กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้ทารกแรกเกิดกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรง หากเขย่าแรง ๆ อาจบาดเจ็บทางสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต แนะ 4 ท่าอุ้มส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจ ทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันทร์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นกับเด็กทารกไว้ว่า “การเขย่าเด็กแรง ๆ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็ก โดยเฉพาะทารกวัย 3 - 8 เดือน ได้รับบาดเจ็บทางสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต หรือทำให้เด็กพิการตลอดชีวิต เช่น ปัญหาทางสายตา ลมชัก การเรียนรู้ และสติปัญญา เนื่องจากกล้ามเนื้อคอของทารกยังไม่แข็งแรง เมื่อคอและศีรษะถูกเหวี่ยงไปมา โดยการเขย่าจะทำให้เส้นเลือดบริเวณเยื่อหุ้มสมองฉีกขาด เกิดเลือดออกในสมอง การเคลื่อนไหวและกระตุกอย่างรวดเร็ว ทำให้เนื้อสมองได้รับอันตรายได้
นพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า การอุ้มทารกด้วยท่าอุ้มที่ถูกวิธี เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะร่างกายลูกน้อยในขวบปีแรกยังมีการพัฒนาไม่เต็มที่ กล้ามเนื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ดังนั้น การอุ้มลูกด้วยท่าอุ้มลูกที่ถูกวิธีจะส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจของลูก ทำให้ลูกน้อยสามารถรู้สึกปลอดภัย สามารถสัมผัสความรัก ความอบอุ่น และช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างคุณพ่อคุณแม่และบุคคลใกล้ชิดได้เป็นอย่างดี โดยท่าที่ใช้อุ้มทารก โดยเฉพาะวัยแรกเกิดถึง 3 เดือน มีดังนี้
1.ท่าอุ้มไกวเปล เป็นวิธีทั่วไปในการอุ้มลูกน้อยด้วยจังหวะอ่อนโยนมีความเป็นธรรมชาติและง่ายที่สุด สามารถสบตาลูกน้อยได้โดยตรง สื่อถึงความรัก ความผูกพันได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่และเป็นท่าที่ใช้ให้นมลูกได้อีกด้วย
2.ท่าอุ้มพาดบ่า ทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย อีกทั้งสามารถเหยียดตัวได้อย่างสบาย ๆ โดยสามารถใช้ท่าอุ้มท่านี้หลังให้นมและช่วยให้ทารกเรอได้
3.ท่าอุ้มนอนคว่ำ เป็นท่าที่ใช้อุ้มลูกน้อยเพื่อกล่อมให้พวกเขานอนหลับและช่วยให้เรอได้
4.ท่าอุ้มหันหน้าเข้าหากัน เป็นการอุ้มทารกที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ สามารถสื่อสารกับเจ้าตัวเล็กได้ดีที่สุด เนื่องจากสามารถสบตากันได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความผูกพันระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยได้เป็นอย่างดี
พว.ศิริลักษณ์ ถาวรวัฒนะ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยใน กล่าวเพิ่มเติมว่า การอุ้มลูกทารก ผู้อุ้มต้องไม่เกร็งและรู้สึกมั่นใจ โดยใช้มือประคองคอ ศีรษะและลำตัวของทารกเสมอ เพียงเท่านี้เจ้าตัวเล็กก็สามารถสัมผัสถึงสายใยแห่งรักได้อย่างเต็มที่ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขย่าตัวเด็กเพื่อกล่อมนอน หรือถ้าเป็นเด็กแรกเกิดสามารถตรวจประเมินสภาพการตอบสนองทั่วไปของเด็ก อาจจะใช้วิธีลูบสัมผัสเบาๆ อย่างไรก็ตามก่อนอุ้มทารกน้อยทุกครั้ง อย่าลืมล้างมือให้สะอาด เพราะระบบภูมิคุ้มกันของลูกยังพัฒนาไม่เต็มที่ เชื้อโรคที่ติดอยู่ตามมือของเราอาจทำให้ทารกป่วยได้
https://www.hfocus.org/content/2024/11/32186
สธ.แนะ 4 ท่าอุ้มทารกแรกเกิด ย้ำ! ห้ามเขย่าเด็กแรง เสี่ยงบาดเจ็บทางสมอง
กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้ทารกแรกเกิดกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรง หากเขย่าแรง ๆ อาจบาดเจ็บทางสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต แนะ 4 ท่าอุ้มส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจ ทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันทร์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นกับเด็กทารกไว้ว่า “การเขย่าเด็กแรง ๆ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็ก โดยเฉพาะทารกวัย 3 - 8 เดือน ได้รับบาดเจ็บทางสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต หรือทำให้เด็กพิการตลอดชีวิต เช่น ปัญหาทางสายตา ลมชัก การเรียนรู้ และสติปัญญา เนื่องจากกล้ามเนื้อคอของทารกยังไม่แข็งแรง เมื่อคอและศีรษะถูกเหวี่ยงไปมา โดยการเขย่าจะทำให้เส้นเลือดบริเวณเยื่อหุ้มสมองฉีกขาด เกิดเลือดออกในสมอง การเคลื่อนไหวและกระตุกอย่างรวดเร็ว ทำให้เนื้อสมองได้รับอันตรายได้
นพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า การอุ้มทารกด้วยท่าอุ้มที่ถูกวิธี เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะร่างกายลูกน้อยในขวบปีแรกยังมีการพัฒนาไม่เต็มที่ กล้ามเนื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ดังนั้น การอุ้มลูกด้วยท่าอุ้มลูกที่ถูกวิธีจะส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจของลูก ทำให้ลูกน้อยสามารถรู้สึกปลอดภัย สามารถสัมผัสความรัก ความอบอุ่น และช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างคุณพ่อคุณแม่และบุคคลใกล้ชิดได้เป็นอย่างดี โดยท่าที่ใช้อุ้มทารก โดยเฉพาะวัยแรกเกิดถึง 3 เดือน มีดังนี้
1.ท่าอุ้มไกวเปล เป็นวิธีทั่วไปในการอุ้มลูกน้อยด้วยจังหวะอ่อนโยนมีความเป็นธรรมชาติและง่ายที่สุด สามารถสบตาลูกน้อยได้โดยตรง สื่อถึงความรัก ความผูกพันได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่และเป็นท่าที่ใช้ให้นมลูกได้อีกด้วย
2.ท่าอุ้มพาดบ่า ทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย อีกทั้งสามารถเหยียดตัวได้อย่างสบาย ๆ โดยสามารถใช้ท่าอุ้มท่านี้หลังให้นมและช่วยให้ทารกเรอได้
3.ท่าอุ้มนอนคว่ำ เป็นท่าที่ใช้อุ้มลูกน้อยเพื่อกล่อมให้พวกเขานอนหลับและช่วยให้เรอได้
4.ท่าอุ้มหันหน้าเข้าหากัน เป็นการอุ้มทารกที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ สามารถสื่อสารกับเจ้าตัวเล็กได้ดีที่สุด เนื่องจากสามารถสบตากันได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความผูกพันระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยได้เป็นอย่างดี
พว.ศิริลักษณ์ ถาวรวัฒนะ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยใน กล่าวเพิ่มเติมว่า การอุ้มลูกทารก ผู้อุ้มต้องไม่เกร็งและรู้สึกมั่นใจ โดยใช้มือประคองคอ ศีรษะและลำตัวของทารกเสมอ เพียงเท่านี้เจ้าตัวเล็กก็สามารถสัมผัสถึงสายใยแห่งรักได้อย่างเต็มที่ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขย่าตัวเด็กเพื่อกล่อมนอน หรือถ้าเป็นเด็กแรกเกิดสามารถตรวจประเมินสภาพการตอบสนองทั่วไปของเด็ก อาจจะใช้วิธีลูบสัมผัสเบาๆ อย่างไรก็ตามก่อนอุ้มทารกน้อยทุกครั้ง อย่าลืมล้างมือให้สะอาด เพราะระบบภูมิคุ้มกันของลูกยังพัฒนาไม่เต็มที่ เชื้อโรคที่ติดอยู่ตามมือของเราอาจทำให้ทารกป่วยได้
https://www.hfocus.org/content/2024/11/32186