คนตื่นทำถาม หนังสือพุทธวจนผิดตรงไหน ?...หลวงพ่อตอบว่า.....Ep.3

คลิปนี้ หลวงพ่อท่านเมตตาอธิบายต่อ ถึงความเข้าใจผิดในการแปลบาลีของสำนักนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คำแต่งใหม่บิดเบือนจากความจริง(พุทธวจน) #พระมหาสมบูรณ์ ฉันทโก ‪@watkhaosanamchai‬



เชิญพิจารณา และแสดงความเห็นอย่างมีเหตุผล

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
ฟังต่อครับ
อาจเห็นได้ว่า ผู้รู้หลายท่านต่างกล่าวเตือนแล้วเตือนอีก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
หนังสือพุทธวจน ใช้แทนพระไตรปิฏก?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ความคิดเห็นที่ 8
สรูปง่ายๆว่าหลักคำสอนในพระไตรปิฏกมันมั่วคนเลยตีความกันไปต่างๆนา ต่างคนก็ต่างว่าตัวเองตีความถูก เหมือนไม้หลักปักขี้เลนเลยเนาะ
เอนไปเอนมาใครจะให้ไปทางไหนก็ได้ ฟังๆดูแล้วมันหลายเรื่องเหลือเกินที่สาวกมีความเชื่อต่างกันไปไม่ลงรอยหรือเป็นเอกภาพเดียวกัน แบนี้ชาพุทธที่เป็นศาสนิกทั่วไปจะทำใจเชื่อยังไง แบบไหน

สมาชิกหมายเลข 8486991




ความคิดเห็นที่ 5
เป็นธรรมดา...ที่ทองแท้..จะโดนทองปลอม...มาทำให้มัวหมอง..


พระสัทธรรม....ยังไงๆ ก็ย่อมต้องแพ้....สัทธรรมปฏิรูป...อย่างแน่นอน...

ผู้มีปัญญาจะแยกแยะได้...

สมาชิกหมายเลข 5449398




นี่นะครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ฟังไปซะคราวเดียวกันเลยทั้งสองคนข้างบนนี้น่ะ
พระไตรปิฎกนั้น ท่านช่วยกันทำมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานใหม่ๆ
ท่านประชุมกัน แล้วก็ลงความเห็นว่า จะยกขึ้นสวดเป็นบทสวด แล้วจะช่วยกันจดจำ
ตั้งแต่นั้นมาแบบมุขปาฐะ คือท่องจำต่อๆ กันมา

พอมาสมัยพระเจ้าอโศกฯ ท่านทั้งหลายก็รวบรวมที่ท่องจำกันนั้น แล้วแบ่งออกเป็นสามปิฎกมาจนถึงทุกวันนี้

หมายความว่าอย่างไร ?

หมายความว่าทั้งสามปิฎกน่ะ ก็คือหนังสือเล่มเดียวกันนั่นเอง

คราวนี้พวกพระ พวกโยมทั้งหลาย ไปเรียนแยกส่วน คือชอบพระสูตรก็เรียนมันแต่พระสูตร
ชอบอะไรก็เอาแต่อันนั้น หนักเข้าไม่เรียนเลย อาศัยฟังเอาจากพระที่ก็เรียนแยกส่วนมาทั้งหลายนั่นแหละ

หนังสือนั้น เนื้อหาองค์รวมมันกระจายออกไปทั้งเล่ม คนเราเมื่ออ่านจบเล่มถึงจะทราบว่าหนังสือเล่มนั้นพูดถึงอะไร ?

พระไตรปิฎกทั้งสามปิฎกนี่ก็เช่นเดียวกัน เขาทำกันมาเป็นเล่มเดียวกัน หากแต่จัดหมวดหมู่ออกเป็นสามภาคเท่านั้น
คนเราไปเรียนแยกส่วน  อ่านมันแค่ภาคเดียว หรือไม่ถึง 1 ภาคด้วยซ้ำไป แล้วสามารถมาอธิบายว่าพระไตรปิฎกทั้งเล่มที่
คณะสงฆ์พระอรหันต์เมื่อครั้งสังคายนาครั้งแรกนั้นท่านตั้งใจจะสื่อสารอะไร ?

มันก็รู้กันไปอย่างละนิดอย่างละหน่อย แล้วก็ไม่สามารถปะติดปะต่อพระไตรปิฎกทั้งเล่มได้
นี่แหละ สุดท้ายก็มานั่งสุมหัวกัน "ตีความ"

ถ้ามันเรียนกันจบทั้งสามปิฎก เหมือนราวกับว่าได้อ่านหนังสือ 1 เล่มหนาๆ จบหมดแล้ว
เขาก็จะไม่ต้อง "ตีความ" อะไรเลย เพราะอะไร ?

เพราะว่าพระอภิธรรมนั้น เป็นแกนพระสูตรทั้งสูตรเลย หลายๆ สูตร
อธิบายองค์ธรรมในสูตรนั้นๆ เสร็จสรรพ ล๊อคสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นในเวลานั้นจนดิ้นไม่ได้
เมื่อดิ้นไปไหนไม่ได้ มันก็ไม่ต้องตีความงัยล่ะ

ปัญหาของพวกเขาเหล่านั้น ก็คืออ่านพระสูตรอย่างเดียวแล้ว "ไม่รู้เรื่อง"
ครั้นไปอ่านพระอภิธรรมปิฎก ก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง แต่ทำไมท่านที่เจนจบมาทั้งสามปิฎกถึงอธิบายได้เป็นฉากๆ แบบท่านป.อ.ปยุตโต
หรือท่านเจ้าคุณประยุทธิ์ ปยุตโต

นั่นก็เพราะท่านแทงทะลุเนื้อหาทั้งสามปิฎก ท่านถึงรู้อย่างชัดเจนว่า หนังสือชื่อพระไตรปิฎกนั้นพูดถึงอะไร

สุดท้ายนี้นะครับ ก็จะขอย้ำกันชัดๆ อีกทีว่า ทั้งสามปิฎกนั้น ท่านจงใจทำกันมาเป็นหนังสือเล่มเดียวกัน
นั่นก็คือหนังสือชื่อ "พระไตรปิฎก" แล้วคนที่ศึกษาว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไรนั้น จึงจำเป็นต้องเรียนรู้
ทั้งสามปิฎกนั้นไม่มากก็น้อย ท่านถึงจะทราบได้ ว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร

แล้วการ "ตีความ" ก็ไม่จำเป็นอะไรเลย เป็นเรื่องไม่จำเป็น
นอกจากไม่จำเป็นแล้ว ยังเป็นเรื่องตลกขบขันซะอีก แถมยังจะทำให้พระศาสนาเสื่อมลงเรวกว่าที่ควร

เอานะครับ ไม่รู้ก็ให้รู้เอาไว้ว่า พระอภิธรรมปิฎกนั้น เป็นแกนของพระสูตร ล๊อคสภาวะธรรมให้พระสูตรดิ้นไปไหนไม่ได้
ดังนั้น มันจงเกิดการโต้เถียงกันไม่รู้จักจบ เพราะคนที่อ่านแต่พระสูตร ก็นึกว่าตัวนั้นเข้าใจที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสแล้ว
แต่คนที่เรียนพระอภิธรรมปิฎกเพิ่มเข้าไป เขาก็เห็นการล๊อคการตีความเอาไว้ในพระสูตร เขาก็ออกมาแย้งน่ะสิครับ

พระไตรปิฎกนั้น จัดทำโดยพระอรหันต์ปฏิสัมภิทา
ท่านล๊อคองค์ธรรม ล๊อคการตความเลอะเทอะ ป้องกันเอาไว้หมดแล้ว
เค้าทำกันอย่างรอบคอบ ล๊อคเอาไว้ถึงสามชั้น สี่ชั้น จนกระทั่งใครก็เข้ามาบิดเบือนพระธรรมไม่ได้
ยกเว้นแต่ไปตัดปิฎกเขาทิ้งเท่านั้น ที่จะเป็นสาเหตุให้กุญแจที่ล๊อคอยู่นั้นถูกทำลายลงไป

ไอ้คนที่จะเอาแต่พระสูตรนั่นเป็นตัวการใหญ่เลยทีเดียว ที่ตั้งใจจะไปทุบกุญแจที่ล๊อคการบิดเบือนคำสอนนั้นทิ้งเสีย
และท่านก็จะเป็นคนที่ทำให้พระธรรมเสื่อมสูญเร็วกว่าที่ควรอีกด้วย ผมจะบอกให้

ไปฉีกหนังสือเขาทิ้งครึ่งเล่ม แล้วมันจะยังคงเป็นหนังสืออยู่ไหม ?
ท่านผู้อ่านก็ใช้ปัญญาไตร่ตรองดูด้วยตัวท่านเองเถิด.
ความคิดเห็นที่ 13
อย่างวัดที่พระคึกฤทธิ์อยู่นั่นก็เช่นเดียวกัน
ถ้าพระคึกยึดหลักการของตัมภีร์อรรถกถา พระคึกฤทธิ์ก็จะเห็นแม่กุญแจอันแรก
ต่อมาถ้าพระคึกยึดหลักการคัมภีร์พระอภิธรรมปิฎก พระคึกก็จะเห็นแม่กุญแจอันที่สอง

แค่แม่กุญแจที่ล๊อคการบิดเบือนพระธรรมสองอันนี้ ถ้าพระคึกยึดถืออยู่
จะไม่มีการสอนว่า มีสัตตานังเข้ามาสิงขันธ์ 5 เลยครับ  No way !!!

นี่ถึงเป็นเหตุผลว่า การที่จะยังพอมีที่นั่งสำหรับตัวเอง ให้มานั่งตีความพระสูตรให้ญาติโยมฟังนั้น
อันแรกต้องปฏิเสธแม่กุญแจ่ที่ล๊อคอยู่ทั้งสองอันนี้ออกก่อน

หลังจากนั้น ก็จัดทำพุทธวจนปิฎกที่ตนเป็นคนตัดสินใจเลือกพระสูตรเอง ที่มันตรงกันกับที่ตนตีความเอาไว้

ถ้าทำสำเร็จ สงฆ์แตกแยกทันทีครับ !!!
เพราะแค่สวด 150 ข้อ พระของวัดนาป่าพงก็ไม่สามารถทำสังฆกรรมกัะบวัดอื่นๆ ได้แล้ว

แต่เดชะบุญมหาเถรเขาไล่บี้เอา จนถอยไม่เป็นท่าครับ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่