หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน และเส้นทางต้องห้าม...เราเตือนคุณแล้ว

สวัสดีค่ะ
วันนี้เราจะมาพูดถึงประสบการณ์การขึ้นไปพักที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน ต. แม่นะ อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่

ที่นี่จะมีสองจุดที่พักได้อยู่ใกล้ๆ กันคือห่างกันประมาณ 200 เมตร ได้แก่ หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน (ที่เราเลือกมาพัก) และศูนย์วิจัยเกษตรที่สูง (ที่จะเห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวชัดเจน และคนนิยมไปพักที่นี่มากกว่าที่หน่วยจัดการต้นน้ำ) 

เราเลือกพักที่หน่วยจัดการเพราะตั้งใจจะพักสองคืน ราคาต่อหัวคนละ 300 บาทต่อคืน ในขณะที่ทางศูนย์วิจัยจะมีทั้งบ้านพัก (หลังละ 1500) กับลานกางเต้นท์

ตอนแรกเรากะจะพักสองคืน โดยทางจนท. ย้ำว่า ต้องเตรียมอาหารการกินมาเองนะคะ เพราะที่หน่วยไม่มี หรือจะขับไปกินที่ศูนย์วิจัยก็ได้ แต่ที่ศูนย์วิจัยก็จะมีอาหารพื้นๆ ง่ายๆ เช่น ข้าวไข่เจียว ส้มตำ ลูกชิ้นทอด ส่วนมาม่าคัพมี ขนมขบเคี้ยวมี

เราเตรียมอาหารไปบางส่วน เพราะที่หน่วยจัดการมีห้องครัวให้ มีเครื่องครัวให้ครบทุกอย่าง แต่เราควรเตรียมน้ำสะอาดสำหรับดื่มและประกอบอาหารไปเอง มีด เขียง จาน ชาม แก้ว ช้อนส้อม มีให้หมดค่ะ

ตอนแรกกะจะพักสองคืน แต่ความรู้สึกเราคือไม่ค่อยดีกับที่พัก ... อาจจะเพราะไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว (ที่เลือกไปพักที่ศูนย์วิจัยแทน) กลิ่นในบ้านค่อนข้างอับ 

ภายในบ้าน มีห้องนอนสามห้อง ห้องใหญ่มีห้องน้ำในตัว และอีกห้องหนึ่งอยู่ฝั่งเดียวกัน แล้วจะมีโถงกลางห้อง ห้องนอนห้องที่สามอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสองห้องแรก มีห้องน้ำแยกแต่อยู่ติดกัน

แม้บรรยากาศในบ้านดูอึมครึม มีกลิ่นอับ เหม็นลูกเหม็น และให้ความรุ้สึกขนลุก (กับตัวเรา และแม้กับแฟนเค้าก็รู้สึก เพียงแต่ไม่บอกกัน) แต่บรรยากาศนอกบ้าน โดยเฉพาะด้านหลังบ้านที่มีลานโล่งนั้น วิวดีเหลือเกิน จนอยากจะย้ายที่ทำงานสักเดือน

เราข้ามความรู้สึกหลอน ๆ มาเช้าอีกวันเลยดีกว่าค่ะ ไอ้ความรู้สึกนี้ทำให้เรากับแฟนมองหาที่พักแห่งใหม่ แต่คราวนี้ลงไปข้างล่างแทน แล้วเส้นทางที่แฟนเลือกเป็นทางลัด ตรงนี้แหละที่อยากจะมาเตือน

ที่พักด้านล่างนั้น (เราเลือกภูเมี่ยงคำโฮมสเตย์) ทางเจ้าของบอกว่า ถ้าให้ดี ควรลงมาจากด้านบน มาเจอทางหลักก่อน แล้วค่อยวกกลับเข้ามาจะดีกว่า แต่ก็มีอีกทางหนึ่งที่จะลัดมาได้ รถน้องโฟร์วิลไหมคะ ครับโฟร์วิล 

ออกจากศูนย์วิจัย เลี้ยวขวา (ซึ่งเป็นทางกลับ) ขับมาอีกนิดจะเห็นเส้นทางลัด มีป้ายสีเขียวเขียนไว้ (แต่ตอนนั้นเราไม่ได้นึกอะไร) ตอนนั้นมีพี่มอไซด์จอดอยู่ปากทางสองคัน ขณะที่แฟนจะเลี้ยวเข้าไป พี่มอไซด์บอกว่า ทางมันแคบครับ รอรถสองคันออกมาก่อน 

นี่ยิ่งมั่นใจว่า ทางก็มีคนใช้นี่นา เลยรอ พอรถสองคันออกมา เราก็ลุยกันเข้าไปเลย ในแมปเขียนว่า 40 นาทีกับเส้นทาง 10 กิโลได้ แต่จริงๆ ชั่วโมงครึ่ง คือน้อง ๆ ทางวิบาก สัญญานโทรศัพท์ไม่มี ไม่มีรถสวน (เพิ่งมาเห็นรถสวนตอนอีกสักสองกิโลจะออกมาพ้นทางลัดนี้) และไม่เห็นเสาไฟฟ้า 

ตอนเห็นเสาไฟฟ้าต้นแรก เราร้องกรี๊ดเลย ดีใจสุดๆ คือความเจริญมาแล้ว เรารอดแล้ว 

มีอยู่ช่วงหนึ่ง แฟนจอดรถ เพื่อสูบบุหรี่ และเราหาที่ถ่ายเบา เพราะลุ้นเหลือเกิน แฟนมาบอกทีหลังว่า กำลังคิดเปลี่ยนใจวกกลับเพราะทางสุดยอด และไม่เห็นรถสวนเลย แต่เจ้าความรู้สึกที่ว่า ก้อมีรถสองคันออกมาได้ เราก็ต้องไปได้สิน่า เลยลุยกันต่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่