(บทความ)
รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ก็พอ ทำน้อยให้ได้มาก
มองหาแต่ Next S-curve
.
"ความซื่อสัตย์" เป็นรากฐานของทุกสิ่งในชีวิต หากปราศจากความซื่อสัตย์ ทุกสิ่งก็จะทลายลงได้ ! (ความรัก ความไว้ใจ ไปถึงความมั่งคั่ง)
.
ท่ามกลางทะเลแห่งข้อมูลอันมหาศาล คนที่รู้มากที่สุดอาจไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกต่อไป คนที่รู้ในสิ่งที่ควรรู้ ถามคำถามได้ถูกต้อง ทำน้อยให้ได้มาก มองหาแต่ Next S-curve เป็น และคนที่สามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จได้จริงในยุคนี้
.
สิ่งที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเราอย่างดีที่สุด คือ การที่เรากลัวว่าเราจะรู้ข้อมูลน้อยกว่าคนอื่น พอเราคิดแบบนี้สมองของเราจะไม่โฟกัสในสิ่งที่ควรจะเป็น สิ่งที่เราควรจะรู้ และเข้าใจจริง ๆ อันความรู้นั้นมีอยู่อย่างมากมายในสมัยนี้ (ยุคข้อมูลข่าวสาร) แต่ข้อมูลที่จำเป็น หรือสิ่งที่เราต้องรู้จริง ๆ ที่จะทำให้เราแตกต่างจากนักลงทุนคนอื่น เป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขาที่เรามักจะมองข้ามกันไปอย่างหน้าตาเฉย
.
คนฉลาดทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ในขณะที่คนทั่วไปมักจะทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ คนฉลาดชอบทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ๆ ส่วนคนทั่ว ๆ ไปกลับทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก !!
.
รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ก็พอ
.
“หน้าที่ของนักลงทุน คือ การอดทนรอคอย” ... จงอยู่เหนือความผันผวนให้ได้ ต่อให้คุณซื้อหุ้นผิดราคา แต่ถ้าซื้อหุ้นที่ดีจริง และอดทนได้ สุดท้ายคุณก็จะกำไรอยู่ดี !!
.
ในโลกของการลงทุนก็เช่นกัน เราจะเห็นคนที่มีความรู้เยอะแยะมากมาย แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ รู้เยอะจนกลัวว่าคนอื่นจะรู้มากกว่า แต่ไม่จัดลำดับความรู้ที่มีมากล้นในยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ไม่โฟกัสในสิ่งที่ควรจะเป็น ทำให้ผลของการลงทุนไม่ดีเท่าที่ควร
.
สำหรับผมแล้วความรู้ที่มีอยู่อย่างมากมาย เราอาจไม่จำเป็นต้องรู้ไปทั้งหมด เรารู้แค่เฉพาะส่วนที่จะทำให้การลงทุนเราประสบผลสำเร็จ ผมคิดว่า ความรู้ที่เราควรรู้ก็คือ แนวคิดการลงทุน การอดทนรอคอยความสำเร็จ การไม่แห่ตามฝูงชน และมองออกว่าหุ้นตัวไหนดีจริง หุ้นตัวไหนไม่ดีจะมากหลอกลวงนักลงทุน
.
ทำน้อยให้ได้มาก
.
ผมคิดว่า การลงทุนหุ้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคำ ๆ นี้ คือ ทำน้อยให้ได้มาก เพราะการลงทุนหุ้น เราแค่ ซื้อ ถือ และขาย เราไม่ทำอะไรนอกไปจากกิจกรรมสามอย่างนี้ แต่หลายคนกลับทำแบบพร่ำเพรื่อ คือ ซื้อ ๆ ขาย ๆ รวดเร็วเกินไป ไม่อดทนรอคอยความสำเร็จ บางทีหุ้นที่เราถือประสบกับเหตุการณ์ชั่วคราวก็ขายทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย แต่การขายหุ้นที่เราคิดผิด หรือไม่ดีจริง กลับเป็นเรื่องที่ควรทำนะครับ
.
การทำน้อยแต่ได้มาก ผมเคยยกตัวอย่างหุ้นปั้มน้ำมันสิบเด้ง จาก 3 บาทไปเป็น 30 บาท แต่ก่อนจะไป 30 บาท ราคาหุ้นก็ล้มลุกคลุกคลานเป็นอย่างยิ่ง คอยทดสอบจิตใจของนักลงทุนว่าใจแข็งมากน้อยแค่ไหน แต่อย่าไปอดทนกับหุ้นแย่ ๆ หุ้นเน่า ๆ หุ้นที่ไม่ดีจริงนะครับ
.
มองหาแต่ Next S-curve
.
หน้าที่ของนักลงทุน คือ ซื้อหุ้นที่ดี และถือหุ้น / หน้าที่ของเจ้าของกิจการ คือ ประกอบกิจการให้มีผลประกอบการที่ดี อย่างซื่อสัตย์สุจริต !!
.
ถ้าเราอยากลงทุนในหุ้นดีเราต้องมองหาแต่ Next S-curve คือ มองหาหุ้นเติบโต หุ้นที่มีอนาคตมีการเติบโตแฝงอยู่ภายในกิจการ แต่สิ่งที่สำคัญสุด ๆ ก็คือ เราต้องเป็นคนส่วนน้อยจริง ๆ คือ มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นยังไม่เห็นตาม และเราต้องคิดถูกจริง ไม่ใช่คิดไปแบบผิด ๆ ...
.
มาถึงตรงนี้ก็จะเข้าทางของการ “รู้ในสิ่งที่ควรรู้” คือ เราต้องรู้ลึกในหุ้นที่เราสนใจลงทุน แบบสไตล์อับดุล ถามได้ก็ต้องตอบได้ และเราต้องรู้มากกว่าคนอื่น ที่สำคัญเราต้องทำน้อยให้ได้มาก คือ หาจังหวะที่หุ้นราคาถูก ราคาหล่นลงมากองกับพื้น “ซื้อ” และถือไปตราบเท่าที่มันยังไม่เต็มมูลค่า แค่ทำสามอย่างที่ว่า นั่นคือ “รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ก็พอ ทำน้อยให้ได้มาก มองหาแต่ Next S-curve” ผมคิดว่า ถ้าทำได้ และเราเป็นคนเก่ง คือ ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ เราก็จะประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย.
#นายแว่นลงทุน
=====
รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ก็พอ ทำน้อยให้ได้มาก
รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ก็พอ ทำน้อยให้ได้มาก
มองหาแต่ Next S-curve
.
"ความซื่อสัตย์" เป็นรากฐานของทุกสิ่งในชีวิต หากปราศจากความซื่อสัตย์ ทุกสิ่งก็จะทลายลงได้ ! (ความรัก ความไว้ใจ ไปถึงความมั่งคั่ง)
.
ท่ามกลางทะเลแห่งข้อมูลอันมหาศาล คนที่รู้มากที่สุดอาจไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกต่อไป คนที่รู้ในสิ่งที่ควรรู้ ถามคำถามได้ถูกต้อง ทำน้อยให้ได้มาก มองหาแต่ Next S-curve เป็น และคนที่สามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จได้จริงในยุคนี้
.
สิ่งที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเราอย่างดีที่สุด คือ การที่เรากลัวว่าเราจะรู้ข้อมูลน้อยกว่าคนอื่น พอเราคิดแบบนี้สมองของเราจะไม่โฟกัสในสิ่งที่ควรจะเป็น สิ่งที่เราควรจะรู้ และเข้าใจจริง ๆ อันความรู้นั้นมีอยู่อย่างมากมายในสมัยนี้ (ยุคข้อมูลข่าวสาร) แต่ข้อมูลที่จำเป็น หรือสิ่งที่เราต้องรู้จริง ๆ ที่จะทำให้เราแตกต่างจากนักลงทุนคนอื่น เป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขาที่เรามักจะมองข้ามกันไปอย่างหน้าตาเฉย
.
คนฉลาดทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ในขณะที่คนทั่วไปมักจะทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ คนฉลาดชอบทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ๆ ส่วนคนทั่ว ๆ ไปกลับทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก !!
.
รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ก็พอ
.
“หน้าที่ของนักลงทุน คือ การอดทนรอคอย” ... จงอยู่เหนือความผันผวนให้ได้ ต่อให้คุณซื้อหุ้นผิดราคา แต่ถ้าซื้อหุ้นที่ดีจริง และอดทนได้ สุดท้ายคุณก็จะกำไรอยู่ดี !!
.
ในโลกของการลงทุนก็เช่นกัน เราจะเห็นคนที่มีความรู้เยอะแยะมากมาย แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ รู้เยอะจนกลัวว่าคนอื่นจะรู้มากกว่า แต่ไม่จัดลำดับความรู้ที่มีมากล้นในยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ไม่โฟกัสในสิ่งที่ควรจะเป็น ทำให้ผลของการลงทุนไม่ดีเท่าที่ควร
.
สำหรับผมแล้วความรู้ที่มีอยู่อย่างมากมาย เราอาจไม่จำเป็นต้องรู้ไปทั้งหมด เรารู้แค่เฉพาะส่วนที่จะทำให้การลงทุนเราประสบผลสำเร็จ ผมคิดว่า ความรู้ที่เราควรรู้ก็คือ แนวคิดการลงทุน การอดทนรอคอยความสำเร็จ การไม่แห่ตามฝูงชน และมองออกว่าหุ้นตัวไหนดีจริง หุ้นตัวไหนไม่ดีจะมากหลอกลวงนักลงทุน
.
ทำน้อยให้ได้มาก
.
ผมคิดว่า การลงทุนหุ้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคำ ๆ นี้ คือ ทำน้อยให้ได้มาก เพราะการลงทุนหุ้น เราแค่ ซื้อ ถือ และขาย เราไม่ทำอะไรนอกไปจากกิจกรรมสามอย่างนี้ แต่หลายคนกลับทำแบบพร่ำเพรื่อ คือ ซื้อ ๆ ขาย ๆ รวดเร็วเกินไป ไม่อดทนรอคอยความสำเร็จ บางทีหุ้นที่เราถือประสบกับเหตุการณ์ชั่วคราวก็ขายทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย แต่การขายหุ้นที่เราคิดผิด หรือไม่ดีจริง กลับเป็นเรื่องที่ควรทำนะครับ
.
การทำน้อยแต่ได้มาก ผมเคยยกตัวอย่างหุ้นปั้มน้ำมันสิบเด้ง จาก 3 บาทไปเป็น 30 บาท แต่ก่อนจะไป 30 บาท ราคาหุ้นก็ล้มลุกคลุกคลานเป็นอย่างยิ่ง คอยทดสอบจิตใจของนักลงทุนว่าใจแข็งมากน้อยแค่ไหน แต่อย่าไปอดทนกับหุ้นแย่ ๆ หุ้นเน่า ๆ หุ้นที่ไม่ดีจริงนะครับ
.
มองหาแต่ Next S-curve
.
หน้าที่ของนักลงทุน คือ ซื้อหุ้นที่ดี และถือหุ้น / หน้าที่ของเจ้าของกิจการ คือ ประกอบกิจการให้มีผลประกอบการที่ดี อย่างซื่อสัตย์สุจริต !!
.
ถ้าเราอยากลงทุนในหุ้นดีเราต้องมองหาแต่ Next S-curve คือ มองหาหุ้นเติบโต หุ้นที่มีอนาคตมีการเติบโตแฝงอยู่ภายในกิจการ แต่สิ่งที่สำคัญสุด ๆ ก็คือ เราต้องเป็นคนส่วนน้อยจริง ๆ คือ มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นยังไม่เห็นตาม และเราต้องคิดถูกจริง ไม่ใช่คิดไปแบบผิด ๆ ...
.
มาถึงตรงนี้ก็จะเข้าทางของการ “รู้ในสิ่งที่ควรรู้” คือ เราต้องรู้ลึกในหุ้นที่เราสนใจลงทุน แบบสไตล์อับดุล ถามได้ก็ต้องตอบได้ และเราต้องรู้มากกว่าคนอื่น ที่สำคัญเราต้องทำน้อยให้ได้มาก คือ หาจังหวะที่หุ้นราคาถูก ราคาหล่นลงมากองกับพื้น “ซื้อ” และถือไปตราบเท่าที่มันยังไม่เต็มมูลค่า แค่ทำสามอย่างที่ว่า นั่นคือ “รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ก็พอ ทำน้อยให้ได้มาก มองหาแต่ Next S-curve” ผมคิดว่า ถ้าทำได้ และเราเป็นคนเก่ง คือ ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ เราก็จะประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย.
#นายแว่นลงทุน
=====