วันนี้มาเล่าประสบการณ์ของคนรู้จักที่เจอนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเข้าเรื่องเลยนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า
>>>> คนรู้จักของ จขกท. ใช้นามสมมติว่าคุณวีนะคะ ทำงานอยู่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคลินิกไม่ค่อยใหญ่ แต่มีหลายสาขา ถ้าคนนอกมองเข้ามาอาจจะมองว่าคลินิกนี้คงปัง ถึงสามารถขยายสาขาเพิ่มได้อีก แต่ความจริงคลิกก็มีช่วงที่ปังและช่วงที่เงียบเช่นกัน กำไรที่ได้อาจจะมากหรือน้อยน่าจะแล้วแต่ช่วงเวลา มาพูดถึงภายในคลินิกพนักงานประจำคลินิกมีอยู่สองคน ค่าจ้างจะได้เป็นรายเดือน (ไม่ได้เยอะอย่างทีคิด ยิ่งเป็นต่างจังหวัดด้วย) รวมกับค่าคอมจากการหาลูกค้าและการโพสขายโปรโมชั่นลงช่องทางโซเชียล ส่วนสวัสดิการไม่มีอะไรนอกจากประกันสังคมที่ทางนายจ้างหักไปทุกเดือน มาพูดถึงวีรกรรมของหัวหน้างาน (อันนี้คุณวีเล่าให้ฟัง)
เรื่องแรก >>>>>> ช่วงหลังๆมานี้เงินเดือนที่ควรได้รับทุกสิ้นเดือนกลับพบว่าเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกเดือนมาเป็นปีแล้ว ทุกคนมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายตอนสิ้นเดือน ทั้งงวดรถ มือถือ ของกินของใช้ ซึ่งค่างวดเหล่านี้ทางธนาคารไม่ได้ให้เราเลื่อนจ่ายอยู่แล้ว แต่เพราะการได้เงินเดือนช้าทำให้การชำระค่านั่นค่านี้ช้าไปอีก ส่งผลให้คุณวีต้องเสียเครดิต ทุกสิ้นเดือนพนักงานต้องทวงถามเงินเดือนเองประจำ พอทวงถามทางนายจ้างเอาแต่อ้างว่ายังไม่มี รอมีลูกค้าก่อนจะจ่ายให้ ทั้งๆที่ตัวเองใช้ชีวิตฉ่ำแบบสุรุ่ยสุร่าย ถอยไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด กินอาหารแพงๆ ท่องเที่ยวไปเรื่อยตามประสาคนมีเงิน แต่พนักงานยังไม่ได้รับเงินเดือนสักบาท ไม่รู้เขารู้สึกอะไรไหม
เรื่องที่สอง >>>>>> ประกันสังคมที่หักไปทุกเดือน สรุปนายจ้างไม่เคยนำส่งเลย ความมาแตกเมื่อคุณวีไปทำฟันที่คลินิกแห่งหนึ่งและต้องการใช้สิทธิ์ประกันสังคม หลังจากทำฟันเสร็จและแจ้งกับทางคลินิกว่าจะใช้ประกันสังคม ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าคุณวีไม่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ คุณวีจึงได้โทรไปถามกับประกันสังคมพบว่า คุณวีขาดส่งประกันสังคมมาเกือบจะสองปีแล้ว ห๊ะ!! WTF แล้วที่นายจ้างหักไปทุกเดือนละมันไปไหน หลังจากวันต่อมาคุณวีก็ได้ไปถามนายจ้างว่าได้จ่ายประกันสังคมให้บ้างไหม สรุปคือยังไม่ได้จ่ายให้เงินไม่พอ แล้วที่หักไปทุกเดือนเอาไปทำไรหมด นายจ้างไม่มีคำตอบใดๆให้คุณวี เมื่อครั้นคุณวีจะเอาไปส่งต่อเองก็ไม่ได้เพราะต้องจ่ายส่วนที่ค้างส่งไปด้วยเป็นเงินหลายหมื่นบาท แบบนี้คุณวีก็หมดสิทธิ์ใดๆในการใช้สิทธิ์ประกันสังคม ถูกไหมคะ
เรื่องที่สาม >>>>>> ภาษีป้ายของคลินิก ทางนายจ้างก็ขาดส่งหลายครั้ง เจ้าหน้าที่เข้ามาทวงถึงคลินิก ทางนายจ้างก็ใช้คำตอบเดิมว่ายังไม่มีชำระ ถ้ามีจะรีบไปชำระ ซึ่งเป็นแบบนี้หลายครั้งจนพนักงานในคลินิกอายไปตามๆกัน แต่ทางนายจ้างกลับไม่ละอายและมองว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ไม่ใช่ปัญหาใหญ๋ แบบนี้มันเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่
เรื่องที่นำมาเล่าให้ฟังก็ประมาณนี้ ถามว่าวีรกรรมของหัวหน้างานยังมีอีกไหมก็ยังมีอีกค่ะ แต่วีรกรรมเด็ดๆที่เป็นหลักพบเจอได้ทุกเดือนซ้ำๆคือสามเรื่องนี้ ถ้าบอกว่าคุณวีทำไมยังทนอยู่ได้ จริงๆคุณวีก็ไม่อยากอยู่นะคะ แต่เพราะความจำเป็นและมีทางเลือกไม่มาก เนื่องจากงานตามต่างจังหวัดที่อยู่ใกล้บ้านหายาก จึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปก่อน รอสอบ ขรชก ติดเมื่อไหร่คุณวีก็จะไปตามทางเช่นกัน แต่ตอนนี้ต้องทนอยู่ตรงนี้ไปก่อน จขกท.ก็ได้แต่ให้กำลังใจคุณวีและอวยพรให้สอบติดตามปรารถนา จะได้ไปจากที่แห่งนี้สักที
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านเรื่องราวที่ส่งต่อกันมาของ จขกท.
ทุกคนได้อ่านแล้วมีข้อเสนอแนะอะไรสามารถแนะนำ จขกท. ได้เลยน๊าาา
ไว้รอบหน้ามีเรื่องราวอะไรใหม่ๆ จะมาอัพเดตให้อ่านกันอีกนะคะ
วีรกรรมนายจ้าง
>>>> คนรู้จักของ จขกท. ใช้นามสมมติว่าคุณวีนะคะ ทำงานอยู่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคลินิกไม่ค่อยใหญ่ แต่มีหลายสาขา ถ้าคนนอกมองเข้ามาอาจจะมองว่าคลินิกนี้คงปัง ถึงสามารถขยายสาขาเพิ่มได้อีก แต่ความจริงคลิกก็มีช่วงที่ปังและช่วงที่เงียบเช่นกัน กำไรที่ได้อาจจะมากหรือน้อยน่าจะแล้วแต่ช่วงเวลา มาพูดถึงภายในคลินิกพนักงานประจำคลินิกมีอยู่สองคน ค่าจ้างจะได้เป็นรายเดือน (ไม่ได้เยอะอย่างทีคิด ยิ่งเป็นต่างจังหวัดด้วย) รวมกับค่าคอมจากการหาลูกค้าและการโพสขายโปรโมชั่นลงช่องทางโซเชียล ส่วนสวัสดิการไม่มีอะไรนอกจากประกันสังคมที่ทางนายจ้างหักไปทุกเดือน มาพูดถึงวีรกรรมของหัวหน้างาน (อันนี้คุณวีเล่าให้ฟัง)
เรื่องแรก >>>>>> ช่วงหลังๆมานี้เงินเดือนที่ควรได้รับทุกสิ้นเดือนกลับพบว่าเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกเดือนมาเป็นปีแล้ว ทุกคนมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายตอนสิ้นเดือน ทั้งงวดรถ มือถือ ของกินของใช้ ซึ่งค่างวดเหล่านี้ทางธนาคารไม่ได้ให้เราเลื่อนจ่ายอยู่แล้ว แต่เพราะการได้เงินเดือนช้าทำให้การชำระค่านั่นค่านี้ช้าไปอีก ส่งผลให้คุณวีต้องเสียเครดิต ทุกสิ้นเดือนพนักงานต้องทวงถามเงินเดือนเองประจำ พอทวงถามทางนายจ้างเอาแต่อ้างว่ายังไม่มี รอมีลูกค้าก่อนจะจ่ายให้ ทั้งๆที่ตัวเองใช้ชีวิตฉ่ำแบบสุรุ่ยสุร่าย ถอยไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด กินอาหารแพงๆ ท่องเที่ยวไปเรื่อยตามประสาคนมีเงิน แต่พนักงานยังไม่ได้รับเงินเดือนสักบาท ไม่รู้เขารู้สึกอะไรไหม
เรื่องที่สอง >>>>>> ประกันสังคมที่หักไปทุกเดือน สรุปนายจ้างไม่เคยนำส่งเลย ความมาแตกเมื่อคุณวีไปทำฟันที่คลินิกแห่งหนึ่งและต้องการใช้สิทธิ์ประกันสังคม หลังจากทำฟันเสร็จและแจ้งกับทางคลินิกว่าจะใช้ประกันสังคม ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าคุณวีไม่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ คุณวีจึงได้โทรไปถามกับประกันสังคมพบว่า คุณวีขาดส่งประกันสังคมมาเกือบจะสองปีแล้ว ห๊ะ!! WTF แล้วที่นายจ้างหักไปทุกเดือนละมันไปไหน หลังจากวันต่อมาคุณวีก็ได้ไปถามนายจ้างว่าได้จ่ายประกันสังคมให้บ้างไหม สรุปคือยังไม่ได้จ่ายให้เงินไม่พอ แล้วที่หักไปทุกเดือนเอาไปทำไรหมด นายจ้างไม่มีคำตอบใดๆให้คุณวี เมื่อครั้นคุณวีจะเอาไปส่งต่อเองก็ไม่ได้เพราะต้องจ่ายส่วนที่ค้างส่งไปด้วยเป็นเงินหลายหมื่นบาท แบบนี้คุณวีก็หมดสิทธิ์ใดๆในการใช้สิทธิ์ประกันสังคม ถูกไหมคะ
เรื่องที่สาม >>>>>> ภาษีป้ายของคลินิก ทางนายจ้างก็ขาดส่งหลายครั้ง เจ้าหน้าที่เข้ามาทวงถึงคลินิก ทางนายจ้างก็ใช้คำตอบเดิมว่ายังไม่มีชำระ ถ้ามีจะรีบไปชำระ ซึ่งเป็นแบบนี้หลายครั้งจนพนักงานในคลินิกอายไปตามๆกัน แต่ทางนายจ้างกลับไม่ละอายและมองว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ไม่ใช่ปัญหาใหญ๋ แบบนี้มันเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่
เรื่องที่นำมาเล่าให้ฟังก็ประมาณนี้ ถามว่าวีรกรรมของหัวหน้างานยังมีอีกไหมก็ยังมีอีกค่ะ แต่วีรกรรมเด็ดๆที่เป็นหลักพบเจอได้ทุกเดือนซ้ำๆคือสามเรื่องนี้ ถ้าบอกว่าคุณวีทำไมยังทนอยู่ได้ จริงๆคุณวีก็ไม่อยากอยู่นะคะ แต่เพราะความจำเป็นและมีทางเลือกไม่มาก เนื่องจากงานตามต่างจังหวัดที่อยู่ใกล้บ้านหายาก จึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปก่อน รอสอบ ขรชก ติดเมื่อไหร่คุณวีก็จะไปตามทางเช่นกัน แต่ตอนนี้ต้องทนอยู่ตรงนี้ไปก่อน จขกท.ก็ได้แต่ให้กำลังใจคุณวีและอวยพรให้สอบติดตามปรารถนา จะได้ไปจากที่แห่งนี้สักที
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านเรื่องราวที่ส่งต่อกันมาของ จขกท.
ทุกคนได้อ่านแล้วมีข้อเสนอแนะอะไรสามารถแนะนำ จขกท. ได้เลยน๊าาา
ไว้รอบหน้ามีเรื่องราวอะไรใหม่ๆ จะมาอัพเดตให้อ่านกันอีกนะคะ