Bom dia de Portugal. สวัสดีจากโปรตุเกสค่ะ

The more I travel.
The less I know.



สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านค่ะ วันนี้ขอนำเสนอทริปหนึ่งอาทิตย์ในประเทศโปรตุเกส มาดูกันว่า ทริปนี้ดิฉันได้เห็นได้รู้อะไรมาบ้าง เริ่มต้นด้วยรูปที่ชอบที่สุดในทริปนี้ เป็นรูปกระเช้าไฟฟ้าที่อยู่ใกล้กับอควาเรียม Oceanario ของเมืองลิสบอน ดิฉันแวะมาทักทายเหล่าปลา สัตว์น้อยใหญ่ที่นี่แป๊บนึง แต่ดันชอบบรรยากาศแถวนี้ซะงั้น ชอบมากกว่าย่านเมืองเก่าของลิสบอนซะอีกแน่ะ ไม่มีอะไรพิเศษ แค่เป็นคนชอบน้ำ ไม่ว่าน้ำทะเล น้ำตก น้ำคลอง อย่าให้น้ำเน่าเป็นอันใช้ได้  ^__^


เกริ่นนำถึงทริปนี้กันก่อน เป็นทริปที่ไปกันหกคน แก๊งค์เดิมที่เคยไปเกาะซิชิลี ทางใต้ของอิตาลีเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้เพื่อนก็รวมตัวกัน และหวยมาออกที่โปรตุเกส เพื่อนจองตั๋ว Easyjet ล่วงหน้าไปหลายเดือน ได้ราคาตั๋วไปกลับคนละ 100 euro รวมค่าโหลดกระเป๋าแล้ว ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงครึ่ง จากสนามบิน Malpenza มิลาน Terminal 2 เนื่องด้วยเป็นไฟลต์ตอนบ่ายแก่ๆ ไปถึงกรุงลิสบอนก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้วค่ะ เดินออกมานั่งเมโทรเข้าเมือง โรงแรมที่เพื่อนจองไว้ก็อยู่หน้าสถานีรถไฟใต้ดินเป๊ะ สะดวกสบาย ค่ารถไฟฟ้าใต้ดินขาเดียว จนถึงตอนนี้ยังงงว่าจ่ายไปเท่าไหร่ เพราะดิฉันแตะด้วยบัตรเดบิตตรงทางเข้า แล้วกดดูในแอปของธนาคารในมือถือ มันขึ้นค่าโดยสาร 1 euro แต่เพื่อนอีกคนขึ้น 1.50 euro!!! ไรฟะ งงไปหนึ่งตุ๊บ แต่มันดีมากมายที่ไม่ต้องหยอดเหรียญซื้อบัตรรถโดยสาร สะดวกจริงๆค่ะ

ดูรูป ตรงสนามบินมิลานกันก่อนค่ะ ถึงลานจอดรถปุ๊บ เงยหน้ามองฟ้า มีเครื่องบินผ่านมาพอดี ได้ไปหนึ่งแชะ แต่ฟ้าเน่าไปหน่อยนะเนี่ย



Drop กระเป๋ากันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนต่างพากันงงฉงน ตรงที่กระเป๋าสะพายใบเล็กใส่สัมภาระของดิฉันหนักแค่ 4.5 กิโลกรัม ต่างถามกันเซ็งแซ่ว่าเธอพกอะไรมาบ้าง ทำไมมันหนักน้อยนิดเหลือเกิน คำตอบคือ เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นเจ็ดตัว ชุดนอนกระโปรงสองชุด กางเกงผ้าพริ้วๆสองตัว กระโปรงชีฟองหนึ่งตัว คาร์ดิแกนแขนยาวสองตัว ชุดชั้นในเจ็ดตัว ถุงน่องสอง ถุงเท้าสั้นห้า และกระเป๋าใส่อุปกรณ์บิวตี้อีกหนึ่ง อ้อ ยังมีรองเท้า ที่เค้าแจกตามโรงแรมไว้ใส่ในห้องอีกหนึ่งคู่ เอาไว้ใส่ในห้องที่โรงแรมค่ะ กลัวว่าบางโรงแรมไม่มีให้ และปรากฏว่า ไม่มีโรงแรมไหนมีให้ใช้เลย ในรูปข้างล่าง เป้สีฟ้านั่น ก็ใส่อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นพวกขวดน้ำ กระเป๋าเงิน ลูกอม ปากกา สมุดบันทึกเล่มเล็ก

The more I travel, the less I carry.
ไม่แบกอะไรให้หนักอีกแล้วค่ะ เอาเท่าที่จำเป็น

ก่อนเครื่องออก ซื้อน้ำมาดื่ม น้ำขวดนี้ราคาสองยูโร ถามว่าแพงไหม ก็แพงแหละ ไม่ว่าที่สนามบินไหนๆของกินของใช้ก็แพงกว่าข้างนอกเสมอ  พอเครื่องออกจากอิตาลีไปสักพัก ฟ้าใสๆ ก็โผล่มาให้เห็น เป็นสัญญาณที่ดีว่าทริปนี้มันจะต้องปังๆๆ ไม่พังแน่นอน เชื่อได้ไหมนะ




ต้องขอโทษกันก่อนเลยว่า ทริปนี้ดิฉันถ่ายรูปจากมือถือ ตัดแต่งรูป ใส่ตัวอักษร ดูในมือถือมันไม่ใหญ่อะไร แต่เอามาลงคอม ตัวอักษรใหญ่เบิ้ม เกินหน้าเกินตารายละเอียดในรูปไปซะมากโข ต้องขออภัยกันไว้ ทริปหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ 

ดูรูปเมโทร รถไฟใต้ดินของลิสบอนกันค่ะ แต่ละสถานีตกแต่งไม่เหมือนกัน ก็ดูเก่าๆไปตามสภาพ แต่การเอากระเบื้องสี รูป ลวดลายต่างๆมาประดับประดา มันก็ชวนดู น่ามองไปอีกแบบ ภายในตัวรถก็อยู่ในขั้นสะอาดนะคะ ดิฉันว่าที่นี่สะอาดกว่าเมโทรของโรมหรือมิลานไปด้วยซ้ำ


สะอาดสะอ้าน น่านั่งอยู่ค่ะ

ชอบสถานีนี้ที่สุด ใช้กระเบื้องสีขาว เรียบๆ
Less is more.


ดูรูปโรงแรมที่ลิสบอนกันค่ะ เราเลือกพักที่โรงแรม America Diamonds เดินขึ้นมาจากเมโทรปุ๊บ เจอประตูโรงแรมทันใด ห้องพักสะอาดสะอ้าน เตียงนอน สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ทุกอย่างโอเคหมด ยกเว้นว่า ห้องไม่เก็บเสียงใดๆ ห้องข้างๆกดชัดโครกที ได้ยินมาถึงห้องเรา และในทางกลับกัน เค้าก็ได้ยินพวกเราเช่นกัน 555 แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เสียงไม่ได้ดังทั้งวันทั้งคืน เราสองคนยังหลับสนิทกันเหมือนเดิม หรืออีกนัยหนึ่งคือ พวกเราเหนื่อยกัน เกินกว่าเสียงใดๆจะมารบกวนได้ หลับเป็นตายทั้งทริปเลยค่ะ 





ย้ำ รอบที่ล้านแปด อ่างบิเดต์ข้างชักโครกนั่น ไม่ใช่ที่ฉี่แต่อย่างใด โปรดอย่าใช้ผิดวัตถุประสงค์ เอาไว้ล้างตรงนั้นของพวกเราๆกันค่ะ 


ราคาค่าห้องตกที่คืนละ 120 euro สำหรับสองคน รวมอาหารเช้าอย่างดี ที่ว่าดีก็คือ มีของคาวของหวานครบครัน ถ้าเป็นที่อิตาลี ของคาวมีไม่มาก เค้าเน้นขนมของหวานพวกทาร์ต มัฟฟิน ครัวซองค์ แต่ที่นี่มีมากกว่านั้น ไข่คน ไข่ต้ม ไข่ดาว เบค่อน ถั่วขาวแบบอิงลิชสใตล์ แพนเค้กก็มี ทาร์ตไข่ก็มา ไม่มีได้ไง ขนมต้นตำหรับของเค้าเลยนะ เดี๋ยวค่อยเม้าท์ขนมชนิดนี้กันทีหลังค่ะ 

ที่อิตาลี ถ้าเป็นกรุงโรมหรือมิลาน ราคาค่าห้องเท่านี้ ห้องจะไม่หรูหรา ทำเลก็ไม่ดี อาหารเช้างั้นๆ แต่โปรตุเกสนี่ ทั้งทริปพักไปห้าโรงแรม ราคาจะประมาณนี้ 100-120 euro ห้องดี ทำเลเลิศ อาหารเช้าปัง เอาไปเลย 10 10 10.

ปล. ลิสบอน ต้องจ่ายเพิ่ม ค่า tourist tax หัวละ 4 euro ต่อคนต่อคืน อันนี้พอๆกับโรมและมิลานค่ะ 

มาต่อกันที่อาหารเย็นของวันแรกกันดีกว่าค่ะ เรานั่งเมโทรกันไปย่านที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆ จำชื่อไม่ได้ละ เดินวนไปวนมา ดันเจอร้านแบบโลคอล ตกแต่งธรรมดาๆ ไม่แฟนตาซี มีเมนูติดอยู่หน้าร้านเป็นภาษาโปรตุกีส ราคาดีงาม ไม่แพงเว่อร์ อิตาลีเหรอ เมืองหลวงแบบนี้ราคานี้ไม่มีหรอก ก็ลองเข้าไปใช้บริการกันดู เมนูก็อย่างที่เห็นค่ะ ใช้สกิลภาษาอิตาเลียนและสเปนอันน้อยนิดที่ติดตัวอยู่ เดาๆไป ก็ได้กินอาหารถูกปากอยู่นะเออ


จานแรกคือข้าวในน้ำซอสเนื้อมะเขือเทศและกุ้ง แต่มันไม่ใช่สใตล์รีซอตโต้แบบอิตาเลียน ข้าวเหมือนหุงแยก แล้วตักมาใส่น้ำซอส ข้าวเลยนิ่ม อิตาเลียนแท้ๆบ่นกันตรึมว่า ข้าวหุงสุกไป แต่พี่ไทยดีใจหนักหนา นานๆทีเจอเมนูข้าวหุงสุก ไม่ al dente และทั้งทริปดิฉันก็ได้กินข้าวสวยเป็นอาหารจานเคียง เอาไป สิบเต็มสิบอีกครั้ง 


อาหารจานที่สองนี้ แบ่งกันกินกับคุณสามี เป็นปลาค็อดย่าง ซึ่งราดด้วยน้ำมันมะกอกและกระเทียม เพิ่งมารู้แจ้งเห็นจริง ประเทศนี้ใช้กระเทียมกันจริงจังมากกว่าอิตาลีอีกค่ะ อาหารในวันต่อๆมา ใช้กระเทียมกันแทบทุกจาน อิตาเลียนทางเหนือไม่ค่อยปลื้มกระเทียมนัก แต่พี่ไทยโอเค ดิฉันที่โหยหาอาหารที่มีกระเทียมมาเป็นส่วนประกอบ เอาไปเลย สิบเต็มสิบอีกครั้ง 


ตบท้ายด้วยขนมหวาน เป็นโรลเค้กส้ม หวานพอดีๆ ไม่แสบคอ แทบจะทุกร้านอาหารมีขนมหวานชนิดนี้ วางไว้ในตู้โชว์ วันหลังๆก็สั่งมากินอีก อร่อยทุกร้านค่ะ สิบเต็มสิบ อีกละ 



ดูรูปที่ตัวเองถ่ายมาแล้ว ปวดเฮด กับสกิลการถ่ายรูป ย่อรูป ดิฉันพึ่งเปลี่ยนมือถือใหม่ เลยไม่ค่อยคุ้นมือ ขอแก้มือกับทริปต่อไปนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อกับพาร์ทเมืองลิสบอนกันใหม่ ยังมีรูปอีกบานเบอะ โปรดทนอ่านทนดูกันต่อไป 

Have a good day. See you tomorrow kha. 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่