สิทธิส่วนบุคคล vs มาตรฐานจริยธรรม...

เพื่อนร่วมงานผมเพิ่งเจอกับเหตุการณ์หนึ่ง เลยเอามาเล่าให้เพื่อน ๆ ในที่ทำงานฟัง มีความเห็นหลากหลาย เลยคุยกันว่าจะลองให้ผมมาตั้งกระทู้ดูว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมคิดเห็นยังไงครับ

เพื่อนร่วมงานผมทำอาชีพเสริมเป็นคนขับรถในแอปพลิเคชันหนึ่ง วันนึงมีผู้โดยสารสองคน ผู้ชายกับผู้หญิง (เข้าใจเองว่าน่าจะเป็นแฟนกัน) ผู้ชายเป็นคนกดเรียกรถในแอปจากห้างแห่งหนึ่งไปส่งสองจุด (สมมติว่าเป็นจุด A กับจุด B) พอขับไปถึงจุด A ผู้หญิงก็ลงรถไป เหลือต้องไปส่งผู้ชายต่อ แต่พอนั่งต่อไปสักพักผู้ชายบอกกับเพื่อนผมว่า ไม่ไปจุด B แล้ว ขอเปลี่ยนเป็นที่จุด C แทน...

จุด C ที่ว่ามันคืออาบอบนวดที่นึงครับ ซึ่งเพื่อนผมก็ไปส่งตามที่ผู้ชายบอก เพราะว่ายังไงก็ได้ค่าโดยสารเต็มจำนวนตามที่กดมาในแอปอยู่แล้วถึงแม้จะลงก่อนปลายทาง

คือตอนนี้ความเข้าใจของเพื่อนผม (ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า) คือ ผู้ชายน่าจะกดแอปให้ไปส่งที่บ้านผู้หญิง (จุด A) ตามด้วยบ้านตัวเอง (จุด B) ก่อนเพื่อไม่ให้ผู้หญิงสงสัย แต่พอผู้หญิงลงจากรถไปแล้ว ก็ขอเพื่อนผมให้เปลี่ยนไปอาบอบนวด (จุด C) ซึ่งผู้หญิงไม่น่าจะรับรู้ เพราะถ้ารับรู้ทำไมไม่กดจากจุด A ไปจุด C เลยตั้งแต่แรก แสดงว่าต้องการปิดบัง เพื่อนผมก็ไปส่งนะครับ แล้วก็มีมาเล่า ๆ ให้เพื่อนร่วมงานฟังว่าผู้ชายต้องนอกใจแฟนแน่ ๆ เลย แอบไปอาบอบนวดไม่ให้แฟนรู้ เป็นคนไม่ดีแน่ ๆ

จากนั้นไม่กี่วันเพื่อนผมไปขับแถวห้างนั้นและได้เจอผู้โดยสารชายหญิงคู่เดิมอีกครับ กดไปจุด A กับ B เหมือนเดิม เพื่อนผมจำได้ สิ่งที่เพื่อนผมทำคือรอให้ถึงจุด A ที่ผู้หญิงจะลง แล้วเขาแกล้งพูดทักทายผู้ชายก่อนที่ผู้หญิงจะเปิดประตูลงไป (เจตนาให้ผู้หญิงได้ยิน) ประมาณว่า "วันนี้คุณผู้ชายจะเปลี่ยนไปที่ XXX (ชื่ออาบอบนวด) อีกหรือเปล่าครับ" คือพูดชื่ออาบอบนวดออกให้ได้ยินเลย ผู้ชายเขาก็เงียบไป แต่ผู้หญิงถามประมาณว่าคือยังไงนะคะ เพื่อนผมพูดโดยพยายามใช้น้ำเสียงปกติ (เจตนาที่แท้จริงคือต้องการบอกให้ผู้หญิงรู้) ประมาณว่า "อ๋อ พอดีจำผู้โดยสารได้ครับ คราวที่แล้วหลังจากส่งคุณผู้หญิงเสร็จ คุณผู้ชายเขาก็ขอเปลี่ยนเส้นทางไปที่ XXX ผมเลยถามคุณผู้ชายดูน่ะครับว่าวันนี้จะให้ไปที่ XXX อีกไหม"

สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ชายทำเป็นมึนงง บอกว่าจำผิดคน ไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไร เพื่อนผมก็ทำตัวปกติ บอกว่าอ๋อ ๆ งั้นก็ขอโทษครับ (แต่เพื่อนผมเล่าว่าจำได้แม่นไม่ผิดแน่ ๆ เพราะตอนเกิดเหตุคราวที่แล้วเขาถึงขั้นจำชื่อผู้ชายมา search หาวาร์ป เพื่อจะส่อง อารมณ์อยากรู้เรื่องชาวบ้านน่ะแหละครับ เพราะฉะนั้นชื่อไม่ผิดคนแน่ ๆ) สุดท้ายผู้หญิงก็ลงรถไปนะครับ เพราะผู้ชายพยายามบอกว่าไม่มีอะไร จำผิดคน แล้วรอบนี้เพื่อนผมก็ขับไปส่งผู้ชายที่จุด B ตามที่กดผ่านแอปมานะครับ รอบนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ระหว่างทางเขาไม่ได้มีการคุยอะไรกันเลย เกร็ง ๆ หยั่งเชิงกันตลอดทาง

เรื่องก็ประมาณนี้ครับ คือถึงแม้ว่าข้อเท็จจริงจะยังไม่ชัดเจน แต่ทุกอย่างคิดยังไงบ้างครับ ทุกคนคิดว่าสิ่งที่เพื่อนผมทำควรถูกตำหนิไหม หรือถูกต้องแล้ว และถ้าทุกคนไปอยู่ในสถานการณ์แบบเขาบ้าง จะทำแบบเขาหรือเปล่าครับ หรือจะปล่อยผ่านไปเลย

เพื่อนร่วมงานผมหลายคนมีความเห็นหลากหลายประมาณนี้ครับ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนผมทำก็จะบอกประมาณว่า
- ทุกอย่างคือการคิดเองเออเองทั้งนั้นเลย ไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง แล้วมีสิทธิอะไรเอาข้อมูลส่วนตัวเขามา search หา มันผิด PDPA หรือเปล่า แล้วลูกค้าจะไปไหนมันเป็นสิทธิของเขาหรือเปล่า เราจะไปยุ่งอะไรกับเขา หมอยังต้องเก็บข้อมูลคนไข้เป็นความลับเลย อย่าเอาศีลธรรมที่ตัวเองเชื่อว่าการเข้าอาบอบนวดมันไม่ดีมาเป็นหลักในการตัดสินคนอื่น คนเข้าอาบอบนวดโดนตีตราเลยว่าเป็นคนไม่ดีเหรอ แล้วถ้าเขาไม่ใช่แฟนกันแต่เป็นพี่น้องหรือเป็นคนในครอบครัว แล้วไปบอกว่าเขาเข้าอาบอบนวดให้คนในครอบครัวเขาฟัง จะรับผิดชอบยังไง อะไรประมาณนี้
 
ฝ่ายที่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนผมทำก็จะบอกประมาณว่า
- การนอกใจมันเป็นเรื่องที่ผิด การที่พยายามเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการนอกใจมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ แล้วสิ่งที่เพื่อนผมทำก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ ไม่ได้พูดจาไม่ดี ไม่ได้ต่อว่าหรือหาเรื่อง ไม่ได้ไปตัดสินเลยว่าไปอาบอบนวดมันไม่ดี ก็แค่ทักทายผู้โดยสารเฉย ๆ เอง ถามเขาเฉย ๆ ว่าจะเปลี่ยนเส้นทางเหมือนคราวที่แล้วไหม การพูดคุยกับผู้โดยสารมันเป็นสิ่งที่คนขับรถพึงจะทำได้อยู่แล้วเพื่อให้รู้สึกว่าอัธยาศัยดี เพื่อนผมแค่ใช้ช่องทางนี้เป็นอีกช่องทางในการช่วยลดปัญหาการนอกใจที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้นเอง