เมื่อโทรศัพท์ยี่ห้อ S ของเราพังใครๆก็แนะนำให้ไปที่ศูนย์ที่ไหนได้ร้านข้างทางทั่วไปถูกก็กว่า

เรา : รบกวนช่วยตรวจเช็คและประเมินราคาให้ด้วยค่ะ ซึ่งมีอาการจอดับ
ศูนย์ s : นำโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ดู เมนบอร์ดของคุณพังต้องทำการเปลี่ยนใหม่
เรา : ราคาเท่าไหร่ค่ะ
ศูนย์ s : ประเมินเริ่มต้น ประมาณ 10,000+ เนื่องจากต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด
เรา : ถ้าเปลี่ยนไปแล้วข้อมูลเดิมกลับมาไหม?
ศูนย์ s : กลับมาไม่ได้เนื่องจากเมนบอร์ดพัง

สรุปวันนั้นเราได้โทรศัพท์ใหม่โดยที่เครื่องเดิมยังอยู่ในราคาเกือบสองหมื่นบาท และวันต่อมาจึงตัดสินใจลองเอาไปให้ร้านซ่อมโทรศัพท์ข้างทางดู

ร้าน : อ๋อ! โทรศัพท์พี่แบตพังต้องเปลี่ยนแบตใหม่ (ร้านค้าลองเชื่อมแบตกับแบตอื่นดู สรุปว่าเปิดได้)
เรา : ราคาประมาณเท่าไหร่
ร้านค้า : 800 บาท แต่ต้องทิ้งไว้ที่ร้านรอการสั่งของและร้านจะโทรให้มารับ

สรุปวันต่อมาเรารับโทรศัพท์คือโดยที่ข้อมูลในโทรศัพท์เรายังอยู่ครบถ้วนแต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว ทั้งแอพธนาคารและอื่นๆที่เกี่ยวข้องเราได้ลงทะเบียนย้ายเครื่องใหม่หมดแล้ว และในตอนนี้เรามีโทรศัพท์สองเครื่อง และเสียเงินมากเกินไปโดยใช่เหตุเพราะการประเมินของศูนย์

หมายเหตุ การไม่มีโทรศัพท์ทำให้เสมือนอยู่ในช่วงยุคหินจริงๆ เราตัวคนเดียว ไม่พกนาฬิกา ไม่มีบัตร ATM และก็ไม่พกเงินสดโชคดีที่มีสมุดบัญชีกับบัตรประชาชน

บทเรียนนี้ทำให้เรารู้ว่าต้องพกเงินสดติดตัว จำเบอร์โทรศัพท์ของคนใกล้ชิดหรือจดไว้เพื่อใช้ติดต่อในยามฉุกเฉิน มีนาฬิกาติดตัวบ้างก็ดีจะได้รู้วันเวลา และอย่าเขื่อใจสิ่งที่เรียกว่าศูนย์เสมอไป เพราะบางทีร้านข้างทางอาจดีแหละวิเคราะห์เก่งกว่า

เงินหลักหมื่นในสายตาใครหลายคนอาจดูน้อยแต่สำหรับเราต้องทำงานทั้งเดือน