ไม่แน่ใจว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร และจะหายเมื่อไร ?

สวัสดีค่ะ เราขออนุญาต ระบายและปรึกษา เกี่ยวกับ อาการป่วย มา 5 เดือนกว่า ที่ทำให้ เรารู้สึก ไม่ปกติสุข

ขอท้าวความก่อนนะคะว่า เราเป็นแม่ลูกอ่อน ตอนนี้ลูกเรา 3 ขวบแล้ว ก่อนหน้านี้ 1 ปี เรามีอาการท้องอืดบ้าง หลังกินข้าว แต่ถ้าได้จิบยาธาตุน้ำขาว อาการก็จะหายไป ไม่ได้รบกวนหรือมีผลอะไร กับชีวิตประจำวันของเรา

พฤติกรรมการกินของเรา ไม่ค่อยดีค่ะ เรากินเร็ว เคี้ยวเร็ว เพราะต้องรีบกิน กินไม่เป็นเวลา กินสาย และชอบกินจุบจิบ บางทีด้วยความรีบ เจออะไร ก็รีบกินไปก่อน บางครั้งไม่ได้นั่งกินเป็นมื้อดีๆ ช่วงหลังๆมาเรา ติดกินเผ็ด แต่เป็นคนกินเผ็ดไม่เก่ง เลยรีบเคี้ยวรีบกลืน กินกาแฟทุกวัน แต่กินแบบเจือจาง เช่น ซื้อกาแฟอเมริกาโน่แก้วเล็กที่เซเว่นมา แล้วแบ่งกิน 3 วัน โดยผสมน้ำเพิ่ม
เราไม่กินน้ำอัดลม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ แต่มีพักผ่อนน้อย และเป็นคนคิดมาก

เราเริ่มเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณอะไรเลย แต่พอเริ่มเป็น เช้าวันนั้น เราตื่นประมาณ 10 โมงตามปกติ อาบน้ำให้ลูกทำกับข้าวเสร็จได้ทานช่วง 11 โมงพร้อมกับกาแฟเหมือนทุกวัน
พอกินเสร็จไปสักพัก เรารู้สึกคลื่นไส้ แล้วก็อาเจียน พอตอนกลางคืน เราหลับไปแล้ว แต่ก็รู้สึกคลื่นไส้มากจนตื่น และอาเจียนอีกรอบ พอเช้ามาเรารู้สึกมวนท้อง แล้วรู้สึกเหมือนมีอะไรเอ่อที่คอ ความรู้สึกไม่เหมือนทุกวันที่ตื่นขึ้นมา เราเลยไปหาหมอ หมอบอกว่า เราเป็นโรคกรดไหลย้อนและโรคกระเพาะอะไรประมาณนี้
แต่เราเคยเป็นกรดไหลย้อนเมื่อ 4-5 ปีก่อน จึงบอกหมอไปว่าอาการไม่เหมือน เราไม่มีแสบร้อนกลางอกไม่มีเรอเปรี้ยว หมอเลยบอกว่าอาจจะเป็นแค่โรคกระเพาะอย่างเดียว
เราไม่มีอาการปวดท้อง มีแค่ท้องอืด คลื่นไส้ และอาเจียน พอกลับมาจากหาหมอ เราก็อาเจียนอีก ตอนนั้นเรากลัวมากๆ เพราะตอนที่แพ้ท้อง เราอาเจียนเยอะจนต้องแอดมิท 2 ครั้ง เราเลยกลัวการอาเจียนมาก เราจึงเริ่มหาข้อมูล เกี่ยวกับโรคกระเพาะ
ซึ่งก่อนหน้านี้ความเข้าใจของเราคิดว่าโรคกระเพาะจะมีอาการแค่ปวดท้อง ไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีคลื่นไส้อาเจียนด้วย

เราจึงปรับตัวทุกอย่างที่ดีต่ออาการโรคกระเพาะ ทั้งเวลาตื่นเวลานอน กินอาหารเป็นมื้อตรงเวลาทุกวัน ในช่วงแรกเรากินแค่ 3 มื้อ แต่ตกค่ำมา เรามีอาการมวนท้อง รู้สึกวูบวาบ มือเท้าเย็น เราเลยเพิ่มมื้อตอน 2 ทุ่มเข้ามา เป็นมื้อเล็กๆ เช่นกล้วย สลัด โยเกิร์ต อาการก็ดีขึ้นในช่วงค่ำ

โดยรวมเราปรับตัวทุกอย่างเพราะอยากหาย ระหว่างนี้ก็มีอาเจียน คลื่นไส้ทุกวัน โดยเฉพาะตอนตื่น และตอนที่หิว และเริ่มมีอาการปวดท้องบ้าง อาการปวดท้องของเรา ส่วนมากจะปวดทางซ้ายแต่บางครั้ง ก็มีปวดทางขวาหรือรอบสะดือด้วย
ถึงเราจะปรับตัวเรื่องอื่น แต่มี 2 อย่าง ที่ปรับไม่ได้ คือเรื่องพักผ่อนน้อย เพราะลูกเราเป็นเด็กที่ไม่นอนยาว และเรื่องความเครียด เราเป็นคนจัดการกับความเครียดไม่ค่อยดี และใส่ใจกับทุกเรื่องมากเกินไป เราต้องไปหาหมอทุกครึ่งเดือนเพราะต้องไปเอายา
มี 2-3 ครั้งที่เจอหมอใจดี คุณหมอพร้อมรับฟังคนไข้และได้แนะนำวิธีการ หายใจเวลารู้สึกเครียด เมื่อเรารู้ว่า ถ้าเราได้รับรู้ เรื่องเครียดๆ เราจะหยุดคิดไม่ได้ ช่วงหลังมา เราเลยพยายาม ไม่รับรู้ เช่น พี่สาวสามีของเรา โดนสามีนอกใจ และได้อย่า กับสามี แล้วมาอยู่บ้านเรา โดยที่ลูกของเขา ยังอยู่กับสามี
เขามาอยู่กับเราช่วงมี.ค.ปีก่อน เขามักจะมาระบาย และปรึกษาเรา เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเรื่องลูก อยู่เป็นประจำ
พอเราเริ่มเป็น เราเลยบอกเขาว่า เราไม่พร้อมรับฟังปัญหาของคนอื่น ขอให้เขาไปปรึกษาคนอื่นได้ไหม

เราอาเจียนครั้งสุดท้ายตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ก็คือไม่อาเจียนมาหลายเดือนแล้ว แต่อาการคลื่นไส้มีทุกวัน หนักเบาแล้วแต่วัน ตอนนี้เรากินยาลดกรด และยาแก้คลื่นไส้ ก่อนอาหารเช้าเย็น กินข้าววันละ 4 มื้อ เวลามีอาการคลื่นไส้ เราจะอมยาหอม หรือน้ำขิง ที่ผ่านมาเราคาดหวังว่าเราจะอาการดีขึ้น หรือหายขาด แต่บางครั้ง ดีขึ้นได้ 1 อาทิตย์ ก็กลับมาเป็นเยอะ 3-4 วันวนเวียนไปแบบนี้

เราจะเป็นหนักที่สุดคือตอนเช้า ตอนที่นอน เราไม่ค่อยมีอาการ เวลาที่ลูกตื่น ตอนกลางคืน ถ้าเราตื่นขึ้นมา เราจะมีอาการ มวนท้องบ้าง ท้องร้องบ้าง แต่เป็นไม่มาก แต่ถ้าเราลืมตาตื่นมาตอนเช้าเมื่อไหร่ เมื่อเรารู้สึกตัว เราจะผายลม ออกมาเยอะมากๆ แล้วก็จะคลื่นไส้ขึ้นมาทันที ช่วงหลังๆมีอาการขมคอด้วย

เมื่อตื่นแล้วสิ่งแรกที่เราทำ คือเดินไปกินยา ตอนที่กินยาเสร็จ จะมีความรู้สึกเหมือนอยากอาเจียนยาออกมาตลอด และเราก็จะ ไปถ่ายหนัก พอถ่ายเสร็จ เราจะรู้สึกดีขึ้นสักพัก แต่จะเริ่มรู้สึกคลื่นไส้เยอะอีกครั้งตอนช่วงก่อนกินข้าว พอทานข้าวก็จะรู้สึกดีขึ้นสักพัก เป็นช่วงๆไปทั้งวัน ทำให้ชีวิตประจำวันของเรา ไม่ราบรื่น เวลาที่เราต้องออกแรงเยอะ หรือขยับร่างกายเยอะ มันก็จะยิ่งคลื่นไส้หนักขึ้น
ช่วงหลังๆมา เราเลยไม่ค่อยได้เล่นกับลูก รู้สึกแย่มาก เหมือนเราละเลยลูกมากเกินไป

เราไปหาหมอเรื่อยๆ จนได้ส่งตัวไปส่องกล้อง กระเพาะอาหาร เราได้นัดวันที่ 26 นี้หลังจากรอมาหลายเดือน แต่ก็มีความกังวล ว่าตอนที่ เขาเอาอุปกรณ์ เข้าไปในคอ เรากลัวว่า จะอาเจียน หรือเราจะตอบสนองมากเกินไป จนทำให้การส่องกล้องไม่สำเร็จ เราพยายามโทรไปที่โรงพยาบาล เพื่อที่จะขอจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อให้ คุณหมอ ให้ยาสลบเรา แต่ก็ ยัง ติดต่อ โรงพยาบาล ไม่ได้

เรารู้สึกไม่สบายใจมากๆ เลยอยาก รู้ว่า มีใคร ที่เป็นโรคกระเพาะ แล้วไม่ค่อยมีอาการปวดท้องแต่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เยอะเหมือนเราบ้าง ลืมเล่าว่า ช่วงที่เราเป็นแรกๆ มันทรมานมากๆ เราเลยคิดว่า จะไปส่องกล้องที่เอกชน แต่พอเราไป คุณหมอบอกว่า ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องส่องกล้องเพราะถ้าเรา มีแผลในกระเพาะอาหารเราจะต้องปวดท้องมากกว่านี้ คุณหมอสงสัยนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่า เพราะถ้ามีนิ่วจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ คุณหมอเลยให้เรา อัลตร้าซาวด์นิ่วในถุงน้ำดีแทน แต่ผลคือเราไม่มีนิ่ว คุณหมอแนะนำให้เรากินโยเกิร์ตเยอะๆ และ ไปเล่นโยคะ และบอกว่าเราเป็นออฟฟิศซินโดรม จากการเลี้ยงลูกการทำงานบ้าน

ในใจเราคิดว่าถ้าเป็นนิ่วยังดีกว่าเพราะถ้าตัดออกไปมันก็หาย แต่ตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะจริงไหม ทำไมไม่ปวดท้องมากเหมือนคนอื่น แต่ไปคลื่นไส้แทน และเราปรึกษาคนรู้จักมาหลายคนเหมือนกัน มีครั้งนึงเราปรึกษาป้าที่เคยมาอยู่ไฟให้เรา คำแรกป้าเขาถามเราว่า เราได้กินยาคุมไหม เพราะอาจจะเป็นที่ฮอร์โมนก็ได้ เราก็บอกเขาว่า เราไม่ได้กินยาคุม แต่พอมาคิดๆดู ก่อนหน้าที่เราจะเป็น 1 สัปดาห์ เรากินยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดไป เพราะถุงยางอนามัยขาด เราเลยสงสัยว่ามันเป็นเอฟเฟ็กจากยาคุมฉุกเฉินหรือเปล่า เลยไปปรึกษาเภสัชกร แต่เภสัชบอกว่า มันก็เป็นไปได้ แต่ระยะเวลาหลายเดือนขนาดนี้มันควรจะหายแล้ว ซึ่งตอนที่เราเป็นตอนแรก เรามีอาการคัดเต้านม เจ็บหัวนมร่วมด้วย ตอนแรกที่อาเจียนเราก็คิดว่าเราท้องค่ะ แต่ก็ตรวจมา2ครั้งแล้ว ไม่ได้ท้อง ประจำเดือนมาทุกเดือนค่ะ แต่ไม่สม่ำเสมอ มาช้าครึ่งเดือนบ้าง มาช้า1สัปดาห์บ้าง ซึ่งโดยรวมแล้ว ตอนนี้เรามีอาการคล้ายตอนที่เราแพ้ท้องจริงๆค่ะ

เราปรึกษาเพื่อนที่เป็นพยาบาล เขาก็แนะนำให้เรากินยา gasmotin แต่พอปรึกษาเภสัชเขาก็บอกว่ายาที่เราทุกวันนี้มันก็ครอบคลุม และ ออกฤทธิ์คล้ายgasmotin อยู่แล้ว

ที่เราเล่ามาทั้งหมด เราอยากจะระบาย และอยากจะปรึกษาว่า มีใครที่มีอาการเหมือนเราบ้างไหมคะ อาการมันจะหายไปไหม เพราะถ้าลูกไปโรงเรียน เราก็ควรจะไปทำงานช่วยแบ่งเบาภาระสามี แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้คงจะไปใช้ชีวิตทำงานนอกบ้านไม่ได้

สุดท้ายขออภัยกับการย่อหน้าบางช่วงด้วยนะคะเพราะเราใช้อินพุตเสียงบางช่วง และที่เล่ารายละเอียดเยอะเพราะอยากให้คนอ่านเห็นภาพชัดเจนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่