เวลาเห็นครอบครัวเพื่อนๆมีพ่อแม่พร้อมตา คอยทำอาหารอร่อยให้กิน คอยมารับไปส่งนั่นนี่ คอยมีคนให้ปรึกษา ส่งเรียน แล้วรู้สึกน้อยใจในชะตาชีวิตมากๆ ดิฉันตอนนี้ก็อายุ23อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกยินดีอะไรกับชีวิตมากนัก แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยวันๆ ไม่รู้ตัวเองเป็นซึมเศร้าไหม ก็ยังไม่มีความรู้สึกอยากตายนะ ขณะที่นั่งพิมพ์อยู่นี่ก็แค่รู้สึกเซ็งๆเบื่อๆกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ก็พอเริ่มมีกำลังใจจากเบบี๋ในท้อง คอยเป็นสิ่งย้ำเตือนว่าต้องดำเนินชีวิตต่อไปนะ
เข้าเรื่องเลย... ดิฉันโตมาด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวมาโดยตลอด โตขึ้นมาโดยลำพัง ไม่รู้ว่าอยู่รอดมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ตอนเด็กๆอาศัยอยู่กับปู่ย่า ไม่เคยได้ข่าวคราวจากแม่เลย ส่วนพ่อก็เข้าออกคุกบ่อย แทบจะไม่ได้มีช่วงเวลาอะไรที่น่าจดจำ แต่ก็จำได้ว่าคิดถึงพ่อทุกครั้งที่พ่อโดนจับเข้าคุก ไม่รู้คดีอะไรบ้างไม่เคยถามเจาะจง แต่ส่วนใหญ่ก็เรื่องยา ตั้งแต่จำความได้ก็อยู่กับปู่ย่ามาโดยตลอด ถึงเขาจะไม่ค่อยสนใจเรา เพราะปู่ย่ารักหลานคนรองมากกว่า (เราเป็นหลานคนโต) ไม่เคยได้รับความรักความพิเศษอะไรเลย ไม่ว่าจะอยู่ไหน ค่ำมืดแค่ไหน ก็ไม่เคยมีคนตามหาเรา ทั้งที่เป็นเด็กผู้หญิง ไม่ว่าเราจะทำตัวเป็นเด็กดี เป็นนักร้องโรงเรียน ไปร้องเพลงตามวัดได้รางวัลเป็นสังฆทานมาบ้าง ก็ดีใจที่มีของมาฝากที่บ้าน ก็ไม่เคยได้รับคำชมอะไร แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองขี้เกียจ แต่เราก็ไม่เคยมีเรื่องให้ที่บ้านเดือดร้อนเป็นกังวล กลับบ้านดึกดื่นแค่ไหนที่บ้านไม่เคยตาม แต่พอเป็นหลานคนกลางของบ้านอะนะ ปู่กับย่าหวงสุด ถ้ามืดๆไม่กลับบ้านนี่ให้เราไปตามละ ให้โทรตาม นั่นนี่จนกว่าน้องจะกลับ เค้าถึงจะหลับนอนได้ ปู่กับย่าเป็นคนขี้เหนียว ใครๆก็บอกเรา แต่เราแก้ต่างให้ตลอดว่าเขาไม่มีเงินจริงๆ เพิ่งจะรู้ความจริงก็หลังๆนี่ล่ะ แต่เราก็พยายามไม่คิดอะไรเพราะก็เป็นสมบัติเค้า
ช่วงมอต้นที่พ่อไปทำงานในเมืองก็พอส่งเงินรายเดือนให้ใช้บ้าง รู้สึกดีใจมากที่มีเงินไปโรงเรียนทุกวันอย่างมั่นคง วันละ20บาทก็ถือว่าเยอะมากสำหรับเรา ได้แท็บเล็ตมือสองเครื่องแรกในชีวิตหลังจากที่อิจฉาเพื่อนๆแต่ละคนที่พ่อแม่พาไปซื้อด้วยกันมานาน เราดีใจมากๆเป็นวันที่มีความสุข แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน พ่อก็ไปติดกับผู้หญิงคนอื่น จนมีเรื่องทะเลาะกันวุ่นวายหนีกลับมาอยู่บ้านมีเงินติดตัวไม่กี่พัน หลังจากนั้นชีวิตเราก็กลับมาไม่มั่นคงต่อ มีเงินใช้บ้างไม่มีบ้าง โชคดีที่ออกงานร้องเพลงตามโรงเรียน ครูก็จะแบ่งรายได้ให้ทุกๆคนทั้งนักร้องกับเพื่อนๆหางเครื่อง เราก็รับจ้างตอนเย็นไปแพคถั่วต้มขานได้วันละ10บาท ทำงานเป็น4-5ชั่วโมง แค่ก็้ดีใจที่แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะมีเงินไปโรงเรียน ส่วนปู่ย่าเขาจะไม่ให้เงินใช้เลย เขาคิดว่ามีข้าวมีอะไรให้กินแล้ว มาม่ายังเป็นของหรูสำหรับเราเลย ยิ่งเมนูไข่ทอดก็แทบไม่ได้แตะ ทุกวันก็จะเป็นแกงผัก ถ้าอยากกินไข่ทอดต้องไปซื้อมาทอดเอง บางทีก็ไปหากินข้าวบ้านเพื่อนเอา เพราะพ่อแม่เขาจะทำกับข้าวอร่อยมาก จำได้ว่าตอนนั้นประจำเดือนเรามาแล้วก็ไม่มีตังค์ซื้อผ้าอนามัย เราไปขอย่า ย่ายังไม่ให้เลยแค่12บาท ตอนนั้นเสียใจมาก เลยไปยืมของเพื่อนใส่ พอพ่อให้เงินค่าขนมมาเราก็ตะเก็บไว้ซื้อผ้าอนามัยใส่ เวลาไม่ได้เอางานเราก็จะไม่ค่อยมีตังค์ ต้องห่อข้าวไปกินกลางวันที่โรงเรียน ส่วนเพื่อนๆก็จะไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ซื้อข้าวตามร้านเอา เราก็อายนะ บางทีก็แก้ปัญหาด้วยการไม่กินข้าวเที่ยงไปเลย เพราะอายเพื่อน แต่หลังๆเริ่มมีเพื่อนห่อข้าวมากินบ้างก็เริ่มห่อไปแล้ว ถึงแม้กับข้าวจะไม่ได้น่ากิน แต่ก็จะแชร์กับข้าวกับเพื่อน ก็ดีใจ
ตอน ป.4 เป็นครั้งแรกที่แม่มาเที่ยวหาที่บ้าน ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต.... เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในโลกเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะนึกได้ การที่มีแม่คอยทำของกินอร่อย ซักเสื้อผ้าให้(เราซักเองตั้งแต่อนุบาล ซักไปตามประสาเด็ก) อยู่ๆมีแม่มาซักผ้าให้ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ รองเท้าใหม่เป็นรองเท้าแก้วที่เป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ ดีใจมากจนไม่กล้าเอามาใส่ นอกจากวันงานสำคัญ แม่ซื้อสมุดสีชอล์คระบายสีให้ กับซื้อหนังสือให้หนึ่งเล่ม เรื่องความสุขของกะทิ เป็นหนังสือเล่มแรกที่เราเริ่มอ่าน แล้วอ่านวนซ้ำอยู่อย่างนั่นด้วยความคิดถึงแม่ แม่มาอยู่กับเราสามวัน เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่จดจำได้ถึงทุกวันนี้ ก่อนแม่กลับเราลงไปเด็ดดอกมะลิใต้บ้านขึ้นมากราบเท้าแม่ แม่ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ (พิมพ์ไปร้องไห้ไป) เรากอดแม่ตลอดคืนและตื่นแต่รุ่งสางกอดแม่พลางร้องไห้ไปเพราะรู้ว่าแม่จะกลับไปทำงานวันนี่แล้ว แม่ไม่รู้นะเราแอบร้องไห้ เรากอดแม่ร้องไห้จนเชช้า ก็รีบเช็ดน้ำตาไปหาดอกมะลิมาให้แม่ ตอนที่แม่ขึ้นรถกลับไปทำงาน เราร้องไห้ หลังจากนั้นร้องไห้เป็นเดือน แม่ทิ้งเบอร์ไว้ให้ เราพยามยามกดโทรหาแม่ทุกค่ำ เพราะแม่บอกว่าโทรมาได้แค่ช่วงนั่น ให้กด *222มา เพราะรู้ว่าเราไม่มีเงินในเครื่อง สีชอล์คที่แม่ซื้อให้เราก็มาวาดเป็นภาพครอบครัวทุกแผ่น มีภาพเรา พ่อ แม่ และน้องชาย เพราะแม่บอกว่ามีน้องชายใหม่ แต่เราไม่เคยเห็นหรอก เราก็รู้สึกรักน้องด้วย วาดแต่ภาพครอบครัว ระบายสีอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวหมด เขียนไดอารี่ระบายความรู้สึกคิดถึงแม่ทุกวัน แม่บอกจะกลับมาหาอีก วันแม่ปีหน้า เราก็ตั้งตารอ ถึงแม่จะอีกเป็นปี แต่ก็ดีใจมากๆที่จะได้เจออีก คิดถึงแม่จนไม่ออกจากบ้านไปไหน อยู่แต่ห้องที่เคยนอนกับแม่ เพื่อนมาชวนเที่ยวยังไม่ไปเลย เอาแต่ดมกลิ่นหมอน ที่มีกลิ่นแม่ติดไว้ กลิ่นผ้าเช็ดตัวแม่ เหมือนรู้สึกมีแม่ข้างๆ นอนตื่นเช้าวันหนึ่ง ผ้าห่มมันคลุมโป่งเราดีใจนึกว่าเป็นแม่ แต่พอเอื้อมมือไปกอด กลับว่างเปล่า ทุกวันเอาแต่ร้องไห้คิดถึงแม่ เขียนไดอารี่ว่ารักแม่แค่ไหน มีแต่ชื่อแม่ วาดภาพครอบครัวระบายสีแปะผนัง จำได้แค่นี้ อ่านความสุขของกะทิวนไปมา จบแล้วจบอีก ด้วยความคิดถึงแม่ หลังจากนั้น แม่ก็ไม่เคยมาหาอีกเลย.... เรารอทุกๆปี โทรไปแม่ก็ไม่ค่อยจะว่างรับ พอถึงวันแม่ที่แม่รับปากว่าจะมาหาแต่ละปี ก็ไม่เคยมา... ทั้งที่ห่างกันเพียง3ชั่วโมงเท่านั้น แต่เราตอนเด็กคิดว่าแม่ไปทำงานไกลแสนไกล คอยแต่จ้องมองภูเขา จินตนาการว่าถ้าผ่านก้อนนั้นไปจะเจอแม่ไหมนะ ฝันแล้วฝันอีกว่าได้เข้าไปเที่ยวหาแม่ที่ทำงานในเมือง จนเราเริ่มโตขึ้นเราก็ไปอยู่โรงเรียนประจำ ตอนั้นเริ่มโตขึ้นแล้ว เลิกรอคอยความหวังลมๆแล้งๆ เพราะแม่รับปากอะไรไว้ไม่เคยจะทำได้เลย ส่วนพ่อก็ติดยาแต่เราก็นึกมาตลอดว่าพ่อไม่มีเงิน เราก็ไม่กล้าขอเลย เว้นแต่พ่อจะมาหาแล้วให้บ้าง3-4ร้อย อยู่โรงเรียนประจำมีข้าวฟรีให้กินสามมื้อ ผลไม้ของว่าง ได้กินดีกว่าตอนอยู่ที่บ้าน มีสบู่แชมพู ผ้าอนามันแจกฟรีสำหรับเด็กผู้หญิง ตอนเย็นๆก็จะไปซื้อสหกรณ์ซื้อขนมกินกับเพื่อน บางทีก็อายเพราะไม่มีเงิน แต่ไม่กล้าบอกใคร เพื่อนก็แบ่งให้กินบ้าง จำได้ว่ากับข้าวที่โรงเรียนอร่อยมาก เพราะเราไม่เคยได้รับอาหารที่ดีขนาดนี้ จนน้ำหนักขึ้นเป็นสิบโล เดือนนึงพ่อก็จะมาหาให้เงินทิ้งไว้3-4ร้อย เดือนไหนไม่มา เพื่อนก็ให้ยืมใช้ ทุกครั้งที่พ่อแม่เพื่อนมาเที่ยวหาจะชวนเราไปเที่ยวทุกครั้ง ตอนเสาร์อาทิตย์ พ่อแม่เพื่อนจะมาแล้วทำกับข้าวมากินด้วยกัน เราก็ไปกินด้วยทุกครั้ง ได้แต่หวังว่าจะมีคนจากครอบครัวเรามาทำแบบนี้ให้บ้าง จนจบม.4 เราตัดสินใจลาออก จะไปหางานทำพร้อมกับเรียนกศน.
แต่ทำแล้ว ก็โดนโกงค่าแรง เพราะเป็นเด็ก สุดท้ายเราหาโรงเรียนประจำแห่งใหม่ได้เลยตัดสินใจรีบกลับไปเรียนต่อ เพราะโรงเรียนก็กินฟรีอยู่ฟรี ให้น้าไปส่งสมัครเรียน ทั้งที่แม่ก็อยู่แถวนั่น แต่ไม่เคยจะมาทำหน้าที่แม่ น้าก็แบ่งเงินให้ใช้ ชีวิตความเป็นอยู่อย่างทุลักทุเล แต่พอเริ่มเห็นรุ่นพี่แอบขายขนมปี๊ปแล้วกำไรดี เราเริ่มแอบทำตาม จากนั้นมาก็เริ่มมีรายได้ ให้น้ามาส่งขนมปี๊บให้เรา เราแพคขายเป็นถุงย่อยๆพอเริ่มมีเงินเก็บ และใช้รายวัน เหมือนคนอื่นๆ จนอยู่ม.5 ได้คบกับแฟนคนแรก มีความสุขมากเลย รักครั้งแรกทุกอย่างในโลกดูสดใส สว่างกระจ่างไปหมด รู้สึกไม่ต้องมีอะไรให้กลัวในโลกนี้ แฟนเราดูแลเราดีมาก เขาก็ไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็แบ่งให้เราใช้ตลอด ไปไหนมาไหนซื้อขนมมาฝาก ไม่สบายเรากินยาเม็ดไม่เป็นก็หาซื้อยาน้ำมาให้ หิวข้าวกลางดึกก็ไปต้มมาม่ามาให้กิน ไม่สบายก็เอาเสื้อผ้าไปซักให้ จากที่โดนพวกรุ่นพี่แกล้ง ก็ไม่มีใครกล้าพูดกล้าแซะ แกล้งอะไรเราอีก ทุกอย่างในชีวิตดีขึ้นทันตา แฟนเราค่อนข้างหน้าตาดี มีคนแอบชอบเยอะ มีคนรู้จักเยอะ จนมีคนเกรงใจเรา ไม่มีใครกล้าแกล้งอีก เราก็แอบหาของมาขายให้พวกเพื่อนๆ เด็กๆในโรงเรียน แฟนเราก็ช่วย พวกเสื้อผ้า กระเป๋า ขนม ยันเสื้อกันหนาว ครีมอะไรพวกนี้ ของพวกนี้หายากในโรงเรียนประจำจึงขายออกกำไรได้ง่าย แต่ก็ต้องระวังครู เพราะถ้าครูเจอก็จะโดนทำโทษและยึดของ แฟนก็ช่วยเราขายของจนมีเงินเก็บด้วยกันหลักหมื่น จากนั้นก็เริ่มซื้อของที่อยากได้ เริ่มใช้เงินด้วยกันตั้งแต่นั้นมา ไม่ขอเงินที่บ้านใช้อีก ได้ใช้ชีวิตปกติ สภาพคล่องทางการเงิน มีเงินไปเที่ยวตามห้าง ไปดูหนัง ไปร้องคาราโอเกะ(แอบปีนกำแพงรร.ออกไป) มีความสุขมากๆ ที่มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใย เป็นเพื่อน เป็นแฟน เป็นที่ปลอดภัย ชีวิตดีขึ้นทุกด้าน การกินการอยู่ดีขึ้น ก็คบกับแฟนมาเรื่อยๆ จนม.6เริ่มมีปัญหา เรากับแฟนมักไปหลบอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ตามประสาคู่เด็กคนอื่นๆ แต่ครูจะหมั่นไส้คู่เราเป็้นพิเศษ เพราะเรามักไม่ยอมและจะแย้งเมื่อถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม ครั้งแรกโดนเรียกเข้าห้องปกครอง พวกเด็กผู้ชายที่แอบเอาเหล้ามากินในโรงเรียน ครูปกครองผู้หญิงไม่ทำโทษอะไรเลยแถมทำให้เป็นเรื่องตลก เราก็หลงดีใจคิดว่าพอถึงคิวเรา เป็นครั้งแรกที่โดนจับได้ (สาเหตุ ที่เราเข้าห้องปกครองคือ เราหนุนตักแฟนคุยกัน แล้วครูแก่ท่านหนึ่งที่ไม่เคยมีสามีมาก่อนในชีวิตมาเห็น) แปลกมากแฟนเราไม่โดนเรียก มีแต่เราที่โดนเรียก เป็นผู้หญิงก็ผิดแบบนี้แหละ มีไหนความเท่าเทียม พอถึงคิวเรา นางก็ตะคอกด่าเราเป็นชุดเลยจ้า เราสวนไปว่า “ทำไมอาจารย์ต้องตะคอกเสียงดังใส่หนู ไม่พูดดีๆกับหนูเหมือนที่คุยกับพวกผู้ชายก่อนหน้าเลยคะ” แค่นี้แหละ นางโมโหจะเป็นจะตาย ให้เรารีบโทรเรียกผู้ปกครอง แถมบอกจะไล่ออก ทั้งที่ไม่ใช่ผ.อ เราก็ให้เบอร์แม่ไปเพราะจำได้แค่เบอร์แม่ นางก็โทรไปด่ากับแม่เรา แม่เราก็มาด่าเราอีก จากนั้นมาก็มีเรื่องกับห้องปกครองมาตลอด มีอาจารย์ผู้ชายอาวุโสคนหนึ่ง เมื่อเดินผ่านเรากับแฟน ก็ให้กำลังใจเรา น่าจะเพราะพวกครูเอาเราไปนินทา จนไม่มีอจ คนไหนในรร อยากคุยกับเรา ถึงแม้เราจะเรียนดีก็ตาม อจ.อาวุโสชายท่านนั่นให้กำลังใจว่า อย่าคิดมากให้ตั้งใจเรียน ปล่อยครูพวกนั่นไป ทำเหมือนตัวเองไม่เคยมีแฟนวัยเด็ก มาประสาทกับเราสองคนอยู่ได้ แกก็น่าจะรู้ว่าคู่เราสองคนโดนหนักสุด เพราะเด็กคนอื่นๆไม่เคยมีใครกล้าพูดตรงๆเหมือนเรา จากนั่นมาเราก็โดนเรียกทำโทษตลอด แฟนเรารอดตัวจากอจ ครูพวกนั่นพยายามพูดดีกับแฟน ยุให้แฟนเลิกกับเรา แต่แฟนสงสารเรามาช่วยเราทุกครั้งที่โดนทำโทษ มาช่วยทำความสะอาด ก็ยังไม่วายโดนว่าชู้สาว ทั้งที่ถือไม้กวาดใบไม้ด้วยกันอยู่กลางแจ้ง ครูนางนั้นกัดไม่ปล่อยจริงๆ หาเรื่องในทุกทาง เราสั่งอาหารผ่านแอปกับเพื่อน เพราะหิว อยากกินชานมไข่มุกก็สั่ง ก็โดนเรียกเข้าห้องปกครองอีก บอกว่าผิดกฎรร เพราะเป็น รร เด็กด้อยโอกาส เราก็ใช่ว่าจะมีเงินสั่งทุกวัน บางทีมันร้อนๆมันก็อยากกิน บางทีก็อยากกินส้มตำไก่ย่างบ้าง สั่งมาหารกับเพื่อน จำได้ว่าโดนแกล้งตลอดทั้งปี วุ่นวายจนไม่ได้อ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัย โดนพักการเรียนไปเดือนนึง ไม่มีใครช่วยเราได้เลย เงินที่เก็บมาก็เอาไปเช่าหอข้างนอกอยู่กับเพื่อน (แฟนไม่โดนเพราะเรียน ร.ด) แฟนไม่ว่าอะไรที่เราใช้เงิน แต่พอมันห่งกัน มันก็ทะเลาะบ่อย ยิ่งจะจบ งานก็ต้องตาม ทะเลาะกับแฟนบ่อยอีก คงจะสมใจครูพวกนั่น แต่สุดท้ายก็ทุลักทุเลจบม.6มาได้
ระบายความในใจที่มีต่อครอบครัว+ชีวิตที่ผ่านมา
เข้าเรื่องเลย... ดิฉันโตมาด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวมาโดยตลอด โตขึ้นมาโดยลำพัง ไม่รู้ว่าอยู่รอดมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ตอนเด็กๆอาศัยอยู่กับปู่ย่า ไม่เคยได้ข่าวคราวจากแม่เลย ส่วนพ่อก็เข้าออกคุกบ่อย แทบจะไม่ได้มีช่วงเวลาอะไรที่น่าจดจำ แต่ก็จำได้ว่าคิดถึงพ่อทุกครั้งที่พ่อโดนจับเข้าคุก ไม่รู้คดีอะไรบ้างไม่เคยถามเจาะจง แต่ส่วนใหญ่ก็เรื่องยา ตั้งแต่จำความได้ก็อยู่กับปู่ย่ามาโดยตลอด ถึงเขาจะไม่ค่อยสนใจเรา เพราะปู่ย่ารักหลานคนรองมากกว่า (เราเป็นหลานคนโต) ไม่เคยได้รับความรักความพิเศษอะไรเลย ไม่ว่าจะอยู่ไหน ค่ำมืดแค่ไหน ก็ไม่เคยมีคนตามหาเรา ทั้งที่เป็นเด็กผู้หญิง ไม่ว่าเราจะทำตัวเป็นเด็กดี เป็นนักร้องโรงเรียน ไปร้องเพลงตามวัดได้รางวัลเป็นสังฆทานมาบ้าง ก็ดีใจที่มีของมาฝากที่บ้าน ก็ไม่เคยได้รับคำชมอะไร แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองขี้เกียจ แต่เราก็ไม่เคยมีเรื่องให้ที่บ้านเดือดร้อนเป็นกังวล กลับบ้านดึกดื่นแค่ไหนที่บ้านไม่เคยตาม แต่พอเป็นหลานคนกลางของบ้านอะนะ ปู่กับย่าหวงสุด ถ้ามืดๆไม่กลับบ้านนี่ให้เราไปตามละ ให้โทรตาม นั่นนี่จนกว่าน้องจะกลับ เค้าถึงจะหลับนอนได้ ปู่กับย่าเป็นคนขี้เหนียว ใครๆก็บอกเรา แต่เราแก้ต่างให้ตลอดว่าเขาไม่มีเงินจริงๆ เพิ่งจะรู้ความจริงก็หลังๆนี่ล่ะ แต่เราก็พยายามไม่คิดอะไรเพราะก็เป็นสมบัติเค้า
ช่วงมอต้นที่พ่อไปทำงานในเมืองก็พอส่งเงินรายเดือนให้ใช้บ้าง รู้สึกดีใจมากที่มีเงินไปโรงเรียนทุกวันอย่างมั่นคง วันละ20บาทก็ถือว่าเยอะมากสำหรับเรา ได้แท็บเล็ตมือสองเครื่องแรกในชีวิตหลังจากที่อิจฉาเพื่อนๆแต่ละคนที่พ่อแม่พาไปซื้อด้วยกันมานาน เราดีใจมากๆเป็นวันที่มีความสุข แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน พ่อก็ไปติดกับผู้หญิงคนอื่น จนมีเรื่องทะเลาะกันวุ่นวายหนีกลับมาอยู่บ้านมีเงินติดตัวไม่กี่พัน หลังจากนั้นชีวิตเราก็กลับมาไม่มั่นคงต่อ มีเงินใช้บ้างไม่มีบ้าง โชคดีที่ออกงานร้องเพลงตามโรงเรียน ครูก็จะแบ่งรายได้ให้ทุกๆคนทั้งนักร้องกับเพื่อนๆหางเครื่อง เราก็รับจ้างตอนเย็นไปแพคถั่วต้มขานได้วันละ10บาท ทำงานเป็น4-5ชั่วโมง แค่ก็้ดีใจที่แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะมีเงินไปโรงเรียน ส่วนปู่ย่าเขาจะไม่ให้เงินใช้เลย เขาคิดว่ามีข้าวมีอะไรให้กินแล้ว มาม่ายังเป็นของหรูสำหรับเราเลย ยิ่งเมนูไข่ทอดก็แทบไม่ได้แตะ ทุกวันก็จะเป็นแกงผัก ถ้าอยากกินไข่ทอดต้องไปซื้อมาทอดเอง บางทีก็ไปหากินข้าวบ้านเพื่อนเอา เพราะพ่อแม่เขาจะทำกับข้าวอร่อยมาก จำได้ว่าตอนนั้นประจำเดือนเรามาแล้วก็ไม่มีตังค์ซื้อผ้าอนามัย เราไปขอย่า ย่ายังไม่ให้เลยแค่12บาท ตอนนั้นเสียใจมาก เลยไปยืมของเพื่อนใส่ พอพ่อให้เงินค่าขนมมาเราก็ตะเก็บไว้ซื้อผ้าอนามัยใส่ เวลาไม่ได้เอางานเราก็จะไม่ค่อยมีตังค์ ต้องห่อข้าวไปกินกลางวันที่โรงเรียน ส่วนเพื่อนๆก็จะไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ซื้อข้าวตามร้านเอา เราก็อายนะ บางทีก็แก้ปัญหาด้วยการไม่กินข้าวเที่ยงไปเลย เพราะอายเพื่อน แต่หลังๆเริ่มมีเพื่อนห่อข้าวมากินบ้างก็เริ่มห่อไปแล้ว ถึงแม้กับข้าวจะไม่ได้น่ากิน แต่ก็จะแชร์กับข้าวกับเพื่อน ก็ดีใจ
ตอน ป.4 เป็นครั้งแรกที่แม่มาเที่ยวหาที่บ้าน ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต.... เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในโลกเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะนึกได้ การที่มีแม่คอยทำของกินอร่อย ซักเสื้อผ้าให้(เราซักเองตั้งแต่อนุบาล ซักไปตามประสาเด็ก) อยู่ๆมีแม่มาซักผ้าให้ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ รองเท้าใหม่เป็นรองเท้าแก้วที่เป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ ดีใจมากจนไม่กล้าเอามาใส่ นอกจากวันงานสำคัญ แม่ซื้อสมุดสีชอล์คระบายสีให้ กับซื้อหนังสือให้หนึ่งเล่ม เรื่องความสุขของกะทิ เป็นหนังสือเล่มแรกที่เราเริ่มอ่าน แล้วอ่านวนซ้ำอยู่อย่างนั่นด้วยความคิดถึงแม่ แม่มาอยู่กับเราสามวัน เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่จดจำได้ถึงทุกวันนี้ ก่อนแม่กลับเราลงไปเด็ดดอกมะลิใต้บ้านขึ้นมากราบเท้าแม่ แม่ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ (พิมพ์ไปร้องไห้ไป) เรากอดแม่ตลอดคืนและตื่นแต่รุ่งสางกอดแม่พลางร้องไห้ไปเพราะรู้ว่าแม่จะกลับไปทำงานวันนี่แล้ว แม่ไม่รู้นะเราแอบร้องไห้ เรากอดแม่ร้องไห้จนเชช้า ก็รีบเช็ดน้ำตาไปหาดอกมะลิมาให้แม่ ตอนที่แม่ขึ้นรถกลับไปทำงาน เราร้องไห้ หลังจากนั้นร้องไห้เป็นเดือน แม่ทิ้งเบอร์ไว้ให้ เราพยามยามกดโทรหาแม่ทุกค่ำ เพราะแม่บอกว่าโทรมาได้แค่ช่วงนั่น ให้กด *222มา เพราะรู้ว่าเราไม่มีเงินในเครื่อง สีชอล์คที่แม่ซื้อให้เราก็มาวาดเป็นภาพครอบครัวทุกแผ่น มีภาพเรา พ่อ แม่ และน้องชาย เพราะแม่บอกว่ามีน้องชายใหม่ แต่เราไม่เคยเห็นหรอก เราก็รู้สึกรักน้องด้วย วาดแต่ภาพครอบครัว ระบายสีอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวหมด เขียนไดอารี่ระบายความรู้สึกคิดถึงแม่ทุกวัน แม่บอกจะกลับมาหาอีก วันแม่ปีหน้า เราก็ตั้งตารอ ถึงแม่จะอีกเป็นปี แต่ก็ดีใจมากๆที่จะได้เจออีก คิดถึงแม่จนไม่ออกจากบ้านไปไหน อยู่แต่ห้องที่เคยนอนกับแม่ เพื่อนมาชวนเที่ยวยังไม่ไปเลย เอาแต่ดมกลิ่นหมอน ที่มีกลิ่นแม่ติดไว้ กลิ่นผ้าเช็ดตัวแม่ เหมือนรู้สึกมีแม่ข้างๆ นอนตื่นเช้าวันหนึ่ง ผ้าห่มมันคลุมโป่งเราดีใจนึกว่าเป็นแม่ แต่พอเอื้อมมือไปกอด กลับว่างเปล่า ทุกวันเอาแต่ร้องไห้คิดถึงแม่ เขียนไดอารี่ว่ารักแม่แค่ไหน มีแต่ชื่อแม่ วาดภาพครอบครัวระบายสีแปะผนัง จำได้แค่นี้ อ่านความสุขของกะทิวนไปมา จบแล้วจบอีก ด้วยความคิดถึงแม่ หลังจากนั้น แม่ก็ไม่เคยมาหาอีกเลย.... เรารอทุกๆปี โทรไปแม่ก็ไม่ค่อยจะว่างรับ พอถึงวันแม่ที่แม่รับปากว่าจะมาหาแต่ละปี ก็ไม่เคยมา... ทั้งที่ห่างกันเพียง3ชั่วโมงเท่านั้น แต่เราตอนเด็กคิดว่าแม่ไปทำงานไกลแสนไกล คอยแต่จ้องมองภูเขา จินตนาการว่าถ้าผ่านก้อนนั้นไปจะเจอแม่ไหมนะ ฝันแล้วฝันอีกว่าได้เข้าไปเที่ยวหาแม่ที่ทำงานในเมือง จนเราเริ่มโตขึ้นเราก็ไปอยู่โรงเรียนประจำ ตอนั้นเริ่มโตขึ้นแล้ว เลิกรอคอยความหวังลมๆแล้งๆ เพราะแม่รับปากอะไรไว้ไม่เคยจะทำได้เลย ส่วนพ่อก็ติดยาแต่เราก็นึกมาตลอดว่าพ่อไม่มีเงิน เราก็ไม่กล้าขอเลย เว้นแต่พ่อจะมาหาแล้วให้บ้าง3-4ร้อย อยู่โรงเรียนประจำมีข้าวฟรีให้กินสามมื้อ ผลไม้ของว่าง ได้กินดีกว่าตอนอยู่ที่บ้าน มีสบู่แชมพู ผ้าอนามันแจกฟรีสำหรับเด็กผู้หญิง ตอนเย็นๆก็จะไปซื้อสหกรณ์ซื้อขนมกินกับเพื่อน บางทีก็อายเพราะไม่มีเงิน แต่ไม่กล้าบอกใคร เพื่อนก็แบ่งให้กินบ้าง จำได้ว่ากับข้าวที่โรงเรียนอร่อยมาก เพราะเราไม่เคยได้รับอาหารที่ดีขนาดนี้ จนน้ำหนักขึ้นเป็นสิบโล เดือนนึงพ่อก็จะมาหาให้เงินทิ้งไว้3-4ร้อย เดือนไหนไม่มา เพื่อนก็ให้ยืมใช้ ทุกครั้งที่พ่อแม่เพื่อนมาเที่ยวหาจะชวนเราไปเที่ยวทุกครั้ง ตอนเสาร์อาทิตย์ พ่อแม่เพื่อนจะมาแล้วทำกับข้าวมากินด้วยกัน เราก็ไปกินด้วยทุกครั้ง ได้แต่หวังว่าจะมีคนจากครอบครัวเรามาทำแบบนี้ให้บ้าง จนจบม.4 เราตัดสินใจลาออก จะไปหางานทำพร้อมกับเรียนกศน.
แต่ทำแล้ว ก็โดนโกงค่าแรง เพราะเป็นเด็ก สุดท้ายเราหาโรงเรียนประจำแห่งใหม่ได้เลยตัดสินใจรีบกลับไปเรียนต่อ เพราะโรงเรียนก็กินฟรีอยู่ฟรี ให้น้าไปส่งสมัครเรียน ทั้งที่แม่ก็อยู่แถวนั่น แต่ไม่เคยจะมาทำหน้าที่แม่ น้าก็แบ่งเงินให้ใช้ ชีวิตความเป็นอยู่อย่างทุลักทุเล แต่พอเริ่มเห็นรุ่นพี่แอบขายขนมปี๊ปแล้วกำไรดี เราเริ่มแอบทำตาม จากนั้นมาก็เริ่มมีรายได้ ให้น้ามาส่งขนมปี๊บให้เรา เราแพคขายเป็นถุงย่อยๆพอเริ่มมีเงินเก็บ และใช้รายวัน เหมือนคนอื่นๆ จนอยู่ม.5 ได้คบกับแฟนคนแรก มีความสุขมากเลย รักครั้งแรกทุกอย่างในโลกดูสดใส สว่างกระจ่างไปหมด รู้สึกไม่ต้องมีอะไรให้กลัวในโลกนี้ แฟนเราดูแลเราดีมาก เขาก็ไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็แบ่งให้เราใช้ตลอด ไปไหนมาไหนซื้อขนมมาฝาก ไม่สบายเรากินยาเม็ดไม่เป็นก็หาซื้อยาน้ำมาให้ หิวข้าวกลางดึกก็ไปต้มมาม่ามาให้กิน ไม่สบายก็เอาเสื้อผ้าไปซักให้ จากที่โดนพวกรุ่นพี่แกล้ง ก็ไม่มีใครกล้าพูดกล้าแซะ แกล้งอะไรเราอีก ทุกอย่างในชีวิตดีขึ้นทันตา แฟนเราค่อนข้างหน้าตาดี มีคนแอบชอบเยอะ มีคนรู้จักเยอะ จนมีคนเกรงใจเรา ไม่มีใครกล้าแกล้งอีก เราก็แอบหาของมาขายให้พวกเพื่อนๆ เด็กๆในโรงเรียน แฟนเราก็ช่วย พวกเสื้อผ้า กระเป๋า ขนม ยันเสื้อกันหนาว ครีมอะไรพวกนี้ ของพวกนี้หายากในโรงเรียนประจำจึงขายออกกำไรได้ง่าย แต่ก็ต้องระวังครู เพราะถ้าครูเจอก็จะโดนทำโทษและยึดของ แฟนก็ช่วยเราขายของจนมีเงินเก็บด้วยกันหลักหมื่น จากนั้นก็เริ่มซื้อของที่อยากได้ เริ่มใช้เงินด้วยกันตั้งแต่นั้นมา ไม่ขอเงินที่บ้านใช้อีก ได้ใช้ชีวิตปกติ สภาพคล่องทางการเงิน มีเงินไปเที่ยวตามห้าง ไปดูหนัง ไปร้องคาราโอเกะ(แอบปีนกำแพงรร.ออกไป) มีความสุขมากๆ ที่มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใย เป็นเพื่อน เป็นแฟน เป็นที่ปลอดภัย ชีวิตดีขึ้นทุกด้าน การกินการอยู่ดีขึ้น ก็คบกับแฟนมาเรื่อยๆ จนม.6เริ่มมีปัญหา เรากับแฟนมักไปหลบอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ตามประสาคู่เด็กคนอื่นๆ แต่ครูจะหมั่นไส้คู่เราเป็้นพิเศษ เพราะเรามักไม่ยอมและจะแย้งเมื่อถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม ครั้งแรกโดนเรียกเข้าห้องปกครอง พวกเด็กผู้ชายที่แอบเอาเหล้ามากินในโรงเรียน ครูปกครองผู้หญิงไม่ทำโทษอะไรเลยแถมทำให้เป็นเรื่องตลก เราก็หลงดีใจคิดว่าพอถึงคิวเรา เป็นครั้งแรกที่โดนจับได้ (สาเหตุ ที่เราเข้าห้องปกครองคือ เราหนุนตักแฟนคุยกัน แล้วครูแก่ท่านหนึ่งที่ไม่เคยมีสามีมาก่อนในชีวิตมาเห็น) แปลกมากแฟนเราไม่โดนเรียก มีแต่เราที่โดนเรียก เป็นผู้หญิงก็ผิดแบบนี้แหละ มีไหนความเท่าเทียม พอถึงคิวเรา นางก็ตะคอกด่าเราเป็นชุดเลยจ้า เราสวนไปว่า “ทำไมอาจารย์ต้องตะคอกเสียงดังใส่หนู ไม่พูดดีๆกับหนูเหมือนที่คุยกับพวกผู้ชายก่อนหน้าเลยคะ” แค่นี้แหละ นางโมโหจะเป็นจะตาย ให้เรารีบโทรเรียกผู้ปกครอง แถมบอกจะไล่ออก ทั้งที่ไม่ใช่ผ.อ เราก็ให้เบอร์แม่ไปเพราะจำได้แค่เบอร์แม่ นางก็โทรไปด่ากับแม่เรา แม่เราก็มาด่าเราอีก จากนั้นมาก็มีเรื่องกับห้องปกครองมาตลอด มีอาจารย์ผู้ชายอาวุโสคนหนึ่ง เมื่อเดินผ่านเรากับแฟน ก็ให้กำลังใจเรา น่าจะเพราะพวกครูเอาเราไปนินทา จนไม่มีอจ คนไหนในรร อยากคุยกับเรา ถึงแม้เราจะเรียนดีก็ตาม อจ.อาวุโสชายท่านนั่นให้กำลังใจว่า อย่าคิดมากให้ตั้งใจเรียน ปล่อยครูพวกนั่นไป ทำเหมือนตัวเองไม่เคยมีแฟนวัยเด็ก มาประสาทกับเราสองคนอยู่ได้ แกก็น่าจะรู้ว่าคู่เราสองคนโดนหนักสุด เพราะเด็กคนอื่นๆไม่เคยมีใครกล้าพูดตรงๆเหมือนเรา จากนั่นมาเราก็โดนเรียกทำโทษตลอด แฟนเรารอดตัวจากอจ ครูพวกนั่นพยายามพูดดีกับแฟน ยุให้แฟนเลิกกับเรา แต่แฟนสงสารเรามาช่วยเราทุกครั้งที่โดนทำโทษ มาช่วยทำความสะอาด ก็ยังไม่วายโดนว่าชู้สาว ทั้งที่ถือไม้กวาดใบไม้ด้วยกันอยู่กลางแจ้ง ครูนางนั้นกัดไม่ปล่อยจริงๆ หาเรื่องในทุกทาง เราสั่งอาหารผ่านแอปกับเพื่อน เพราะหิว อยากกินชานมไข่มุกก็สั่ง ก็โดนเรียกเข้าห้องปกครองอีก บอกว่าผิดกฎรร เพราะเป็น รร เด็กด้อยโอกาส เราก็ใช่ว่าจะมีเงินสั่งทุกวัน บางทีมันร้อนๆมันก็อยากกิน บางทีก็อยากกินส้มตำไก่ย่างบ้าง สั่งมาหารกับเพื่อน จำได้ว่าโดนแกล้งตลอดทั้งปี วุ่นวายจนไม่ได้อ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัย โดนพักการเรียนไปเดือนนึง ไม่มีใครช่วยเราได้เลย เงินที่เก็บมาก็เอาไปเช่าหอข้างนอกอยู่กับเพื่อน (แฟนไม่โดนเพราะเรียน ร.ด) แฟนไม่ว่าอะไรที่เราใช้เงิน แต่พอมันห่งกัน มันก็ทะเลาะบ่อย ยิ่งจะจบ งานก็ต้องตาม ทะเลาะกับแฟนบ่อยอีก คงจะสมใจครูพวกนั่น แต่สุดท้ายก็ทุลักทุเลจบม.6มาได้