ตามที่กล่าวมาข้างต้นเลยค่ะ บอกก่อนนะคะว่า เมื่อนานหลายปีที่ผ่านมา คุณแม่เคยเป็น โรคหัวใจโต และ น้ำท่วมปอด มาก่อนแล้ว รับการรักษาจนหายที่โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลกค่ะ
แล้วก็มีอยู่ช่วงนึงไม่นานมานี้ประมาณเดือนกันยายน 67 นี้ คุณแม่ไปตรวจเลือดหาโรคที่คลีนิคใกล้บ้านคลีนิคส่งเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก ผลออกมาปกติทุกอย่าง ตับ ไต เลือด แต่ให้ระวังโรคเก๊าท์ไว้ งดกินหน่อไม้ก่อน คุณแม่ก็ทำตามปกติ แต่ผ่านมาน่าจะประมาณอาทิตย์นึงหรือ 2 อาทิตย์คุณแม่มีอาการ เหนื่อยๆนิดหน่อยแต่เป็นติดต่อกันตลอด รู้สึกร้อนๆวูบวาบๆ เป็นไม่หาย จึงไปโรงพยาบาลประจำอำเภอที่อยู่ คุณหมอเจาะเลือดไปแล้วผลออกมาว่า มีเลือดจาง และเป็นโรคไตระยะประมาณ 3 ถามกลับมาว่ามีโรคอะไรมั้ย หนูจึงบอกว่ามีโรคความดันสูงที่ยังเป็นอยู่ คุณหมอถามต่อว่ารับยาที่ไหน หนูก็บอกว่าเคยไปตรวจกับหมอที่คลีนิคนึงปรากฏว่าเป็นความดันสูงคุณหมอเลยจ่ายยามาให้ทาน พอทานหมดคุณแม่ไม่ค่อยสะดวกเรื่องเงินสักเท่าไหร่เลยไม่ได้กลับไปตรวจและซื้อยาที่คลีนิคเดิมเพราะค่ายาและค่าตรวจก็แอบสูง คุณแม่เลยเอาตัวอย่างยาทีคุณหมอจากคลีนิคให้มาทั้งหมดไปซื้อทานเองที่ร้านขายยา ก็กินมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้(ตอนที่เป็นแล้วไปหาหมอที่รพ.) คุณหมอก็ถามอีกว่ามีกินยาอะไรอย่างอื่นมั้ยยาต้มที่คนแก่มันจะกินกันแต่มันไม่ได้ดีต่อสุขภาพอะไรแบบนี้หนูก็บอกว่าไม่มีแม่ไม่กินเลย คุณหมอที่รพ.ก็นัดคุณแม่มาอีกรอบในเดือนกันยา 67 แล้วให้เอาตัวอย่างยาความดันที่ทานอยู่ไปให้หมอดูด้วย พอหาเสร็จคุณแม่ก็เล่าให้ฟังเพราะเค้าคงเห็นหนูเป็นห่วงมาก เค้าก็บอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ หมอให้ยามาใหม่แล้วนัดไปตรวจอีกรอบเดือนธันวา 67 นี้ลูก หนูก็โอเคที่ได้ยินแม่พูดแบบนั้น ใจชื้นขึ้นมาเยอะเลย ก็คิดว่าทานยาคงจะดีขึ้นไม่เป็นอะไรแล้ว
แต่พอมาอีกไม่นานในเดือนเดียวกัน เดือนกันยายน 67 นี้แหละค่ะ คุณแม่มีอาการเดิม แต่เหนื่อยมากขึ้น ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย ขนลุก วูบๆวาบๆ ท้องมันปั่นป่วนเหมือนหิวข้าวแต่ปากไม่อยากกิน เลยต้องไปรพ.ตอนกลางคืน หนูก็ใจไม่ดีค่ะกลัวแม่เป็นอะไรเพราะหนูยังเด็ก
คุณหมอที่รพ.ก็เอาแม่ไปเจาะเลือดตรวจเลย แล้วก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ในคืนนั้นว่าเป็นอะไร แต่หมอฉีดยาอะไรสักอย่างให้ คุณแม่ก็เริ่มดีขึ้น คุณหมอจ่ายยาให้เป็นยาลดกรดในกระเพาะ(ยาน้ำ) ยาแก้ท้องอืด(ยาเม็ด) ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน(ยาเม็ด) ยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร(ยาเม็ด) แต่คุณแม่ก็ตัดสินใจไม่กิน เพราะคิดว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรแล้วกลัวอาการแย่ลงเลยไม่ทานทุกตัวที่ได้มาในคืนนั้น
หลังจากคืนนั้นคุณแม่ก็มีอาการเหนื่อย แปรงฟันอาบน้ำก็เหนื่อย เดินก็เหนื่อย กลายเป็นคนเหนื่อยง่ายไปเลย แล้วก็เริ่มทานอาหารไม่ได้ปากไม่อยากทานก็จำใจทานให้ครบทุกมื้อ(ไม่มีอาการอยากอ้วกนะคะ) เริ่มผอมลงเพราะทานข้าวไม่ได้ จนคนรอบข้างก็เริ่มทักเริ่มเป็นห่วง คุณแม่ก็เลยไปฉีดยาที่คลีนิคใกล้บ้าน(คลีนิคเดิมที่ตรวจเลือด) ยาที่ฉีดหนูก็ไม่แน่ใจว่ายาอะไรนะคะคุณแม่บอกว่ายาบำรุง ปรากฏฉีดมา อีกวันทานข้าวทานน้ำได้เหมือนปกติ หนูก็งง ดีไป 2 วันเลย แล้วพอหมด 2 วันกลับมาไม่หิวข้าวปากไม่อยากกินข้าว เหนื่อยเหมือนเดิม แต่ก็ได้ใบนัดไปฉีดยาบำรุงอีก 3 เข็ม แต่พอพี่ชายรู้ข่าวว่าคุณแม่เป็นแบบนี้เลยโทรมาคุยกับคุณแม่จะให้คุณแม่ลงไปกรุงเทพให้ได้เลย คุณแม่ก็เลยบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกแม่ไม่อยากไปแม่เป็นห่วงบ้าน พี่ชายก็ไม่ยอมเลยให้แฟนพี่ชายมาคุย คุณแม่ก็ยังไม่อยากไปอยู่ดี แต่พี่ชายก็จองตั๋วเครื่องบินให้บินไปกรุงเทพเลย ข่วงนั้นหนูกำลังจะปิดเทอมพอดี ไปสอบอีก 3 วันก็ได้หยุด 1 เดือน(สอบเสร็จ 28 กันยา) พี่ชายจะจองตัวให้บินไปกรุงเทพ 29 กันยาเลยแต่ได้บินจริงๆ 5 ตุลา คุณแม่เลยได้ฉีดยาบำรุงไปอีก 2 เข็มก่อนจะไปกทม. แล้วพอไปอยู่ที่กทม. คุณแม่ไม่ค่อยเป็นอะไรเลย อาการเหนื่อยง่ายหายไป กลับมาเหนื่อยคล้ายๆคนปกติ แต่ข้าวก็ยังทานไม่ค่อยได้เหมือนเดิมไม่หิวไม่อยากอะไรเลยแต่ก็ทานครบทุกมื้อ มีทานได้บ้างเฉพาะของที่อยากกินแต่ส่วนใหญ่คุณแม่ไม่อยากทานอะไรเลย🥲 พอกลับมาที่บ้านได้ 1 วัน กลับบ้านมาเมื่อ 29 ตุลาค่ะ วันที่ 30 คุณแม่ก็มีอาการไม่อยากกินอะไรเหมือนเดิม แต่กลับมาแปรงฟันอาบน้ำแล้วเหนื่อย แต่เหนื่อยนิดหน่อยไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน เป็นจนถึงวันนี้ วันไหนดีก็ดีไปวันไหนแย่ก็แย่ หนูก็รู้สึกเครียดค่ะ
** วันนี้ 2 พฤศจิกา 67 คุณแม่ไปตรวจเลือดหาโรคอีกรอบที่คลีนิคนึงในหนองตม ราคา 1800 บาทค่ะ จะรู้ผล ตับ ไต ไขมัน เบาหวาน ลำไส้ โรคมะเร็งต่างๆ คลื่นหัวใจ โรคหัวใจ ความดัน แล้วก็อื่นๆค่ะจำได้ไม่หมด🥹 มีการตรวจฉี่ด้วย
ผลออกมาคือ คุณแม่เป็นไขมันอีก 1 เพราะค่าที่ตรวจได้ 140 คุณหมอบอกว่าปกติจะอยู่ประมาณ 120 แล้วก็ค่าไตเป็นโรคไตระยะที่ 2 ยังไม่ต้องทานยาอะไร ลนเค็มลดโซเดียม ลดการทานผงชูรส ฉี่ติดเชื้อเลยจ่ายยาอะไรสักอย่างให้เชื้อมันหายถ้าทานยาจนหมดแล้วทานข้าวได้ก็ไม่เป็นอะไรถือว่าดีไป แต่ถ้าทานยาหมดแต่ทานข้าวไม่ได้เหมือนเดิมจะต้องไปส่องกล้องเข้าไปดูในกระเพาะว่ามีก้อนเนื้อหรืออะไรแปลกๆในกระเพาะอาหารหรือเปล่า คลื่นหัวใจผิดปกตินิดหน่อย แล้วก็สงสัยว่าน้ำอาจจะท่วมหัวใจ ให้ไปเอ็กซเรย์ หรือ อัลตราซาวด์อะไรสักอย่างอะค่ะที่รพ.ประจำอำเภอที่เค้าเคยนัดในวันจันทร์นี้(4พฤษจิกายน67) ดูว่าเส้นอะไรที่หัวใจว่ามันตีบมั้ย จะต้องรักษาโดยการฉีดสีหรือเปล่าแล้วก็ทำตามที่แพทย์รพ.สั่งได้เลย
คุณแม่ก็บอกหมอว่าตอนกลางคืนก็เหมือนมีอะไรมาจุกคอ หายใจไม่ค่อยสะดวกบางครั้ง คุณพยาบาลเลยออกมาบอกว่า เป็นกรดไหลย้อนเกิดจากการทานแล้วนอนเลย หลังจากนี้ให้ทานแล้วเดินเหินสัก 45 นาทีก่อนนอนให้อาหารมันได้ย่อยก่อน นอนก็ให้นอนหมอนที่สูงหน่อยแล้วก็นอนตะแคง คุณแม่ก็โอเคทำตามที่บอกในเย็นนี้
ตอนนี้(1พฤศจิกายน67)เวลา 20.50 คุณแม่ก็บอกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวกก่อนนอนก็บอกว่าเหมือนมีอะไรจุกที่คออีก หนูสังเกตแม่ตอนหลับนะคะเค้าหายใจแรงบ้างเบาบ้าง อยู่ๆก็แรงแล้วก็ไว แล้วก็แผ่วๆจนไม่ขยับ แต่หลังมันจะกระตุกแล้วก็กลับมากหายใจแรง แต่คุณแม่มีนอนกรนบ้างนะคะไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกันมั้ย ตอนนี้ 21:15 คุณแม่บอกเจ็บใต้นมฝั่งซ้ายแปล๊บๆตอนขยับตัวไม่ได้เป็นตลอด ก็แอบใจไม่ดีค่ะ แล้วก็ปวดท้องเข้าห้องน้ำบ่อยมากแทบทั้งคืน หนูก็เฝ้าค่ะกลัวเป็นอะไร😭 **
ตอนนี้ก็เครียดมากค่ะ เปิดเทอมก็ดูคุณแม่ได้ไม่ตลอดต้องไปโรงเรียน กลับมาก็ 5 โมงเย็นแล้ว ไม่อยากให้แม่อยู่บ้านคนเดียวค่ะเป็นห่วง😭
หนูก็ถามทั้งวันนะคะว่าดีมั้ยอาการเป็นยังไงก็ดีบ้างไม่ดีบ้างค่ะ
อยากให้แม่อยู่ด้วยกันไปนานๆ แม่คือสิ่งเดียวที่มีความหมายมากที่สุดในชีวิตหนู หนูขาดแม่ไม่ได้เลยค่ะ หนูอยากให้แม่สุขภาพร่างกายแข็งแรงอยู่ด้วยกันไปนานๆ บอกแม่แบบนี้ทุกวันเลยค่ะ คุณแม่ก็ใจสู้มากๆเลยค่ะยิ้มตลอด พยายามไม่ให้แม่เครียด ไม่ให้แม่เหนื่อยงานบ้านหนูก็ทำทุกอย่างเลยค่ะแต่ทำครัวไม่สู้คุณแม่ก็ทำบ้างไม่ทำบ้างเพราะบางทีก็ไหวบางทีก็ไม่ไหว ตอนกลางคืนก็จะบอกคุณแม่ก่อนนอนว่า กู๊ดไนท์ คุณเจอกันแม่ก็จะบอกว่ากู๊ดไนท์ เจอกันพรุ่งนะคุณแม่ก็จะบอกว่าโอเค🥹❤️
คุณแม่อายุ 60 แล้วค่ะเมื่อต้นปี 67 หนูก็พึ่ง 14 ไปหมาดๆเมื่อตุลา พี่ชายน่าขะ 35 หรือ 36 ค่ะ
คุณแม่คลื่นหัวใจผิดปกตินิดหน่อยจะเป็นอะไรร้ายแรงมากมั้ยคะ เครียดมากค่ะอยากปรึกษาพี่ๆที่เตยเป็นหรือมีคุณพ่อคุณแม่ท่านเป็น
แล้วก็มีอยู่ช่วงนึงไม่นานมานี้ประมาณเดือนกันยายน 67 นี้ คุณแม่ไปตรวจเลือดหาโรคที่คลีนิคใกล้บ้านคลีนิคส่งเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก ผลออกมาปกติทุกอย่าง ตับ ไต เลือด แต่ให้ระวังโรคเก๊าท์ไว้ งดกินหน่อไม้ก่อน คุณแม่ก็ทำตามปกติ แต่ผ่านมาน่าจะประมาณอาทิตย์นึงหรือ 2 อาทิตย์คุณแม่มีอาการ เหนื่อยๆนิดหน่อยแต่เป็นติดต่อกันตลอด รู้สึกร้อนๆวูบวาบๆ เป็นไม่หาย จึงไปโรงพยาบาลประจำอำเภอที่อยู่ คุณหมอเจาะเลือดไปแล้วผลออกมาว่า มีเลือดจาง และเป็นโรคไตระยะประมาณ 3 ถามกลับมาว่ามีโรคอะไรมั้ย หนูจึงบอกว่ามีโรคความดันสูงที่ยังเป็นอยู่ คุณหมอถามต่อว่ารับยาที่ไหน หนูก็บอกว่าเคยไปตรวจกับหมอที่คลีนิคนึงปรากฏว่าเป็นความดันสูงคุณหมอเลยจ่ายยามาให้ทาน พอทานหมดคุณแม่ไม่ค่อยสะดวกเรื่องเงินสักเท่าไหร่เลยไม่ได้กลับไปตรวจและซื้อยาที่คลีนิคเดิมเพราะค่ายาและค่าตรวจก็แอบสูง คุณแม่เลยเอาตัวอย่างยาทีคุณหมอจากคลีนิคให้มาทั้งหมดไปซื้อทานเองที่ร้านขายยา ก็กินมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้(ตอนที่เป็นแล้วไปหาหมอที่รพ.) คุณหมอก็ถามอีกว่ามีกินยาอะไรอย่างอื่นมั้ยยาต้มที่คนแก่มันจะกินกันแต่มันไม่ได้ดีต่อสุขภาพอะไรแบบนี้หนูก็บอกว่าไม่มีแม่ไม่กินเลย คุณหมอที่รพ.ก็นัดคุณแม่มาอีกรอบในเดือนกันยา 67 แล้วให้เอาตัวอย่างยาความดันที่ทานอยู่ไปให้หมอดูด้วย พอหาเสร็จคุณแม่ก็เล่าให้ฟังเพราะเค้าคงเห็นหนูเป็นห่วงมาก เค้าก็บอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ หมอให้ยามาใหม่แล้วนัดไปตรวจอีกรอบเดือนธันวา 67 นี้ลูก หนูก็โอเคที่ได้ยินแม่พูดแบบนั้น ใจชื้นขึ้นมาเยอะเลย ก็คิดว่าทานยาคงจะดีขึ้นไม่เป็นอะไรแล้ว
แต่พอมาอีกไม่นานในเดือนเดียวกัน เดือนกันยายน 67 นี้แหละค่ะ คุณแม่มีอาการเดิม แต่เหนื่อยมากขึ้น ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย ขนลุก วูบๆวาบๆ ท้องมันปั่นป่วนเหมือนหิวข้าวแต่ปากไม่อยากกิน เลยต้องไปรพ.ตอนกลางคืน หนูก็ใจไม่ดีค่ะกลัวแม่เป็นอะไรเพราะหนูยังเด็ก
คุณหมอที่รพ.ก็เอาแม่ไปเจาะเลือดตรวจเลย แล้วก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ในคืนนั้นว่าเป็นอะไร แต่หมอฉีดยาอะไรสักอย่างให้ คุณแม่ก็เริ่มดีขึ้น คุณหมอจ่ายยาให้เป็นยาลดกรดในกระเพาะ(ยาน้ำ) ยาแก้ท้องอืด(ยาเม็ด) ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน(ยาเม็ด) ยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร(ยาเม็ด) แต่คุณแม่ก็ตัดสินใจไม่กิน เพราะคิดว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรแล้วกลัวอาการแย่ลงเลยไม่ทานทุกตัวที่ได้มาในคืนนั้น
หลังจากคืนนั้นคุณแม่ก็มีอาการเหนื่อย แปรงฟันอาบน้ำก็เหนื่อย เดินก็เหนื่อย กลายเป็นคนเหนื่อยง่ายไปเลย แล้วก็เริ่มทานอาหารไม่ได้ปากไม่อยากทานก็จำใจทานให้ครบทุกมื้อ(ไม่มีอาการอยากอ้วกนะคะ) เริ่มผอมลงเพราะทานข้าวไม่ได้ จนคนรอบข้างก็เริ่มทักเริ่มเป็นห่วง คุณแม่ก็เลยไปฉีดยาที่คลีนิคใกล้บ้าน(คลีนิคเดิมที่ตรวจเลือด) ยาที่ฉีดหนูก็ไม่แน่ใจว่ายาอะไรนะคะคุณแม่บอกว่ายาบำรุง ปรากฏฉีดมา อีกวันทานข้าวทานน้ำได้เหมือนปกติ หนูก็งง ดีไป 2 วันเลย แล้วพอหมด 2 วันกลับมาไม่หิวข้าวปากไม่อยากกินข้าว เหนื่อยเหมือนเดิม แต่ก็ได้ใบนัดไปฉีดยาบำรุงอีก 3 เข็ม แต่พอพี่ชายรู้ข่าวว่าคุณแม่เป็นแบบนี้เลยโทรมาคุยกับคุณแม่จะให้คุณแม่ลงไปกรุงเทพให้ได้เลย คุณแม่ก็เลยบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอกแม่ไม่อยากไปแม่เป็นห่วงบ้าน พี่ชายก็ไม่ยอมเลยให้แฟนพี่ชายมาคุย คุณแม่ก็ยังไม่อยากไปอยู่ดี แต่พี่ชายก็จองตั๋วเครื่องบินให้บินไปกรุงเทพเลย ข่วงนั้นหนูกำลังจะปิดเทอมพอดี ไปสอบอีก 3 วันก็ได้หยุด 1 เดือน(สอบเสร็จ 28 กันยา) พี่ชายจะจองตัวให้บินไปกรุงเทพ 29 กันยาเลยแต่ได้บินจริงๆ 5 ตุลา คุณแม่เลยได้ฉีดยาบำรุงไปอีก 2 เข็มก่อนจะไปกทม. แล้วพอไปอยู่ที่กทม. คุณแม่ไม่ค่อยเป็นอะไรเลย อาการเหนื่อยง่ายหายไป กลับมาเหนื่อยคล้ายๆคนปกติ แต่ข้าวก็ยังทานไม่ค่อยได้เหมือนเดิมไม่หิวไม่อยากอะไรเลยแต่ก็ทานครบทุกมื้อ มีทานได้บ้างเฉพาะของที่อยากกินแต่ส่วนใหญ่คุณแม่ไม่อยากทานอะไรเลย🥲 พอกลับมาที่บ้านได้ 1 วัน กลับบ้านมาเมื่อ 29 ตุลาค่ะ วันที่ 30 คุณแม่ก็มีอาการไม่อยากกินอะไรเหมือนเดิม แต่กลับมาแปรงฟันอาบน้ำแล้วเหนื่อย แต่เหนื่อยนิดหน่อยไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน เป็นจนถึงวันนี้ วันไหนดีก็ดีไปวันไหนแย่ก็แย่ หนูก็รู้สึกเครียดค่ะ
** วันนี้ 2 พฤศจิกา 67 คุณแม่ไปตรวจเลือดหาโรคอีกรอบที่คลีนิคนึงในหนองตม ราคา 1800 บาทค่ะ จะรู้ผล ตับ ไต ไขมัน เบาหวาน ลำไส้ โรคมะเร็งต่างๆ คลื่นหัวใจ โรคหัวใจ ความดัน แล้วก็อื่นๆค่ะจำได้ไม่หมด🥹 มีการตรวจฉี่ด้วย
ผลออกมาคือ คุณแม่เป็นไขมันอีก 1 เพราะค่าที่ตรวจได้ 140 คุณหมอบอกว่าปกติจะอยู่ประมาณ 120 แล้วก็ค่าไตเป็นโรคไตระยะที่ 2 ยังไม่ต้องทานยาอะไร ลนเค็มลดโซเดียม ลดการทานผงชูรส ฉี่ติดเชื้อเลยจ่ายยาอะไรสักอย่างให้เชื้อมันหายถ้าทานยาจนหมดแล้วทานข้าวได้ก็ไม่เป็นอะไรถือว่าดีไป แต่ถ้าทานยาหมดแต่ทานข้าวไม่ได้เหมือนเดิมจะต้องไปส่องกล้องเข้าไปดูในกระเพาะว่ามีก้อนเนื้อหรืออะไรแปลกๆในกระเพาะอาหารหรือเปล่า คลื่นหัวใจผิดปกตินิดหน่อย แล้วก็สงสัยว่าน้ำอาจจะท่วมหัวใจ ให้ไปเอ็กซเรย์ หรือ อัลตราซาวด์อะไรสักอย่างอะค่ะที่รพ.ประจำอำเภอที่เค้าเคยนัดในวันจันทร์นี้(4พฤษจิกายน67) ดูว่าเส้นอะไรที่หัวใจว่ามันตีบมั้ย จะต้องรักษาโดยการฉีดสีหรือเปล่าแล้วก็ทำตามที่แพทย์รพ.สั่งได้เลย
คุณแม่ก็บอกหมอว่าตอนกลางคืนก็เหมือนมีอะไรมาจุกคอ หายใจไม่ค่อยสะดวกบางครั้ง คุณพยาบาลเลยออกมาบอกว่า เป็นกรดไหลย้อนเกิดจากการทานแล้วนอนเลย หลังจากนี้ให้ทานแล้วเดินเหินสัก 45 นาทีก่อนนอนให้อาหารมันได้ย่อยก่อน นอนก็ให้นอนหมอนที่สูงหน่อยแล้วก็นอนตะแคง คุณแม่ก็โอเคทำตามที่บอกในเย็นนี้
ตอนนี้(1พฤศจิกายน67)เวลา 20.50 คุณแม่ก็บอกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวกก่อนนอนก็บอกว่าเหมือนมีอะไรจุกที่คออีก หนูสังเกตแม่ตอนหลับนะคะเค้าหายใจแรงบ้างเบาบ้าง อยู่ๆก็แรงแล้วก็ไว แล้วก็แผ่วๆจนไม่ขยับ แต่หลังมันจะกระตุกแล้วก็กลับมากหายใจแรง แต่คุณแม่มีนอนกรนบ้างนะคะไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกันมั้ย ตอนนี้ 21:15 คุณแม่บอกเจ็บใต้นมฝั่งซ้ายแปล๊บๆตอนขยับตัวไม่ได้เป็นตลอด ก็แอบใจไม่ดีค่ะ แล้วก็ปวดท้องเข้าห้องน้ำบ่อยมากแทบทั้งคืน หนูก็เฝ้าค่ะกลัวเป็นอะไร😭 **
ตอนนี้ก็เครียดมากค่ะ เปิดเทอมก็ดูคุณแม่ได้ไม่ตลอดต้องไปโรงเรียน กลับมาก็ 5 โมงเย็นแล้ว ไม่อยากให้แม่อยู่บ้านคนเดียวค่ะเป็นห่วง😭
หนูก็ถามทั้งวันนะคะว่าดีมั้ยอาการเป็นยังไงก็ดีบ้างไม่ดีบ้างค่ะ
อยากให้แม่อยู่ด้วยกันไปนานๆ แม่คือสิ่งเดียวที่มีความหมายมากที่สุดในชีวิตหนู หนูขาดแม่ไม่ได้เลยค่ะ หนูอยากให้แม่สุขภาพร่างกายแข็งแรงอยู่ด้วยกันไปนานๆ บอกแม่แบบนี้ทุกวันเลยค่ะ คุณแม่ก็ใจสู้มากๆเลยค่ะยิ้มตลอด พยายามไม่ให้แม่เครียด ไม่ให้แม่เหนื่อยงานบ้านหนูก็ทำทุกอย่างเลยค่ะแต่ทำครัวไม่สู้คุณแม่ก็ทำบ้างไม่ทำบ้างเพราะบางทีก็ไหวบางทีก็ไม่ไหว ตอนกลางคืนก็จะบอกคุณแม่ก่อนนอนว่า กู๊ดไนท์ คุณเจอกันแม่ก็จะบอกว่ากู๊ดไนท์ เจอกันพรุ่งนะคุณแม่ก็จะบอกว่าโอเค🥹❤️
คุณแม่อายุ 60 แล้วค่ะเมื่อต้นปี 67 หนูก็พึ่ง 14 ไปหมาดๆเมื่อตุลา พี่ชายน่าขะ 35 หรือ 36 ค่ะ