งจะกลับมาจากศาลเมื่อครู่ ติดต่อกับทางทนายของทางบริษัทแล้ว ทนายบอกว่าทางบริษัท ไม่ยินยอมให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเลย ยังไงก็จะต้องใน 1 ปี ยอดเท่าไรเอา 12 หาร ตรงๆ ไม่มีอะไรใดๆ ทั้งสิน
ตามตรงครับว่า ผมตั้งใจที่จะใช้หนี้ทุกอัน เพราะหนี้ทุกอัน คือ สิ่งที่มาช่วยเหลือ ให้น้องผมได้เรียน ให้ครอบครัวผมมีข้าวกิน ในวันที่ทุกข์ยาก ช่วยให้นอนหลับได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมาอะไรขว้างทะลุกระจกมา จากพวกทวงหนี้นอกระบบ
ผมเองก็พยายาม ทั้งรับงานนอก ลดข้าวเหลือกินแค่วันละ 1 มื้อ หุ้งข้าวกินเอง เพื่อเอาข้าวไปผสมกับอะไรก็ได้ที่จะได้มาจากที่ทำงานแหล่งต่างๆ ของเพื่อความสุขอย่าง ขนม ชา/กาแฟ ไม่ต้องสืบเลย แค่ให้ได้มี "กับ" มากินกับ "ข้าว" ได้ต่อวัน ก็ถือว่าชีวิตมีความสุขในวันนั้นๆ แล้ว
แต่ผมเจอแบบนี้นี่คือ........... นี่คือ หนี้ตัวสุดท้ายแล้ว ที่ยังจัดการไม่ได้ เหมือนคนกำลังจะปีนขึ้นจากหลุม เหลืออีกแค่ 1 ก้าว ชีวิตจะเดินหน้า จะได้มีแสงสว่างกับเขา กลับเหมือนโดนยิงแสกหน้า ให้ล่วงตกลงไปแล้วรอบ
และเพราะตั้งใจจะใช้หนี้ จึงไม่เคยโดนทรัพย์สินใดๆ ที่เป็นชื่อตนหนีหนี้เลย ที่มี ณ ตอนนี้ก็เหลือที่ดินชื่อตนเอง 1 ไร่ ที่มีราคาขายเกินกว่ายอดหนี้ 100,000 นี้ ประกาศขายมานานแล้ว ยังไม่มีคนรับซื้อ ถ้าจะโดนยึดทรัพย์ก็อาจจะนี้สิ่งนี้แหละ นอกนั้นคือไฟแนนต่างๆ หมด
เลยมีแชร์ประสบการณ์นะครับ ใครที่จะหยุดส่ง Money Thunder ก็ระวังไว้ด้วย เพราะที่ศาลที่ผมไปเจอวันนี้ ผมเจอคนโดนฟ้องคดีเดียวกับผม บริษัททวงหนี้เดียวกัน อีกหลายคน เจอบังคับปิด 1 ปี ไม่มีคุยเหมือนกันทั้งหมด
ทำผมเอากลัวเลยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพวกมิฉาชีพที่โทรฯ มาหลอกเงิน กับบริษัททวงหนี้เหล่านี้ อันไหนน่ากลัวกว่ากัน.............
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านนะครับ, หากท่านใดมีคำชี้แนะ ขอรบกวนชี้ทางสว่างให้ด้วยนะครับ หนี้ทั้งหมดที่ผมแบก เหลือแค่อันนี้อันเดียว ที่เป็นปัญหา นอกจากนจัดการให้อยู่ในขอบเขตเงินรับที่มั่นคงได้ทั้งหมดแล้วครับ............... เหลือแค่อันนี้ แค่ก้าวนี้ ก้าวเดียว จริงๆ