ฉันอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับเพื่อนๆ ค่ะ เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีผู้หลงกลและกำลังเดือดร้อน และกำลังจะเดือดร้อนอีกมาก จากการกระทำของบริษัทและบุคคลเหล่านี้ ยิ่งกว่าโดนมิจฉาชีพอีกค่ะ เพราะแต่ละคนต้องมาเป็นหนี้ธนาคาร โดยเฉพาะดิฉันเกือบ 10 ล้าน คือจะเรียกว่าหลอกลวงก็คงไม่ผิด ขอเล่าคร่าวๆ นะคะ
ดิฉันทำงานประจำที่มั่นคง ใช้ชีวิตปกติมาตลอด ไม่เคยเป็นหนี้นอกระบบ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินทอง มีกินมีใช้ปกติ และไม่เคยมีประวัติเสียด้านการเงินกับสถาบันการเงินใดๆ ชีวิตมีความสุขมาโดยตลอด แต่พอมาวันนึง ประมาณต้นปี 2566 มีโทรศัพท์จากบริษัทหนึ่ง ที่ตั้งอยู่จังหวัดสระบุรี เข้ามาชักชวนให้ลงทุนซื้อคอนโด แล้วจะมีเงินเหลือจากการซื้อ โดยตอนนั้นฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจ เพราะฉันกลัวมีปัญหา และฉันกำลังจะซื้อบ้าน แต่คนพวกนี้ก็ยังไม่ละเลิก ยังรอติดตามถามข่าวจากฉันอยู่เรื่อยๆ ว่าซื้อบ้านหรือยัง พยายามพูดเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว โดยบอกว่า จะไม่มีปัญหาแน่นอน ฉันไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ แถมมีเงินเหลือไปต่อเติมบ้านด้วย โดยบอกว่า จะหาผู้เช่าซื้อให้ได้ภายใน 3 เดือน โดย 3 เดือนนี้จะมีเงินการันตีให้กับฉันเป็นค่าผ่อนจ่ายไปก่อน 3 งวด หลังจากนั้นบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบชำระจนกว่าจะหาผู้เช่าซื้อต่อจากฉันได้ โดยมีหนังสือข้อตกลงระหว่างฉันกับบริษัท ที่ลงลายมือชื่อเอาไว้เป็นหลักฐาน ฉันจึงหลงเชื่อเพราะเห็นว่ามีที่ตั้งบริษัทและมีหนังสือข้อตกลงเอาไว้ และได้ทำธุรกรรมสัญญากับธนาคาร เมื่อเดือนตุลาคม 2566 พร้อมกับยื่นกู้ซื้อบ้าน โดยบริษัทเป็นฝ่ายจัดหาเจ้าหน้าที่ธนาคารมาเซ็นสัญญาให้ถึงที่ และเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเร่งรีบ เพราะต้องยื่นพร้อมกับบ้านที่ฉันจะกู้ ไม่งั้นก็จะไม่ผ่าน เพราะเครดิตบูโรจะโชว์ในระบบฐานข้อมูล สรุป ธนาคารอนุมัติ 3 ห้อง 3 ธนาคาร เป็นเงินเกือบ 10 ล้าน (ฉันได้เงินเหลือจากแต่ละห้อง 150,000 บาท 3 ห้องเท่ากับ 450,000 และมีเงินการันตีให้อีกห้องละ 3 งวด ((บางห้องก็ได้ไม่ถึง 3 งวด ฉันต้องออกเอง)) หลังจากนั้น 3 งวดแรก เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ฉันเป็นผู้ชำระค่างวด 3 งวดจนถึงเดือนมกราคม 2567 จากเงินการันตี ((โดยมีค่าประกันชีวิตที่ฉันต้องเป็นคนจ่ายเองทั้ง 3 ห้องและบริษัทไม่แจ้งก่อนด้วยว่าต้องจ่ายค่าประกันเอง ถ้ารู้ฉันไม่เอาแน่นอนเพราะต้องมานั่งจ่ายเองตั้ง 3 ปี)) ต่อจากนั้น บริษัทที่ว่านี้ เป็นผู้ชำระ ((โดยจะมีไลน์กลุ่มในการสื่อสารกัน โดยมีทีมของบริษัทกับตัวฉันอยู่ในกลุ่ม)) งวดแรกๆ ก็ชำระตรง งวดถัดไปเริ่มช้า สุดท้ายแล้ว ชำระมาให้แค่ถึงเดือนพฤษภาคม 2567 หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ชำระมาให้เลย บ่ายเบี่ยงตลอด โดยเฉพาะเจ้าของบริษัทที่ให้ลูกน้องเรียกตัวเองว่าบอส ยิ่งแย่มาก ตอนแรกโทรหาตลอด ติดต่อได้ตลอด ตอนนี้หายหัวเงียบ ติดต่อไม่ได้เลย มีแต่พนักงานที่ติดต่อได้ แต่ก็โกหกไปวันๆ บอกมีคนเช่าแล้ว ก็ไม่เห็นจ่ายค่าเช่ามาให้ฉัน พอฉันไปดูเองที่ห้อง ไปสั่งนิติบุคคลให้ระงับคีย์การ์ด ก็ยังไม่เห็นมีใครพักอยู่จริง
ปัจจุบัน บริษัทหาผู้เช่าซื้อได้ 1 ราย โดยผู้เช่าซื้อนั้นเซ็นสัญญาร่วมกับฉัน ตั้งแต่ประมาณเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ((แต่ก็ยังไม่เซ็นและส่งคู่สัญญามาให้ฉันเลย)) แต่ก็ยังไม่พ้นภาระผูกพันจากฉันอยู่ดี ต้องรอให้คนๆ นั้น ทำสัญญาเช่าซื้อกับธนาคารต่อจากฉัน ฉันถึงจะพ้นภาระผูกพันตรงนี้ และฉันก็ยังต้องรับภาระจ่ายเงินค่าประกันชีวิตต่อไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม ซึ่งถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้ ว่าต้องมารับภาระจ่ายประกันชีวิตเอง ฉันไม่เอาด้วยแน่นอน เพราะมันไม่คุ้มเลยสักนิดกับเงินที่ได้มา และฉันไม่ได้เดือดร้อนเงินขนาดนั้น ((แถมมีค่าภาษีห้องชุดที่ต้องจ่ายรายปีด้วย ซึ่งฉันก็เพิ่งรู้ตอนที่มีหนังสือจากสรรพากรมาถึงบ้าน เพื่อเรียกเก็บ)) แต่เห็นว่าบริษัทพูดจนฉันเกิดความเชื่อมั่นว่าจะไม่ทำให้ฉันมีปัญหา ฉันจึงหลงเชื่อ เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็ได้เงินมาช่วยต่อเติมบ้าน แต่จริงๆ แล้วคิดผิดที่สุดในชีวิตเลย ((ลองคิดดูนะคะ บางคนผ่านหลายห้องมากกว่าฉันอีกค่ะ รวมแล้วจะเป็นหนี้เยอะมากๆ เลยนะคะ))
ปัจจุบัน (เดือนพฤศจิกายน 2567) ไอ้บริษัทนี้ มันก็ยังไม่จ่ายค่างวดที่มันต้องรับผิดชอบมาให้อีกเลย ในไลน์กลุ่มฉันตามแล้วตามอีก ถามแล้วถามอีก ก็ไม่จ่าย จนฉันกำลังจะโดนธนาคารฟ้องแล้ว ยิ่งไอ้เจ้าของบริษัท หายหัวเงียบ ติดต่อไม่ได้ ส่งไลน์ไปไม่อ่าน โทรเข้าบริษัท ลูกน้องรับสายก็บอกไม่ว่าง ไม่อยู่ตลอด ฉันต้องหาเงินมาเพื่อจ่ายธนาคารอีก 2 ห้องที่เหลือ เพื่อให้ธนาคารชะลอการฟ้องออกไปก่อน
ตอนนี้ ฉันได้ให้ทนายฟ้องบริษัทนี้ โดยใช้หนังสือข้อตกลงดูแลลูกค้าเป็นหลักฐาน ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าจะทำอะไรมันได้มากน้อยแค่ไหน ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันพังมากๆ ค่ะ ฉันอุตส่าห์ใช้ชีวิตมาอย่างดี อย่างระมัดระวังแล้ว ฉันเครียดมาก สุขภาพจิตฉันเสีย สุขภาพร่างกายฉันทรุดโทรม เนื่องจากฉันเครียดและนอนไม่ค่อยหลับ ต้องใช้ยานอนหลับที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าใช้ ฉันมีความคิดอยากตายเข้ามาในหัวอยู่บ่อยครั้ง เพราะชีวิตฉันไม่เคยต้องมาเจอเรื่องเครียดอะไรแบบนี้เลย ฉันทรมารมากจากการนอนไม่หลับ ชีวิตฉันกับครอบครัวฉันไม่มีความสุขอีกเลย แม่ฉันก็เครียดมาก กลัวไปหมดทุกอย่างเลยตอนนี้ ยิ่งเวลาที่ธนาคารโทรตามทวงยอด แถมโทรเข้ามาทวงที่เบอร์ที่ทำงานด้วย ฉันก็ยิ่งเครียด เพราะเพื่อนร่วมงานทุกคนรู้ว่าฉันไม่เคยมีประวัติเสียเรื่องการเงินแบบนี้เลย
ฉันตั้งกระทู้ไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ เผื่อใครกำลังจะเจอเรื่องแบบนี้อยู่ หรือใครที่เจอเรื่องแบบนี้อยู่ มาร่วมมือกันเปิดโปงพวกชั่วนี้ไปด้วยกันค่ะ ฉันเอาเรื่องพวกนี้ส่งไปร้องเรียนกับเพจดังๆ หลายเพจ และเพจสายไหมต้องรอด อ่านเรื่องของฉันแล้ว และให้เบอร์ติดต่อเพื่อโทรไปร้องเรียน แต่ฉันยังไม่ได้โทรไปนะคะ เพราะยังให้โอกาส ไอ้บริษัทนี้อยู่ แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ฉันจะโทรหาทีมงานเพจสายไหมต้องรอด เพื่อเล่าเรื่องพวกนี้ เผื่อมันจะกลายเป็นข่าว จะได้ไม่มีใครถูกหลอกอีก
ตอนนี้ไอ้บริษัทนี้มันก็ยังโพสหาลูกค้าในเพจอยู่เลย ยังมีคนหลงเชื่ออยู่เลย และยังมีอีกหลายห้อง ที่ยังหาคนเช่าซื้อต่อไม่ได้แบบฉัน ที่เดือดร้อนแบบฉันอยู่อีกหลายราย เพราะฉันเห็นมันโพสหาผู้เช่าซื้อคอนโดผ่อนตรงกับเจ้าของ อีกหลายที่เลยค่ะ ฝากทุกคนด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
**ใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่ม หลังไมค์มาถามได้นะคะ**
**ร่วมแสดงความคิดเห็นได้นะคะ เผื่อจะช่วยฉันให้หาทางออกหรือสบายใจได้บ้างค่ะ ฉันเครียดมากจริงๆ**
ใครเคยโดนหลอกให้ซื้อคอนโดเงินเหลือบ้าง?
ดิฉันทำงานประจำที่มั่นคง ใช้ชีวิตปกติมาตลอด ไม่เคยเป็นหนี้นอกระบบ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินทอง มีกินมีใช้ปกติ และไม่เคยมีประวัติเสียด้านการเงินกับสถาบันการเงินใดๆ ชีวิตมีความสุขมาโดยตลอด แต่พอมาวันนึง ประมาณต้นปี 2566 มีโทรศัพท์จากบริษัทหนึ่ง ที่ตั้งอยู่จังหวัดสระบุรี เข้ามาชักชวนให้ลงทุนซื้อคอนโด แล้วจะมีเงินเหลือจากการซื้อ โดยตอนนั้นฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจ เพราะฉันกลัวมีปัญหา และฉันกำลังจะซื้อบ้าน แต่คนพวกนี้ก็ยังไม่ละเลิก ยังรอติดตามถามข่าวจากฉันอยู่เรื่อยๆ ว่าซื้อบ้านหรือยัง พยายามพูดเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว โดยบอกว่า จะไม่มีปัญหาแน่นอน ฉันไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ แถมมีเงินเหลือไปต่อเติมบ้านด้วย โดยบอกว่า จะหาผู้เช่าซื้อให้ได้ภายใน 3 เดือน โดย 3 เดือนนี้จะมีเงินการันตีให้กับฉันเป็นค่าผ่อนจ่ายไปก่อน 3 งวด หลังจากนั้นบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบชำระจนกว่าจะหาผู้เช่าซื้อต่อจากฉันได้ โดยมีหนังสือข้อตกลงระหว่างฉันกับบริษัท ที่ลงลายมือชื่อเอาไว้เป็นหลักฐาน ฉันจึงหลงเชื่อเพราะเห็นว่ามีที่ตั้งบริษัทและมีหนังสือข้อตกลงเอาไว้ และได้ทำธุรกรรมสัญญากับธนาคาร เมื่อเดือนตุลาคม 2566 พร้อมกับยื่นกู้ซื้อบ้าน โดยบริษัทเป็นฝ่ายจัดหาเจ้าหน้าที่ธนาคารมาเซ็นสัญญาให้ถึงที่ และเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเร่งรีบ เพราะต้องยื่นพร้อมกับบ้านที่ฉันจะกู้ ไม่งั้นก็จะไม่ผ่าน เพราะเครดิตบูโรจะโชว์ในระบบฐานข้อมูล สรุป ธนาคารอนุมัติ 3 ห้อง 3 ธนาคาร เป็นเงินเกือบ 10 ล้าน (ฉันได้เงินเหลือจากแต่ละห้อง 150,000 บาท 3 ห้องเท่ากับ 450,000 และมีเงินการันตีให้อีกห้องละ 3 งวด ((บางห้องก็ได้ไม่ถึง 3 งวด ฉันต้องออกเอง)) หลังจากนั้น 3 งวดแรก เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ฉันเป็นผู้ชำระค่างวด 3 งวดจนถึงเดือนมกราคม 2567 จากเงินการันตี ((โดยมีค่าประกันชีวิตที่ฉันต้องเป็นคนจ่ายเองทั้ง 3 ห้องและบริษัทไม่แจ้งก่อนด้วยว่าต้องจ่ายค่าประกันเอง ถ้ารู้ฉันไม่เอาแน่นอนเพราะต้องมานั่งจ่ายเองตั้ง 3 ปี)) ต่อจากนั้น บริษัทที่ว่านี้ เป็นผู้ชำระ ((โดยจะมีไลน์กลุ่มในการสื่อสารกัน โดยมีทีมของบริษัทกับตัวฉันอยู่ในกลุ่ม)) งวดแรกๆ ก็ชำระตรง งวดถัดไปเริ่มช้า สุดท้ายแล้ว ชำระมาให้แค่ถึงเดือนพฤษภาคม 2567 หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ชำระมาให้เลย บ่ายเบี่ยงตลอด โดยเฉพาะเจ้าของบริษัทที่ให้ลูกน้องเรียกตัวเองว่าบอส ยิ่งแย่มาก ตอนแรกโทรหาตลอด ติดต่อได้ตลอด ตอนนี้หายหัวเงียบ ติดต่อไม่ได้เลย มีแต่พนักงานที่ติดต่อได้ แต่ก็โกหกไปวันๆ บอกมีคนเช่าแล้ว ก็ไม่เห็นจ่ายค่าเช่ามาให้ฉัน พอฉันไปดูเองที่ห้อง ไปสั่งนิติบุคคลให้ระงับคีย์การ์ด ก็ยังไม่เห็นมีใครพักอยู่จริง
ปัจจุบัน บริษัทหาผู้เช่าซื้อได้ 1 ราย โดยผู้เช่าซื้อนั้นเซ็นสัญญาร่วมกับฉัน ตั้งแต่ประมาณเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ((แต่ก็ยังไม่เซ็นและส่งคู่สัญญามาให้ฉันเลย)) แต่ก็ยังไม่พ้นภาระผูกพันจากฉันอยู่ดี ต้องรอให้คนๆ นั้น ทำสัญญาเช่าซื้อกับธนาคารต่อจากฉัน ฉันถึงจะพ้นภาระผูกพันตรงนี้ และฉันก็ยังต้องรับภาระจ่ายเงินค่าประกันชีวิตต่อไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม ซึ่งถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้ ว่าต้องมารับภาระจ่ายประกันชีวิตเอง ฉันไม่เอาด้วยแน่นอน เพราะมันไม่คุ้มเลยสักนิดกับเงินที่ได้มา และฉันไม่ได้เดือดร้อนเงินขนาดนั้น ((แถมมีค่าภาษีห้องชุดที่ต้องจ่ายรายปีด้วย ซึ่งฉันก็เพิ่งรู้ตอนที่มีหนังสือจากสรรพากรมาถึงบ้าน เพื่อเรียกเก็บ)) แต่เห็นว่าบริษัทพูดจนฉันเกิดความเชื่อมั่นว่าจะไม่ทำให้ฉันมีปัญหา ฉันจึงหลงเชื่อ เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็ได้เงินมาช่วยต่อเติมบ้าน แต่จริงๆ แล้วคิดผิดที่สุดในชีวิตเลย ((ลองคิดดูนะคะ บางคนผ่านหลายห้องมากกว่าฉันอีกค่ะ รวมแล้วจะเป็นหนี้เยอะมากๆ เลยนะคะ))
ปัจจุบัน (เดือนพฤศจิกายน 2567) ไอ้บริษัทนี้ มันก็ยังไม่จ่ายค่างวดที่มันต้องรับผิดชอบมาให้อีกเลย ในไลน์กลุ่มฉันตามแล้วตามอีก ถามแล้วถามอีก ก็ไม่จ่าย จนฉันกำลังจะโดนธนาคารฟ้องแล้ว ยิ่งไอ้เจ้าของบริษัท หายหัวเงียบ ติดต่อไม่ได้ ส่งไลน์ไปไม่อ่าน โทรเข้าบริษัท ลูกน้องรับสายก็บอกไม่ว่าง ไม่อยู่ตลอด ฉันต้องหาเงินมาเพื่อจ่ายธนาคารอีก 2 ห้องที่เหลือ เพื่อให้ธนาคารชะลอการฟ้องออกไปก่อน
ตอนนี้ ฉันได้ให้ทนายฟ้องบริษัทนี้ โดยใช้หนังสือข้อตกลงดูแลลูกค้าเป็นหลักฐาน ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าจะทำอะไรมันได้มากน้อยแค่ไหน ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันพังมากๆ ค่ะ ฉันอุตส่าห์ใช้ชีวิตมาอย่างดี อย่างระมัดระวังแล้ว ฉันเครียดมาก สุขภาพจิตฉันเสีย สุขภาพร่างกายฉันทรุดโทรม เนื่องจากฉันเครียดและนอนไม่ค่อยหลับ ต้องใช้ยานอนหลับที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าใช้ ฉันมีความคิดอยากตายเข้ามาในหัวอยู่บ่อยครั้ง เพราะชีวิตฉันไม่เคยต้องมาเจอเรื่องเครียดอะไรแบบนี้เลย ฉันทรมารมากจากการนอนไม่หลับ ชีวิตฉันกับครอบครัวฉันไม่มีความสุขอีกเลย แม่ฉันก็เครียดมาก กลัวไปหมดทุกอย่างเลยตอนนี้ ยิ่งเวลาที่ธนาคารโทรตามทวงยอด แถมโทรเข้ามาทวงที่เบอร์ที่ทำงานด้วย ฉันก็ยิ่งเครียด เพราะเพื่อนร่วมงานทุกคนรู้ว่าฉันไม่เคยมีประวัติเสียเรื่องการเงินแบบนี้เลย
ฉันตั้งกระทู้ไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ เผื่อใครกำลังจะเจอเรื่องแบบนี้อยู่ หรือใครที่เจอเรื่องแบบนี้อยู่ มาร่วมมือกันเปิดโปงพวกชั่วนี้ไปด้วยกันค่ะ ฉันเอาเรื่องพวกนี้ส่งไปร้องเรียนกับเพจดังๆ หลายเพจ และเพจสายไหมต้องรอด อ่านเรื่องของฉันแล้ว และให้เบอร์ติดต่อเพื่อโทรไปร้องเรียน แต่ฉันยังไม่ได้โทรไปนะคะ เพราะยังให้โอกาส ไอ้บริษัทนี้อยู่ แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ฉันจะโทรหาทีมงานเพจสายไหมต้องรอด เพื่อเล่าเรื่องพวกนี้ เผื่อมันจะกลายเป็นข่าว จะได้ไม่มีใครถูกหลอกอีก
ตอนนี้ไอ้บริษัทนี้มันก็ยังโพสหาลูกค้าในเพจอยู่เลย ยังมีคนหลงเชื่ออยู่เลย และยังมีอีกหลายห้อง ที่ยังหาคนเช่าซื้อต่อไม่ได้แบบฉัน ที่เดือดร้อนแบบฉันอยู่อีกหลายราย เพราะฉันเห็นมันโพสหาผู้เช่าซื้อคอนโดผ่อนตรงกับเจ้าของ อีกหลายที่เลยค่ะ ฝากทุกคนด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
**ใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่ม หลังไมค์มาถามได้นะคะ**
**ร่วมแสดงความคิดเห็นได้นะคะ เผื่อจะช่วยฉันให้หาทางออกหรือสบายใจได้บ้างค่ะ ฉันเครียดมากจริงๆ**